TISCO กำไรอ่อนแอ ชูเงินปันผลเด่น 8%
หุ้นวิชั่น
อัพเดต 2 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 15 ชั่วโมงที่ผ่านมา • HoonVision | หุ้นวิชั่น - หุ้น ข่าวหุ้น หุ้นไทยวันนี้ หุ้นวันนี้ หุ้นเด่น วิเคราะห์หุ้น ธุรกิจ การเงิน เศรษฐกิจ การลงทุน ดัชนีราคาหุ้นหุ้นวิชั่น -TISCO (จะรายงานผลการดำเนินงานในวันที่ 15 กรกฎาคม 2568) โบรกฯ คาดการณ์กำไร บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TISCO) จะลดลงทั้ง YoY และ QoQ จากการตั้งสำรองที่ยังเพิ่มขึ้น รายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง และรายได้ค่าธรรมเนียมที่ชะลอตัวลง จากธุรกิจด้านตลาดทุน แต่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง และสินเชื่อพลิกกลับมาเติบโต ส่วน NPL เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 2.47% จากไตรมาสก่อนที่ 2.42% ขณะที่มองภาพทั้งปี กำไรมีแนวโน้มอ่อนแอ พร้อมชูมีปันผลเด่น dividend yield สูงสุงเป็นอันดับต้นของกลุ่มธนาคารทั้งปีคาดที่ 8%
นายกรกช เสวตร์ครุตมัต ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย ประเมิน TISCO จะมีการรายงานกำไรที่ 1,600 ล้านบาท ลดลง 3% เมื่อทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) และลดลง 9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) จาก Credit cost เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สู่ระดับ 75 bps จาก 67 bps เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า รวมถึงรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลง จากไตรมาสแรกด้วย ซึ่งเป็นไปตามภาวะตลาด
ขณะที่ในด้านของค่าใช้จ่าย คาดลดลง 1% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก และ 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสามารถควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น ส่วน NPL ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย สู่ระดับ 2.47% จากเดิมอยู่ที่ 2.42% เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการเก็บเงินได้ยากมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้า SME และรีเทล
ทั้งนี้ประเมินกำไรในปี 2568 คาดลดลง 4% มาอยู่ที่ 6,655 ล้านบาท และคาดปี 2569 น่าจะทำได้ทรงตัว จากการตั้งสำรองที่ยังเพิ่มสูงขึ้น และ NPL ที่คาดปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง จากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมไม่ได้มีปัจจัยหนุนมากนัก และยังเผชิญกับปัจจัยลบ โดยเฉพาะการส่งออก ที่น่าจะเห็นผลกระทบชัดเจนในครึ่งปีหลังนี้เป็นต้นไป รวมถึงการบริโภคภายในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม NPL ที่ปรับตัวขึ้นก็อาจจะไม่ได้รุนแรงมากนัก เนื่องจากยังมีมาตรการช่วยเหลือ อย่างคุณสู้เราช่วยเฟส 2 เป็นต้น ประกอบกับธนาคารยังคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อ
แนะนำ ถือ ราคาเป้าหมายที่ 97 บาท แม้ผลการดำเนินงานยังไม่โดดเด่น แต่ยังมีเงินปันผลราว 7.9% ในปีนี้
ฝั่ง บล.พาย คาดกำไรสุทธิในไตรมาส 2/2568 ที่ 1.54 พันล้านบาท (-12.2% YoY, -6.6% QoQ) กำไรปรับลดลง YoY และ QoQ เนื่องจาก (1) รายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง (2) สำรองหนี้ฯ เพิ่มขึ้น จากคุณภาพสินเชื่ออ่อนแอลงเล็กน้อย และความเสี่ยงสูงขึ้นจากเศรษฐกิจชะลอตัว และ (3) รายได้ค่าธรรมเนียมชะลอตัวจากธุรกิจด้านตลาดทุน แม้ว่าค่าธรรมเนียมจากสินเชื่อ และ Bancassurance เติบโตได้
คาดสินเชื่อพลิกกลับมาเติบโต 1.5% QoQ จาก -0.4% QoQ ในไตรมาส 1/2568 หลังจากสินเชื่อสุทธิเดือน เม.ย.-พ.ค. เพิ่มขึ้นราว 1.1% จากเดือน มี.ค. ส่วนใหญ่จากการเติบโตของสินเชื่อบริษัทขนาดใหญ่ เช่าซื้อรถยนต์ใช้แล้ว และจักรยานยนต์ใหม่
ส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) แนวโน้มลดลง QoQ ที่ 4.8% (-14 bps YoY, -6 bps QoQ) เพราะแม้ควบคุมต้นทุนการเงินได้ แต่อัตราผลตอบแทนสินเชื่อ (loan yield) ลดลง จากการปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ และ (2) การเพิ่มขึ้นของสินเชื่อที่มีอัตราผลตอบแทนต่ำ
หนี้เสียแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากสินเชื่อจำนำทะเบียนล้อกับตามเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวเปาะบาง คาดว่า NPL ratio จะทรงตัว QoQ ที่ 2.4% เพราะฐานสินเชื่อที่ขยายตัวเช่นกัน และ Coverage ratio ลดลงต่อเนื่องที่ 151.4% โดย คาด Credit cost ในไตรมาส 2/2568 ที่ 90 bps (+20 bps YoY, +23 bps QoQ)
กำไรในปี 2568 มีแนวโน้มอ่อนแอกว่าคาด
การปรับขึ้นภาษีของสหรัฐกดดันตลาดทุนผันผวน และสินเชื่อขยายตัวจำกัดจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และความกังวลจากหนี้เสียสูงขึ้นส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ย และรายได้ค่าธรรมเนียมชะลอตัวมากกว่าคาด มองว่ากำไรมีแนวโน้มอ่อนแอกว่าคาดว่าจะปรับลดลง 5.5% ในปี 2568 และสามารถกลับมาขยายตัว 5.2% ในปี 2569 โดยจะประเมินแนวโน้มการเติบโตอีกครั้งหลังการายงานผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2568
อย่างไรก็ดี เงินกองทุนทต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่แข็งแกร่ง 18.8% มองว่า TISCO สามารถรักษาระดับการจ่ายเงินปันผล หรืออาจปรับเพิ่ม Payout ratio จากระดับ 89.9% ในปี 2567 เป็นสูงกว่า 90% ได้
คงคำแนะนำ "ถือ" มูลค่าพื้นฐาน 100 บาท
ประเมินมูลค่าพื้นฐานที่ 100 บาท ด้วยวิธี GGM (ROE 15%, Terminal growth 2%) อิง 1.83x PBV’25E หรือ +0.25SD ของค่าเฉลี่ย 10 ปี (2558-2567)
ด้าน บล.ดาโอ ประมาณการกำไรสุทธิไตรมาส 2/2568 ที่ 1.58 พันล้านบาท ลดลง -10% YoY และ -4% QoQ จากการตั้งสำรองฯ ที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 542 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +35% YoY และ +40% QoQ ตามความเสี่ยงของสินเชื่อผลตอบแทนสูงที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับมี NIM ที่ลดลงมาอยู่ที่ 4.64% จากไตรมาสก่อนอยู่ที่ 4.75% เพราะ Loan yield ที่ลดลง จากโครงการคุณสู้เราช่วย รวมถึงมีการปล่อยสินเชื่อสมหวังลดลงเพราะกลัวความเสี่ยงมากขึ้น ส่วน Cost of fund เริ่มลดลงได้บ้างหลังจากที่ กนง. ลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อปลายเดือน เม.ย.68
ด้านรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิลดลง -6% YoY และ -2% QoQ เพราะไม่มีดีล IB และธุรกิจหลักทรัพย์ที่มี มูลค่าการซื้อขายที่หดตัวลง -12% YoY และ -11% QoQ แต่มี Bancassurance เพิ่มขึ้นจากการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่เพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) ลดลง -9% YoY และ -4% QoQ เพราะไม่มีการขยายสาขาสมหวังเพิ่มแล้วตั้งแต่ไตรมาส 1/2568 และมีค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่ลดลง ด้านสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้น +0.3% YoY และ +1.0% QoQ หรือ +0.5% YTD จากสินเชื่อรายใหญ่โดยเฉพาะจากกลุ่ม Real Estate และโรงไฟฟ้าเป็นหลัก รวมถึงเริ่มมีการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อในส่วนของรถยนต์ใหม่เพิ่มขึ้น ขณะที่สินเชื่อจำนำทะเบียนปรับตัวลดลงเพรากังวลหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น
ส่วน NPL เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.47% จากไตรมาสก่อนที่ 2.42% มาจากจำนำทะเบียนรถเป็นหลัก
ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2568-2569 ลงปีละ -6%, คาดกำไรไตรมาส 3/2568 จะหดตัวทั้ง YoY/QoQ ต่อ มีการปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2568-2569 ลงปีละ -6% โดยมีการปรับการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิปีนี้ลงเป็น -3% YoY จากเดิมที่ +6% YoY ตามมูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นที่ลดลงอย่างมาก ประกอบกับปรับ NIM ลดลงปีละ -10bps จากการปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนที่ลดลง ทำให้ได้กำไรสุทธิปี 2568 อยู่ที่ 6.4 พันล้านบาท ลดลง -7% YoY จากสำรองฯ ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่คาดว่าแนวโน้มกำไรไตรมาส 3/2568 มีโอกาสที่จะลดลงทั้ง YoY และ QoQ ต่อจากสำรองฯ ที่จะเพิ่มขึ้นตามสินเชื่อผลตอบแทนสูงที่เพิ่มขึ้น
ปรับราคาเป้าหมายปี 2568 ลงมาอยู่ที่ 94.00 บาท อิง 2568 PBV เดิมที่ 1.75 เท่า (+0.50SD above 10-yr average PBV) จากเดิมที่ 96.00 บาท จากการปรับกำไรลดลง ขณะที่มีความเสี่ยงจากสำรองฯ ที่มีความเสี่ยงมากกว่าคาดหากภาพรวมเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและหนี้ครัวเรือนมีทิศทางที่สูงขึ้น นอกจากนี้มีความเสี่ยงเรื่องเงินปันผลโดยหาก TISCO ต้องการจ่ายที่ DPS จำนวนเท่ากับปีก่อนที่ 7.75 บาทต่อหุ้น จะต้องมีกำไรสุทธิต่อปีไม่ต่ำกว่า 6.2 พันล้านบาท หากอิง Dividend payout ที่สูงสุดที่ 100% อย่างไรก็ดี ปี 2568 ยังคาดว่า TISCO จะยังคงเป็นหุ้นที่มี Dividend yield สูงถึงระดับ 8% (จ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง โดยจะ XD ช่วงเดือน ก.ย. และ เม.ย.)
ในส่วน บล.กรุงศรี คาด TISCO รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/2568 ที่ 1.56 พันล้านบาท กำไรลดลง -11%y-y และ -5% q-q เพราะรายได้ดอกเบี้ย (NII) ลดลง -3% y-y และ -1% q-q จาก NIM ที่ 4.65% ลดลง จากไตรมาส 2/2567 ที่ 4.84% และไตรมาส 1/2568 ที่ 4.76% จากการลดลงของ yield on loan จากดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับลง และการลดภาระดอกเบี้ยให้ลูกหนี้ในโครงการ คุณสู้เราช่วย, รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (Non-NII) ลดลง -18% y-y และ -6% q-q จากการลดลงของเงินลงทุน (FVTPL) และธุรกิจจัดการกองทุน-หลักทรัพย์, ค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL) เพิ่มขึ้น +9% y-y และ +13% q-q จากการปรับเพิ่มไปสู่ระดับปกติ และคุณภาพสินทรัพย์อ่อนแอ โดยเฉพาะสินเชื่อรายย่อย NPL Ratio อยู่ที่ 2.50% เพิ่มจากไตรมาส 1/2568 ที่ 2.42% สำหรับสินเชื่อรวม +1.0% q-q คิดเป็น +0.6% YTD จากสินเชื่อธุรกิจ
คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/2568 ลดลง y-y และ q-q กดดันหลักจากการลดลงของ NIM จากการลดภาระดอกเบี้ยให้ลูกหนี้ในโครงการ คุณสู้เราช่วย, การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายสำรอง (credit cost) จากการปรับเพิ่มไปสู่ระดับปกติและคุณภาพสินทรัพย์อ่อนแอ จากความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ สำหรับสินเชื่อรวมคาดทรงตัว q-q จากธนาคารเน้นคุณภาพของลูกหนี้เป็นหลัก
คงคำแนะนำ NEUTRAL และคงราคาเป้าหมาย ที่ 93 บาท มองTISCO เป็นหุ้นปันผล โดยมีปันผลเด่น dividend yield สูงสุงเป็นอันดับต้นของกลุ่มธนาคารทั้งปีคาดที่ 8% โดยครึ่งปีแรก คาดจ่ายที่ 2.0 บ./หุ้น dividend yield ที่ 2%