โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ภาษีทรัมป์ 36% ไทยสูงสุดในอาเซียน ฉุดส่งออก เขย่า ศก. แรงงานสะเทือนทั้งระบบ

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 9 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้า และอุตสาหกรรมไทย เปิดเผยว่า เมื่อคืนวันที่ 7 กรกฎาคม 2568 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศคงอัตราภาษีนำเข้ากับประเทศที่สหรัฐ เสียเปรียบดุลการค้าหรือไม่เอื้อเงื่อนไขที่เป็นประโยชน์ หรือที่เรียกว่า "Reciprocal Tariff" โดยประเทศไทยเป็นหนึ่งใน 14 ประเทศกลุ่มแรก ที่ได้รับแจ้ง และถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตราร้อยละ 36% ซึ่งหากไม่นับรวมลาว เมียนมา และกัมพูชา ถือเป็นอัตราภาษีที่สูงสุดในอาเซียน และในกลุ่ม 14 ประเทศดังกล่าว

การประกาศอัตราภาษีนี้เกิดขึ้นหลังจากที่สหรัฐ ผ่อนปรนอัตราภาษี 10% ซึ่งครบกำหนด 90 วันแล้ว นายธนิตตั้งข้อสังเกตว่าทำไมประเทศไทยจึงถูกสหรัฐ เรียกเก็บภาษีในอัตราที่สูงกว่าประเทศอื่นๆ มาก ในเอกสารที่ทรัมป์ลงนามด้วยตัวเอง ระบุว่า "เป็นการนำอำนาจอธิปไตยทางเศรษฐกิจของสหรัฐ กลับคืนมาด้วยการจัดการกับความสัมพันธ์ทางการค้าที่ไม่เท่าเทียมกัน ซึ่งคุกคามเศรษฐกิจของประเทศตลอดจนความมั่นคงของชาติ" ซึ่งแสดงให้เห็นถึงจุดยืนที่แข็งกร้าวของสหรัฐ ภายใต้นโยบาย "America First" ที่มุ่งเน้นผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ

นายธนิต ย้ำว่า การเจรจากับทีมงานของประธานาธิบดีทรัมป์นั้นไม่ใช่ลักษณะการเจรจาแบบ "Win/Win Situation Negotiate" ที่ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ แต่เป็นการเจรจาที่สหรัฐ ใช้ปฏิสัมพันธ์เชิงอำนาจที่เหนือกว่า โดยไม่ได้ต้องการ การต่อรอง แต่ต้องการให้คู่เจรจาเสนอว่าจะให้อะไรได้มากที่สุด ซึ่งหมายถึงสถานการณ์แบบ "Lost & Loss" สำหรับฝ่ายที่ถูกเรียกเก็บภาษี

นอกจากนี้ ทรัมป์ยังขู่ว่าหากไทยขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐ ในอัตราใด ก็จะจัดเก็บภาษีเพิ่มเข้าไปอีกในสัดส่วนที่เท่ากัน แม้จะยังคงมีความหวังว่าอัตราภาษีดังกล่าวสามารถลดได้หากมีเงื่อนไขที่น่าสนใจ แต่ต้องสรุปให้ได้ก่อนเส้นตาย 1 สิงหาคม 2568

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และแรงงานไทย

ประเทศไทยพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก โดยมีสัดส่วนใน GDP ประมาณ 57% และตลาดสหรัฐ ถือเป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของไทย ในปี 2567 สัดส่วนการส่งออกไปยังสหรัฐ อยู่ที่ 18.30% และในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2568 (ม.ค. - พ.ค.) สัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 19.61% คิดเป็นมูลค่า 27,098.1 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 27.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว การเร่งส่งออกในช่วงดังกล่าวเป็นผลมาจากการคาดการณ์ว่าสหรัฐ จะประกาศใช้มาตรการภาษีใหม่

อัตราภาษี 36% ที่ไทยถูกเรียกเก็บนี้ เกินความคาดหมาย และเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด (Worst-Case Scenario) เพราะเคยคิดว่าอย่างมากอาจต่อรองได้เหลือเพียง 20-25%

ภาคการส่งออกของไทยเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ มีห่วงโซ่อุปทานขนาดใหญ่ และเชื่อมโยงกับทุกภาคส่วน อาทิ

อุตสาหกรรมในประเทศ: วัตถุดิบ, สินค้ากึ่งสำเร็จรูป, อะไหล่เครื่องจักร, วัสดุสิ้นเปลืองในการผลิต

ธุรกิจบริการ: โลจิสติกส์ (การเดินเรือ, เครื่องบิน, รถบรรทุก, ศูนย์กระจายสินค้า)

อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับบรรจุภัณฑ์: กล่อง, ลัง, พาเลท

อุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร: ข้าว, ยางพารา, มันสำปะหลัง, ประมง, ปศุสัตว์

ภาคการส่งออก และห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวข้องมีบทบาทสำคัญต่อการจ้างงาน โดยมีการประมาณการเบื้องต้นว่า มีแรงงานที่เกี่ยวข้องประมาณ 18-20 ล้านคน หากอัตราภาษีนำเข้าไปยังตลาดสหรัฐ ของไทยสูงกว่าคู่แข่งอย่างเวียดนาม และอินโดนีเซีย (ซึ่งเวียดนามถูกเรียกเก็บภาษี 20%) จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อปริมาณ และมูลค่าการส่งออกที่ลดลง ผลที่ตามมาคือ การลดกำลังการผลิต ซึ่งจะส่งผลให้เกิดปัญหา แรงงานส่วนเกิน ทั้งทางตรง และทางอ้อมที่อาจต้องสูญเสียตำแหน่งงาน และ/หรืออาชีพ โดยผลกระทบจะมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับสัดส่วนการพึ่งพิงตลาดสหรัฐ ของอุตสาหกรรมหรือภาคบริการนั้นๆ

ภาคส่วนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีของทรัมป์ ได้แก่

  • เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ
  • ผลิตภัณฑ์ยาง
  • อัญมณี และเครื่องประดับ
  • เครื่องปรับอากาศ และส่วนประกอบ
  • เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์ และส่วนประกอบอื่นๆ
  • เครื่องจักรกล และส่วนประกอบ
  • รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ
  • อุปกรณ์กึ่งตัวนำ-ทรานซิสเตอร์
  • เหล็ก และผลิตภัณฑ์จากเหล็ก
  • ผลิตภัณฑ์พลาสติก
  • อาหารสัตว์
  • อาหารทะเล/ผลไม้กระป๋อง และแปรรูป

นายธนิต ชี้ว่า ตลาดสหรัฐ เป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของไทย การที่ประธานาธิบดีทรัมป์คงอัตราภาษี "Reciprocal Tariff" ที่ 36% ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดในอาเซียน หากไทยไม่สามารถมีข้อเสนอหรือดีลใหม่ๆ ที่ทำให้ประธานาธิบดีทรัมป์ สนใจ และลดภาษีให้ใกล้เคียงหรือเท่ากับเวียดนามได้ จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อภาคเศรษฐกิจ เนื่องจากภาคการส่งออกมีห่วงโซ่อุปทานขนาดใหญ่ และเชื่อมโยงกับทุกภาคส่วน อัตราภาษีที่สูงกว่าประเทศคู่แข่ง โดยเฉพาะเวียดนามอยู่ที่ 20% จะทำให้ ขีดความสามารถในการแข่งขันด้านราคาลดลง หรือไม่สามารถแข่งขันได้

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ผู้นำเข้าสหรัฐ จะมีการปรับเปลี่ยนแหล่งนำเข้าใหม่ ซึ่งคาดว่าคำสั่งซื้อจะเริ่มลดลงในช่วงเดือนกันยายน โดยอุตสาหกรรม และภาคบริการอย่างน้อย 1 ใน 5 จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง การผลิตที่ลดลงมีผลต่อการใช้แรงงานที่ลดลง แต่จำนวนที่แน่นอนยังไม่สามารถประเมินได้ในขณะนี้

ภาคแรงงานที่อยู่ในภาคส่งออก และห่วงโซ่อุปทานที่ได้รับผลกระทบเป็นทั้งผู้ผลิต และผู้บริโภค ครัวเรือนแรงงานจึงเป็นกลุ่มผู้บริโภคขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอยที่ลดลงเป็นลูกโซ่ไปถึงภาคค้าส่ง-ค้าปลีก และการซื้อสินค้าคงทน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ยานพาหนะ หรืออสังหาริมทรัพย์ ยอดขายที่หดตัวจะนำมาซึ่งปัญหาสภาพคล่องในภาคธุรกิจ การเลิกจ้าง และหนี้เสีย (NPL) ของสถาบันการเงิน

"ทีมประเทศไทย" ซึ่งเป็นทีมเจรจา มีงานหนักในช่วงเวลาที่เหลือไม่มากนัก ไม่ควรเพียงแค่บอกว่า "เสนอไปแล้ว" แต่ไม่รู้ว่าทรัมป์จะพิจารณาหรือไม่ จำเป็นต้องมีการ ล็อบบี้ เพื่อให้ทรัมป์ลดภาษีลงมาให้ใกล้เคียงกับเวียดนาม แม้จะดูเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายก็ตาม

ในสถานการณ์เช่นนี้ หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องต้องประเมินว่าเศรษฐกิจไทยภายใต้ภาษีที่รุนแรงเช่นนี้จะรับมืออย่างไร และประเมินผลกระทบหากการส่งออกไปสหรัฐ หายไปครึ่งหนึ่ง โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับภาคแรงงาน สำนักพยากรณ์เศรษฐกิจภาคเอกชนประเมินว่าหากภาษีของทรัมป์อยู่ในระดับนี้ เศรษฐกิจไทยอาจขยายตัวได้เพียง 1% หรือต่ำกว่า ในระยะกลาง การลงทุนจะลดลงยิ่งเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจที่อ่อนแออยู่แล้ว

ขณะที่รัฐบาลยังคงขาดความเชื่อมั่น และขาดเสถียรภาพทางการเมือง ทำให้ความทุ่มเทในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจอ่อนแอลง ภายใต้สภาวการณ์ที่ไม่เอื้อ และมีความเสี่ยงต่อการอยู่รอดของธุรกิจ ภาคเอกชนทั้งนายจ้าง และลูกจ้างคงต้องจับมือกันเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ "รอบนี้หนัก"

นายธนิต เปิดเผยว่า ได้นำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมสภาที่ปรึกษาเพื่อพัฒนาแรงงานแห่งชาติ เพื่อเรียกประชุมผู้ส่งออก และห่วงโซ่อุปทานมาให้ความเห็น และประเมินผลกระทบ ซึ่งคาดว่าจะจัดขึ้นได้ภายในช่วงสัปดาห์ที่สามของเดือนนี้

พิสูจน์อักษร….สุรีย์ ศิลาวงษ์

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

'สภา' ถกนิรโทษกรรม 'รังสิมันต์' ชี้ล้างผิดต้องไม่เลือกปฏิบัติ

28 นาทีที่แล้ว

'มทภ.2' อยากได้ 'นายกฯ' ทำเพื่อประเทศชาติ ส่วนทหารพร้อมสนองงาน

33 นาทีที่แล้ว

'ธุรกิจเทคฯ จะโตจริง' ต้องใส่ใจโลก ลดผลกระทบ-เพิ่มพึ่งพิงธรรมชาติ

34 นาทีที่แล้ว

ปชน.ซัดรัฐบาลไม่จริงใจ ถอนร่าง 'เอนเตอร์เทนฯ' กลัวคว่ำกลางสภา

34 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไอที ธุรกิจอื่น ๆ

ทรูมันนี่-เพย์ เน็กซ์ เอ็กซ์ตร้า จับมืออัลเตอร์วิม เปิดตัวสินเชื่อดิจิทัลติดตั้งโซลาร์เซลล์ หนุนการใช้พลังงานสะอาดในไทย

สยามรัฐ

NIA จับมือ TikTok ประกาศ 6 ผู้ชนะ InnovaTok 2025 ปลุกคอนเทนต์วิทย์-เทคสุดปัง

สยามรัฐวาไรตี้

โบรกฯ ส่องประเด็น เฟ้น 4 หุ้นเด่น BBL-BCPG-BDMS-PTTEP

ทันหุ้น

บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน เปิดภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่ โดดเด่นด้วยฟีเจอร์ “พอยท์แบบใหม่ ให้ได้มากกว่า”

สยามรัฐ

GPSC เข้าร่วมการฝึกปฏิบัติการร่วม NASMEX’25 แผนความปลอดภัยท่าเทียบเรือ เขตท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด

สยามรัฐ

Crypto 101 เจาะลึกกระเป๋าเงินดิจิทัลต่างกันยังไง?

ทันหุ้น

ETDA คุมเข้มแอปฯเรียกรถ บังคับจดทะเบียน-มีใบขับขี่สาธารณะ

กรุงเทพธุรกิจ

PTT Blueplus+ จับมือ CJ WORX เปิดตัวหนังแอนิเมชัน AI พลิกอนาคตโฆษณา

SpringNews

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...