SINOรุก"ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น" ยกระดับขนส่งระหว่างประเทศ
“ไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น” รุกใหญ่ "ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น" เดินหน้าโครงการ VOYA ยกระดับเทคโนโลยีขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ลงทุนติดตั้งระบบ Freight Cloud System เพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการกระบวนการขนส่งสินค้าและติดตามสถานการณ์จัดส่งแบบเรียลไทม์ และติดตั้งระบบ SAP S4/HANA เพิ่มประสิทธิภาพบริหารงานบัญชี เชื่อมต่อข้อมูลธุรกรรมอย่างสมบูรณ์ ไม่ทำงานซ้ำซ้อน พร้อมจัดตั้งคณะทำงานขับเคลื่อน Business Blueprint และวางแผนนำ AI ประยุกต์ใช้หลากหลายด้าน
นายนันท์มนัส วิทยศักดิ์พันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SINO เปิดเผยว่า บริษัทฯ รุกขยายการลงทุนด้านเทคโนโลยีดิจิทัลครั้งสำคัญภายใต้ชื่อโครงการ VOYA เพื่อเพิ่มศักยภาพการบริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทั่วโลก สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าและรายละเอียดของการบริการที่มีความซับซ้อนได้ดียิ่งขึ้น ตลอดจนรองรับเป้าหมายในอนาคตที่จะก้าวเป็นผู้นำการบริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน
การเดินหน้าดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นครั้งนี้ใช้งบลงทุนประมาณ 16 ล้านบาท ประกอบด้วยการลงทุน 2 ส่วน ได้แก่ 1) การลงทุนพัฒนาและติดตั้งระบบ Freight Cloud System เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการกระบวนการขนส่งสินค้า เพิ่มความรวดเร็ว แม่นยำ และสามารถติดตามสถานการณ์จัดส่งแบบเรียลไทม์ และ 2) การติดตั้งระบบ SAP S4/HANA ซึ่งเป็นระบบ ERP อันดับหนึ่งของโลก เพื่อใช้บริหารจัดการงานบัญชีและการเงิน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านความถูกต้อง โปร่งใส และรองรับการตรวจสอบอย่างเป็นระบบ โดย 2 ระบบนี้จะเชื่อมต่อข้อมูลธุรกรรมกันอย่างสมบูรณ์ ไม่มีการทำงานซ้ำซ้อน
นางสาวอรชพร วิทยศักดิ์พันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัทไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้รับผิดชอบหลักในการบริหารและดำเนินโครงการ VOYA เปิดเผยว่า จุดเด่นของการลงทุนครั้งนี้ บริษัทฯ ทำการออกแบบโครงสร้างระบบเป็น Global Template เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต และใช้เทคโนโลยี Robotic Process Automation (RPA) เชื่อมต่อการรับข้อมูลจากแหล่งต่างๆ แทนการทำงานที่ต้องทำซ้ำๆ ได้อย่างอัตโนมัติ เพื่อลดภาระและเพิ่มความแม่นยำของข้อมูลที่จะให้บริการแก่ลูกค้า รวมถึงออกแบบให้เชื่อมโยงการทำธุรกรรมระหว่างบริษัทในเครือแบบ Inter-company Transaction สามารถเชื่อมต่อการทำงานถึงกันอย่างรวดเร็ว
“เราได้จัดตั้งคณะทำงาน Project Core Team โดยคัดเลือกสมาชิกจากพนักงานที่มีประสบการณ์และความรู้ความสามารถสูงสุดจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมโครงการ ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการจัดทำ Business Blueprint เพื่อออกแบบปรับปรุงกระบวนการทำงานใหม่อย่างละเอียดทุกด้าน” นางสาวอรชพร กล่าว
นายนันท์มนัสกล่าวอีกว่า เทคโนโลยี AI เป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงาน และเพิ่มความสามารถการตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างตรงจุด โดยมีแผนประยุกต์ใช้ AI กับงานหลากหลายด้าน อาทิ การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า, ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร, วิเคราะห์ข้อมูลต้นทุน ฯลฯ เพื่อให้ทีมขายสามารถแนะนำลูกค้าได้ถึงแนวโน้มค่าระวางขนส่งสินค้า (Freight)
นอกจากนี้ บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพบุคลากร เพื่อทำงานร่วมกับเทคโนโลยีใหม่ได้อย่างมีประสิทธิผล โดยไม่ได้มองว่า AI จะมาทดแทนการทำงานของบุคลากร แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยเสริมศักยภาพให้ทีมงานสามารถบริการแก่ลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และมีคุณภาพยิ่งขึ้น ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO