จาก “วิกฤติ” สู่‘โรงแรมยั่งยืน’ 600ห้อง ภายใต้ผู้นำรุ่นใหม่ ‘หยี่เต้ง ฮอสพิทาลิตี้’
ท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 ภายใต้ธุรกิจท่องเที่ยวซบเซา นักท่องเที่ยวต่างชาติหายไป 100% แต่ภายใต้ผู้นำคนรุ่นใหม่อย่าง “สหรัฐ จิวะวิศิษฎ์นนท์” กรรมการบริหาร กลุ่มหยี่เต้ง กลับพลิกวิกฤติ เป็น “โอกาส” เขียนนิยามใหม่จากธุรกิจโรงแรม สู่ “โรงแรมแห่งความยั่งยืน” เพื่อหวังว่าจะยกระดับ “ภูเก็ต”ก้าวสู่เมืองท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก!
- จุดเริ่มต้นและความเชื่อมั่นในเส้นทางธุรกิจ
“สหรัฐ” เล่าว่า หลังจากเรียนจบและกลับประเทศไทยในปี 2020 เขาได้เข้ามาดูแลธุรกิจครอบครัวและร่วมเปิดโรงแรมโฟร์พอยท์ส บาย เชอราตัน ภูเก็ต ป่าตอง บีช รีสอร์ท ซึ่งเปิดตัวในช่วงเวลาที่ท้าทายเพราะเป็นช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19
หลายฝ่ายตั้งคำถามว่าควรเปิดหรือชะลอ แต่ด้วยความเชื่อมั่นในทีมงาน แบรนด์ และพันธมิตรด้านการเงินอย่างธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) จึงตัดสินใจเปิดโรงแรม “โฟร์พอยท์ส บาย เชอราตัน ภูเก็ต ป่าตอง บีช รีสอร์ท” โดยเริ่มต้นจากพนักงานเพียง 90 คน มาสู่พนักงาน 400 คนในปัจจุบัน
ภายใต้กลุ่มหยี่เต้ง ฮอสพิทาลิตี้ มีโรงแรม 2 แห่ง คือ โฟร์พอยท์ส บาย เชอราตัน ภูเก็ต ป่าตอง บีช รีสอร์ท ซึ่งได้รับ Green Leaf Certificate และ เชอราตัน ภูเก็ต ในหาน บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง
ความพิเศษของกลุ่มหยี่เต้ง คือเป็นหนึ่งในนักลงทุนรายแรกๆ ของภูเก็ตที่นำแบรนด์โรงแรมระดับโลกเข้ามาบริหาร ซึ่งสร้างความแตกต่างและยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมโรงแรมในพื้นที่ อีกทั้งครอบครัวยังสนับสนุนแนวคิดความยั่งยืนเต็มที่
- สร้างความเข้าใจกับเจเนอเรชันก่อน
ในฐานะคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาบริหารงาน เขาเองต้องสื่อสารกับเจเนอเรชันก่อนในครอบครัว เพื่ออธิบายว่า
“ความยั่งยืน"นั้นไม่ใช่เพียงการเพิ่มต้นทุน” แต่ยังช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานได้จริง"
เขายกตัวอย่างตัวเลขเชิงพาณิชย์ ที่ชี้ให้เห็นว่าการลงทุนในความยั่งยืน เช่น เทคโนโลยีประหยัดพลังงาน และการลดการปล่อยคาร์บอน สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างชัดเจนและยั่งยืน
“หยี่เต้ง” เริ่มโครงการความยั่งยืน จากโฟร์พอยท์ส บาย เชอราตัน ภูเก็ต ป่าตอง บีช รีสอร์ท จากการลงทุนในระบบเทคโนโลยีดิจิทัลตั้งแต่เริ่มต้น ถือเป็นกุญแจสำคัญ ที่นำไปสู่การดำเนินธุรกิจเพื่อยั่งยืนที่ง่ายขึ้น ทั้งการติดตั้งระบบติดตามคาร์บอน และระบบจัดการพลังงาน ที่ช่วยบันทึกข้อมูลการปล่อยคาร์บอนและการใช้พลังงานได้ละเอียด
ส่งผลให้การปรับตัวสู่ความยั่งยืนเป็นเรื่องง่ายและมีประสิทธิภาพกว่าคู่แข่ง
การเปิดโรงแรมในช่วงโควิดเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ แต่เขา “เชื่อมั่นในทีม เชื่อมั่นในแบรนด์ของเรา เชื่อมั่นในสินทรัพย์ของเรา เชื่อมั่นในพาร์ตเนอร์ที่ดีของเรา ที่จะช่วยซัพพอร์ตเรา” ทำให้ตัดสินใจเดินหน้าต่อ ผลลัพธ์ที่ตามมาคือโรงแรมสามารถสร้างอัตราการเข้าพัก เฉลี่ยถึง 90% ในปีที่ผ่านมา
- ต้องยั่งยืนด้วยกันทั้งสังคม-ชุมชนท้องถิ่น
“สหรัฐ” ฉายภาพให้เห็นว่า การดำเนินธุรกิจบนความยั่งยืนนั้น ความยั่งยืนต้องไม่ใช่เรื่องของโรงแรมเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการช่วยสังคมและเศรษฐกิจให้ดีขึ้นด้วย ด้วยวิสัยทัศน์ที่ว่า Localization Strategy หรือกลยุทธ์ใช้ทรัพยากรจากชุมชน เพื่อกระจายรายได้และสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น
“การที่เราออกไปซื้อของจากชุมชนก็ทำให้คนในชุมชนได้ประโยชน์ด้วย เศรษฐกิจท้องถิ่นก็จะดีขึ้น แทนที่เราจะไปซื้อโปรดักต์จากต่างประเทศ หรือต่างจังหวัด ทำไมเราไม่เริ่มจากการทำให้จังหวัดเราก่อน และไม่เพียงแค่ซื้อของจาก Local Source จากชุมชน อย่างปลาที่ซื้อจากชุมชน ที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านโลจิสติกส์ได้มาก หรือแทบไม่มีเลย ถ้าเทียบกับการซื้อของจากเจ้าใหญ่”
ไม่เพียงเท่านั้น โรงแรมยังจัดกิจกรรมร่วมกับชุมชน เช่น การแปลงเศษอาหาร (Food Waste) เป็นปุ๋ย การทำสวนผักแนวตั้งเพื่อปลูกและใช้ในโรงแรม และส่งเสริมให้พนักงานมีส่วนร่วมในกิจกรรมสาธารณะ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการสร้าง Brand Story และเพิ่มคุณค่าให้แบรนด์โรงแรมในสายตานักท่องเที่ยว
การช่วยเหลือชุมชน แม้จะไม่ได้วัดออกมาเป็น “ตัวเลข” ว่ามีมูลค่าสูงต่ำเท่าใด แต่เขาเชื่อมั่นว่า สิ่งที่โรงแรมทำนั้นค่อนข้างมีอิมแพคและช่วยให้ชุมชนอยู่ดีกินดีขึ้น!
หลายคนอาจมองว่าความยั่งยืนเป็นต้นทุนเพิ่ม ในความเป็นจริงนั้น พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การทำเรื่องความยั่งยืน ช่วยลดต้นทุน ช่วยประหยัดได้จริง โดยโรงแรมสามารถลดคาร์บอนอีมิชชั่นได้เกือบ 7% และลดการใช้พลังงานลงอีก 7% เมื่อเทียบปีต่อปี ทำให้ปีนี้ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานกว่า 2.1 ล้านบาท
- แผนธุรกิจหลังจากนี้ “ความยั่งยืน” จะเข้มข้น
ในอนาคต ตัวเขาเองเชื่อว่า “ความยั่งยืน” จะยิ่งเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้แผนธุรกิจของกลุ่มหยี่เต้ง ที่ตั้งทำให้โรงแรมเพิ่มพื้นที่สีเขียวและลงทุนในโครงการพลังงานสะอาด เช่น การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ รวมถึงสนับสนุนให้พนักงานทำกิจกรรมร่วมกับชุมชนมากขึ้น
และหมุดหมายของ “หยี่เต้ง” คือตั้งเป้าในอีก 5 ปีในการผลักดันโรงแรมในการลดคาร์บอนอีมิชชั่นให้เหลือ 1.6 ล้านกิโลกรัมต่อคาร์บอน ภายในปี 2030 จากปีก่อนที่ปิดที่ 4.8 ล้านกิโลต่อคาร์บอน
“โรงแรมเชอราตัน ในหาน” โรงแรมใหม่ ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้าง และมีแผนเปิดปลายปี 2028 จะยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงความยั่งยืนที่เข้มข้นขึ้น จากมีการออกแบบตั้งแต่ต้นเพื่อขอการรับรอง EDGE Certification ซึ่งเป็นมาตรฐานอาคารสีเขียวระดับสากล ซึ่งเชื่อว่า การมีแบรนด์และมาตรฐานความยั่งยืนสูง จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นต่อลูกค้าและตลาดได้อย่างชัดเจน
การลงทุนครั้งใหม่นี้ อยู่ภายใต้งบลงทุนรวมกว่า 5,000 ล้านบาท แม้ต้นทุนก่อสร้างที่เกี่ยวกับความยั่งยืนสูงกว่าปกติราว 20-30% แต่เชื่อว่า “คุณค่า”ที่จะได้กลับมาจะยิ่งสูงขึ้นด้วย ก็เหมือน “การคืนทุน” ให้ทั้งนักท่องเที่ยว ทั้งคนในชุมชน ให้สังคม และเศรษฐกิจ เพื่อหวังว่าโดยรวมแล้วทุกอย่างจะดีขึ้นได้
การเดินพันธกิจนี้ “สหรัฐ” เชื่อเหลือเกินว่า
"ความยั่งยืนนั้นคือ "เทรนด์” และเชื่อว่าทุกคนกำลังมุ่งหน้าสู่ความยั่งยืน ยิ่งภายใต้การแข่งขันของอุตสาหกรรมโรงแรมที่มีการแข่งขันสูง มีการเปิดโรงแรมใหม่แทบทุกวันในหลายประเทศ ดังนั้น การปรับตัวและตอบรับเทรนด์ความยั่งยืนจึงเป็น “ข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน”
- พันธมิตรทางการเงินที่มีบทบาทสำคัญ
แต่ตัวเขาเชื่อว่า สุดท้ายแล้วทั้งหมดที่กล่าวมานั้น จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่มีพาร์ตเนอร์ชิฟอย่าง “ธนาคารไทยพาณิชย์” ที่เป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนด้านเงินทุนในการดำเนินธุรกิจบนความยั่งยืน
ที่ถือเป็นพันธมิตรระยะยาวที่คอยสนับสนุนต่อเนื่องมาตั้งแต่วิกฤติโควิด และช่วยสนับสนุนเงินทุนเพื่อพัฒนาโครงการใหม่ ผ่านการให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำบน Sustainability Linked Loan ที่เป็นส่วนสำคัญให้เราถึงจุดคุ้มทุนได้ไวขึ้น
“การที่ไทยพาณิชย์สนับสนุนเราในการยื่นขอ EDGE Certification เพื่อให้เราเป็นโครงการสีเขียว มันคือความเชื่อมั่น ที่จะส่งผลต่อการได้มาซึ่งกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ ที่หันมาหาโรงแรมที่มี Certify ในเรื่อง Sustainability มากขึ้น”
สุดท้ายแล้ว “สหรัฐ”เองเชื่อว่า “ความยั่งยืนไม่ใช่เพียงทางเลือก แต่เป็นสิ่งจำเป็นในอนาคต ทุกโรงแรมต้องเดินหน้าไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งจะทำให้ภูเก็ตกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลกได้
แม้วันนี้ตัวเขาเอง ยากที่จะตอบว่า โรงแรมของ”กลุ่มหยี่เต้ง” ถือเป็น “ผู้นำ” หรือไม่ ในเรื่องความยั่งยืน แต่สิ่งที่เขามั่นใจอย่างมากคือ “กลุ่มหยี่เต้ง” ไม่ใช่ผู้ตามแน่นอน!