โอกาสทองของการปฏิวัติกองกำลังของชาติ
ภาพดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์
มฤตยูจร (0) เดินในราศีพฤษภ ระหว่าง 8 ก.ค.65-18 ก.ค.72
ตามที่ได้ทิ้งท้ายบทความแม่หมอสมัครเล่นตอนที่แล้วว่า ดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์ถูกออกแบบมาให้รอดวิกฤตครั้งใหญ่ เมื่อรอดแล้วโอกาสจะตามมา
สำหรับรอบนี้เมื่อเมืองตีฝ่าศึกเขมรไปได้แล้ว เราน่าจะได้เห็นการพัฒนาขึ้นของกองทัพ-กองกำลังชาติ แบบก้าวกระโดด
อันที่จริงทางโหรเกณฑ์ที่เอื้อต่อการปฏิวัติใหญ่กองกำลังของชาตินั้นเริ่มมาตั้งแต่ 8 กรกฎาคม 2565 แล้ว และจะเป็นไปถึง 18 กรกฎาคม 2572 ยาวนาน 7 ปี
เกณฑ์นี้มีลางจากดาวมฤตยูจร (o) เจ้าของการปฏิวัติ-เปลี่ยนแปลงใหญ่-ผลัดเปลี่ยน-เหตุร้ายที่ไม่ทันนึกคิด-กิจการที่เกี่ยวกับชนหมู่มาก ตามข้อสรุปที่คนเรียนโหรท่องกันคือ ทายอาเพศทายมฤตยู ฯลฯ เข้าเดินในราศีพฤษภ-ทับพระอังคารดวงเดิมดวงเมือง (๓) ซึ่งเป็น ตัวแทนลัทธิทหาร-กองกำลังติดอาวุธของชาติและเป็นดาวประจำชีพ (ตนุลัคน์) ของเมือง ที่สถิตในราศีพฤษภ
ด้วยหลักโหรนี้ ผู้เขียนจึงได้เริ่มเขียนไว้ตั้งแต่ 5 ธันวาคม 2564 ในบทความแม่หมอสมัครเล่นภาคพิเศษ ชื่อตอน ดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์ 2565 บอกลางไว้ก่อนล่วงหน้าว่า-(ปี 2565) เริ่มเจ็ดปีของการปฏิวัติใหญ่กองทัพ-ผู้ถืออาวุธ-ตำรวจ เพื่อรับมือความล้ำสมัยทางเศรษฐกิจ
หลังจากนั้นก็เขียนเกณฑ์นี้เกือบจะทุกปีในการทำนายดวงเมือง
บางปีถึงขนาดบอกเอาตรงๆ ว่า อยากได้ กองทัพล้ำสมัยแบบอิสราเอลที่นายพลน้อยไม่ล้นแบบกองทัพไทย-คุณภาพทหารออกแนวเฉียบล้ำสมัย
จะเว้นก็แต่ปีนี้ที่พลาดไม่ได้เตือนไว้ เพราะ การเมืองออกแนวโน้มจะดุเดือด แล้ว มาเกิดเรื่องศึกเขมรใส่หน้าโหรเลย เรียกได้ว่า โหรเจอฤทธิ์มฤตยูเข้าเต็มรัก
แต่เอาละอย่างน้อยก็ได้ทำนายไว้ก่อนกาลนานเนจนคนว่าบ้าหลักไปคนเดียวแล้ว เพราะไม่มีใครใส่ใจ
ก็ขอย้อนเหตุการณ์กลับไปตั้งแต่กรกฎาคม 2565 ดาวมฤตยูจร (0) ย้ายจากราศีเมษเข้าเดินในราศีพฤษภ (อย่างจริงจัง) ผู้เขียนก็เฝ้าสังเกตเพื่อบันทึกเป็นเกณฑ์โหรถึงผลของมฤตยูจรในราศีพฤษภคือ เรื่อง สำคัญที่จะอุบัติในเมืองเจ็ดปีนี้ เกี่ยวกับการปฏิวัติกองกำลังของชาติ
แค่มฤตยูจรเยี่ยมหน้าอาเพศมาที่ราศีพฤษภแว็บแรก ก่อนจะเดินกลับเข้าราศีเมษ เมืองก็ได้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหญิงคนแรกแล้ว คือคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
หลังจากนั้นก็สะสมพลังของการเปลี่ยนแปลงมาเรื่อย เช่น กองกำลังของชาติ คือถูกถล่มแหลกจากทางการเมืองและประชาชนบางส่วนว่าจะซื้ออาวุธไปทำไมเพราะตอนนี้เขาไม่รบกันแล้ว-ทหารมีไว้ทำไม-ได้พลเรือนชายและอดีตคอมมิวนิสต์มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นต้น
แต่ในท่ามกลางความกดดันจากทั้งการเมืองและการบ้านคือ ประชาชนบางส่วนที่ห้องโหรเล็กๆ ของผู้เขียนที่ห้องบี 263 ตลาดบองมาเช่ ข่าวจากผู้มาใช้บริการดูดวงชะตาบางคนก็มี หลุดออกมาบ้าง ถึง ความพยายาม-ดิ้นรน ที่จะทำอาวุธ-ยุทโธปกรณ์ของกองทัพให้ทัน-ล้ำสมัย
อันเป็นข้อมูลจากทั้งทหารเองหรือภาคเอกชนที่ร่วมมือกับกองทัพ ในโครงการที่ผู้เขียนเองไม่เข้าใจ และเกินจินตนาการ เพราะวันๆ อยู่แต่กับดวงดาว 8-10 ดวง
ครั้นพลันศึกเขมรระหว่าง 24-28 กรกฎาคม 2568 อุบัติ ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ากองทัพของชาติได้พยายามเพียงใด ที่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในยุคที่โลกล้ำสมัย
ส่วนหลังจากเกิดวิกฤตคราวนี้แล้วขอให้มองโอกาสสำหรับเมืองและกองทัพคือ
1.อย่างน้อยคนที่เคยประมาท ไร้เดียงสา โลกสวย เต็มไปด้วยดอกไม้และสันติภาพ เกิดช็อกและได้รู้แล้วว่า เมืองที่ได้อยู่สุขสบายร่มเย็นและปลอดจากศึกสงครามมานาน กลับไม่แน่นอนเสียแล้ว เพราะจู่ๆ สงครามก็เกิดต่อหน้าต่อตา
ถ้ากองกำลัง-อาวุธยุทโธปกรณ์ไม่เข้มแข็งทันสมัย เมืองจะเละ และเป็นรองได้ง่ายมาก
2.มีหรือไม่มีรัฐบาลเมืองก็อยู่รอดได้แม้ในภาวะสงครามด้วยทหารที่นำหรือจูงเมือง และได้ประชาชนที่เข้มแข็งร่วมมือร่วมใจกันช่วยหนุน (พระจันทร์ ๒-ตัวแทนประชาชนสถิตราศีกรกฎ-มาตรฐานเกษตราธิบดี-โยคหน้าพระอังคาร ๓ ให้ความเข้มแข็งทหาร)
3.สำหรับทหารหรือกองกำลังของชาติ ศึกเขมรครั้งนี้ได้เผยไต๋ที่กลบอยู่ออกมาไม่น้อย บางอย่างกลายเป็นประเด็นเปรี้ยงแบบไม่คาดคิดตามอาการของมฤตยู คือการบินทิ้งระเบิดของกริพเพนครั้งแรกของโลก
ฉะนั้นกองทัพ หรือกองกำลังติดอาวุธต้องเร่งปฏิวัติต่อไป
เพราะด้วยหลักโหรแล้ว มฤตยูจร (0) มาคราวนี้ หากกองทัพไม่ปฏิวัติก็ถูกปฏิวัติ
ถ้าฝืนได้ก็จะถูกทิ้งไว้ข้างหลังอย่างเจ็บปวด
ถ้าทำได้ไม่ดีก็จะล้มลุกคลุกคลาน พาเมืองเดือดร้อน
หากทำได้ดีจะประสบความสำเร็จล้ำเลิศ พาเมืองรอด
แต่ไม่ว่าทางเดินจะคลุมเครือขนาดไหน (มฤตยูจร 0 ทับพระเกตุ ๙ ดวงเดิม) หากเลือกทางปฏิวัติหรือเปลี่ยนแปลงใหญ่ยังมีทางรอดกว่าไม่ทำ
ย้ำผลสรุปโดยรวมอีกครั้งคือ เจ็ดปีผ่านไป เมื่อมฤตยูจรย้ายราศีแล้ว หากยืนอยู่ข้างกำแพงพระนคร กรกฎาคม 2572 เราจะถามตัวเองว่ากองกำลังของชาติไปถึงจุดนั้นได้อย่างไร?.