โบรกฯ แนะหุ้นธีม กลุ่ม TARIFF PLAY หลังสหรัฐเก็บภาษีไทยลดลงอยู่ที่ 19%
#ทันหุ้น-ฝ่ายวิจัยบล.เอเซีย พลัส ระบุว่า หลังจากที่รู้ตัวเลข TRADE TARIFF ของไทยอยู่ระดับ 19% ใกล้เคียงประเทศเพื่อนบ้าน จึงเป็นการโล่งใจระดับหนึ่งว่าประเทศไทยไม่ได้เสียเปรียบประเทศอื่น โดยฝ่ายวิจัยฯคาดว่า SET INDEX ระดับปัจจุบันน่าทยอยสะสมหุ้นเพิ่มเติม จาก 2 เหตุผลหลักๆ ดังนี้
1. เปรียบเทียบผลตอบแทนตลาดหุ้น (YTD)จะพบว่าตลาดหุ้นไทย -11.3%(YTD)LAGGARD กว่าประเทศที่ถูกภาษี 19%อาทิ มาเลเซีย -7.9%(YTD) ฟิลิปปินส์-4.2%(YTD) อินโดนีเซีย +5.7%(YTD) และถูกเวียดนาม +18.6%(YTD) ทิ้งห่างอยู่มาก (20%)
2. SET ขึ้นแบบกระจายตัวไม่ได้กระจุกตัวเหมือนครั้งก่อน โดยจะเห็นได้ว่า SET INDEX ในครั้งนี้ทยอยปรับตัวขึ้น (23 JUN - 31JUL) ซึ่งมีจำนวนหุ้นที่ปรับตัวขึ้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นการบ่งบอกของการปรับตัวขึ้นของ SET ที่แข็งแรง ไม่เหมือนในอดีต (20 MAR-8 MAY) ที่แม้ SET จะปรับตัวขึ้น แต่จำนวนหุ้นที่ปรับขึ้นนั้นกระจุกตัว ซึ่งมักตามมาด้วยการปรับฐานของดัชนีได้ง่ายกว่า
ด้วย 2 เหตุผลข้างต้น ประกอบกับ ดัชนีที่ระดับปัจจุบันมี VALUATION เด่นพร้อมกับการเติบโตของ EPS GROWTHในปีนี้ถือเป็นจังหวะสะสมที่ดีในการสะสมหุ้นไทย โดยขอแบ่งกลยุทธ์การลงทุนเป็น 2THEME หลักๆ ดังนี้
1.หุ้น SET 100 กลุ่ม TARIFF PLAY ที่ราคาปรับฐานลงมาลึกตั้งแต่ต้นปี(YTD) อาทิ นิคม(AMATA, WHA) ส่งออก(ITC, STGT, STA, TU, CPF, BTG, TFG)
2.หุ้นกลุ่มได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า + ลดดอกเบี้ย อาทิ BH, BDMS, ERW, CENTEL, MTC, SAWAD
เช้าที่ผ่านมาปธน. ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อปรับอัตราภาษีตอบโต้กับบางประเทศ โดยไทยถูกเรียกเก็บภาษีที่อัตรา 19% (ต่ำกว่าเดิมที่ 36%) เทียบเท่ากับค่าเฉลี่ยโดยรวมรอบใหม่ และประเทศเพื่อนบ้านอย่าง กัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์
สำหรับคำสั่งนี้ จะมีผลบังคับใช้กับสินค้าที่นำเข้ามา/ถูกนำออกจากโกดัง เพื่อการบริโภค ตั้งแต่เวลา 00:01 น. ตามเวลาตะวันออกของสหรัฐฯ หลังจากคำสั่งนี้มีผล 7 วัน
ฝ่ายวิจัยเอเซีย พลัส ฯ มองเป็น POSITIVE SURPRISE เล็กน้อย ที่อัตราภาษีตอบโต้ของบ้านเราอยู่ในระดับต่ำกว่าเวียดนาม (20%) ลาวและพม่า (40%) คาดลดความกังวลต่อผลกระทบภาคส่งออกทรุดหนัก (กรณีไม่ถูกลดภาษี) รวมถึงการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI)
ซึ่งระดับอัตราภาษีตอบโต้ดังกล่าว ที่ไทยดูไม่ได้เสียเปรียบมากนัก คาดลดแรงกดดันต่อเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ขยายตัวต่ำกว่า 2% ซึ่งจะทำให้โอกาสเกิด TECHNICAL RECESSION (GDP GRWOTH ลดลง 2 ไตรมาสติดต่อกัน) ในปีนี้ลดลงตามไปด้วย
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
Facebook คลิก [https://www.facebook.com/thunhoonnews
](https://www.facebook.com/thunhoonnews)
Youtube คลิก [https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
](https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial)