โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ออฟฟิศซินโดรม รักษายังไง ? อาการปวดตามร่างกายบอกนิสัยได้ !

SistaCafe

อัพเดต 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • SistaCafe

เคยได้ยินประโยคฮิตของวัยทำงานที่ว่า “ การไม่ปวดหลังเป็นลาภอันประเสริฐ ” กันรึเปล่าคะ ??? ถ้าคุ้นเคยดีอาจเป็นไปได้ว่าคุณเองก็เป็นหนึ่งในชาว ออฟฟิศซินโดรม แล้วล่ะ โดยเฉพาะคนที่ก้าวเข้าสู่วัยทำงานแล้วมักต้องต่อสู้กับงานกองโตเป็นภูเขา เรื่องราวชวนให้เครียด ต้องคิดแก้ปัญหาจนปวดหัว ซึ่งเอาจริง ๆ ยิ่งนั่งทำงานนาน ๆ หลายชั่วโมง หรือแทบจะทั้งวันโดยไม่ได้ลุกขึ้นเดินไปไหน ยิ่งมีโอกาสเกิดอาการกระดูกลั่นดังกร๊อบบและตามมาด้วยอาการปวดร้าวตามร่างกายอยู่บ่อยๆ

วันนี้ซิสเลยจะพาทุกคนไปเช็กอาการปวดตามร่างกายกันหน่อย ปวดตรงนี้บ่งบอกอาการออฟฟิศซินโดรมแบบไหน สามารถบ่งบอกไปถึงนิสัยการทำงาน หรือ “ สไตล์มนุษย์ออฟฟิศ ” ไทป์ไหนบ้าง ? พร้อมกับเช็กวิธีการรักษา ออฟฟิศซินโดรม ด้วยท่าโยคะง่ายๆ ที่เหล่าคนทำงานควรทำให้เป็นนิสัยด้วย เอาละ ! รีบตามไปเอาชนะอาการปวดตามร่างกายส่วนต่าง ๆ กันเลย

ทำความรู้จัก ออฟฟิศซินโดรม โรคฮิตของคนวัยทำงาน

“ Office Syndrome ” เป็นโรคฮิตของมนุษย์ออฟฟิศ เกิดจากการใช้งานกล้ามเนื้อมัดเดิมซ้ำ ๆ จนมีอาการปวด ชา และกล้ามเนื้ออักเสบ มักจะเกิดขึ้นกับกลุ่มคนวัยทำงานที่ต้องนั่งทำงานติดโต๊ะในท่าเดิมนาน ๆ ไม่ได้ขยับตัวเปลี่ยนท่าทาง รวมทั้งต้องกดแป้นพิมพ์คีย์บอร์ด / จ้องหน้าจอคอมฯ / คุยโทรศัพท์เป็นระยะเวลานานอย่างต่อเนื่อง จึงมักมีอาการปวดกล้ามเนื้อ และเยื่อพังผืด

สาเหตุ

การทำงานซ้ำ ๆ ในท่าเดิมเป็นเวลานาน ๆ หรือการอยู่ในท่าทางการทำงานที่ไม่เหมาะสมต่อเนื่อง รวมถึงสภาพแวดล้อม และอุปกรณ์ในการทำงานที่ไม่เหมาะสม เช่น โต๊ะ เก้าอี้ หรือหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ไม่ได้สัดส่วนกับร่างกาย ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ล้วนเป็นสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เพื่อน ๆ ตกอยู่ในภาวะออฟฟิศซินโดรมได้

อาการ

อาจเริ่มจากรู้สึกปวดบริเวณคอ บ่า ไหล่ หลัง หรือข้อมือ ที่เรียกได้ว่าเป็นจุดปวดยอดฮิตที่พบได้บ่อย ๆ ซึ่งช่วงแรก ๆ การใช้วิธีนวดอาจช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย และทำให้รู้สึกดีขึ้นได้ แต่หากไม่รีบแก้ไข และยังทำพฤติกรรมเดิม ๆ ซ้ำ ๆ อาการปวดตามร่างกายส่วนต่าง ๆ ก็จะกลับมาอีกครั้ง แล้วยังมีโอกาสลุกลามจนกลายเป็นอาการปวดเรื้อรัง

เช็กหน่อย คุณเป็นออฟฟิศซินโดรมไทป์ไหน

ใครจะไปคิดว่า ออฟฟิศซินโดรมก็มีไทป์เหมือนกันนะ เพราะอันที่จริงอาการที่ชาวออฟฟิศแต่ละคนเป็นนั้น ไม่ได้เหมือนกันไปซะหมด บางคนมีอาการปวดแบบนี้ แต่อีกคนกลับปวดอีกแบบนึง ขึ้นอยู่กับปัจจัยการใช้ชีวิตทำงานที่อาจจะแตกต่างกัน ต้องไปลองเช็กว่า คุณเป็นออฟฟิศซินโดรมไทป์ไหน

การจำแนกไทป์ของออฟฟิศซินโดรมไม่เพียงช่วยให้เราเข้าใจ “ จุดปวด ” ที่เกิดขึ้นเท่านั้น แต่ยังสามารถบอกถึงพฤติกรรมการทำงาน หรือท่าทางซ้ำ ๆ ที่เราทำโดยไม่รู้ตัว เช่น

ไทป์คอ - บ่า มักเจอกับคนที่ใช้โน้ตบุ๊กหรือมือถือในท่าก้มคออยู่เสมอหรือชอบยกไหล่เวลาพิมพ์ จึงมักพบว่ามีอาการปวดคอ บ่า ไหล่ จนรู้สึกทรมานเวลานั่งทำงาน บ่งบอกนิสัยและพฤติกรรมการทำงานได้ว่าเป็นคนที่ชอบนั่งทำงานกับโต๊ะและนั่งอยู่ในลักษณะท่าเดิม ๆ เป็นระยะเวลานานในแต่ละวัน นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากการคุยโทรศัพท์ที่ใช้คอกับไหล่หนีบโทรศัพท์เอาไว้ด้วย

ไทป์ข้อมือ / นิ้วล็อค พบบ่อยในสายงานที่ต้องใช้เมาส์หรือพิมพ์นาน ๆ โดยไม่มีที่รองข้อมือที่เหมาะสม ใครที่รู้สึกปวดข้อมือ มีอาการมือชาหรือนิ้วล็อก ก็อาจเกิดจากการนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์และใช้มือจับเมาส์ในท่าเดิมเป็นเวลานานแบบไม่รู้ตัว จนทำให้กล้ามเนื้อกดทับเส้นประสาทและมีอาการปวดมือตามมา

ไทป์หลัง - สะบัก เจอกับคนที่ชอบนั่งเอนหรือไม่ยอมพิงพนักเก้าอี้ ทำให้กล้ามเนื้อกลางหลังตึงเครียด และอาจเกิดจากไลฟ์สไตล์การทำงานที่นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานหลายชั่วโมง รวมทั้งการนั่งไม่ถูกท่า หลังค่อม งอตัว คอยื่นไปด้านหน้า จนทำให้กล้ามเนื้อบริเวณต้นคอมีการเกร็งอยู่ตลอดนั่นเอง

ไทป์ศีรษะ / สายตา มักเกี่ยวข้องกับภาวะสายตาล้า หรือจอภาพอยู่ต่ำกว่าระดับสายตา หรือต้องเงยคอบ่อย ๆ คนวัยทำงานที่มีอาการปวดตา ตามัว ตาพร่า บ่งบอกได้ว่าเวลาทำงานมักใช้สายตาเพ่งมองจอคอมพิวเตอร์อย่างหนัก และมองหน้าจอเป็นเวลานานแบบไม่หยุดพักสายตา

*นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งจุดปวดยอดฮิตของคนวัยทำงานคือ อาการปวดสะโพก ชาวออฟฟิศหลายคนมีอาการปวดสะโพกร้าวลงขา อาจมีสาเหตุเกิดจากการนั่งทำงานเป็นเวลานาน โดยไม่ได้ขยับตัวเดินไป - มา หรือเปลี่ยนท่าทาง หรือแม้แต่นั่งเก้าอี้ไม่ด้วยท่าทางที่ไม่เหมาะสม หรือเก้าอี้ไม่เหมาะกับสรีระ ส่งผลให้มีอาการปวดเมื่อยตั้งแต่สะโพกไล่ลงมาจนถึงข้อเท้าได้เลย

เมื่อได้รู้จักไทป์ของตัวเองแล้ว จะช่วยให้เราเลือกวิธีแก้ และออกกำลังกาย ผ่อนคลายกล้ามเนื้อและแก้ไขอาการได้ตรงจุดมากขึ้นนั่นเองค่ะ

อาการออฟฟิศซินโดรมมีกี่ระดับ

รู้มั้ยว่า อาการออฟฟิศซินโดรมสามารถแบ่งระดับตามความรุนแรงที่แตกต่างกันออกไปด้วย ว่ากันว่ามี 3 ระดับความรุนแรงหลัก ๆ ได้แก่

ระยะเริ่มต้น : ส่วนใหญ่ คนที่อยู่ในระดับนี้ มักมีอาการปวดเมื่อย ตึง หรือล้าบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น คอ บ่า หลัง หรือไหล่ โดยเฉพาะหลังจากการทำงานหรืออยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานาน อาการเหล่านี้มักจะดีขึ้น เมื่อได้พักผ่อน หรือเปลี่ยนอิริยาบถ

ระยะเรื้อรัง : ถัดมาที่ระดับที่เรียกได้ว่า เรื้อรัง อาการปวดเมื่อยจะเริ่มเป็นบ่อยขึ้น และไม่หายไป แม้ว่าจะพักผ่อนแล้ว อาการปวดอาจรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน หรือทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง

ระยะรุนแรง : และสุดท้าย สำหรับคนที่อยู่ในระดับรุนแรง ส่วนใหญ่อาการปวดจะรุนแรงมากขึ้น และอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น อาการชา อ่อนแรง กล้ามเนื้อเกร็งตัว ตาพร่ามัว เวียนศีรษะ หรือปวดหัวไมเกรน

เพราะฉะนั้น หากมีอาการในระดับเรื้อรัง หรือรุนแรง รู้สึกตั้งรับหรือทนไม่ได้ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันไม่ให้อาการแย่ลงและส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตนะคะ

ออฟฟิศซินโดรม วิธีแก้ ดูแลรักษายังไงบ้าง

ชาวออฟฟิศอย่างพวกเราต้องการคำตอบนี้มากที่สุด จริง ๆ ต้องบอกก่อนว่า การรักษาออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) มีหลายวิธีค่ะ ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงที่เรากำลังเป็นอยู่ด้วย โดยทั่วไปสามารถแบ่งออกเป็นการรักษาด้วยตนเอง การรักษาโดยผู้เชี่ยวชาญ และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงาน

การรักษาด้วยตนเอง

ส่วนใหญ่แล้วคนที่สามารถรักษาอาการนี้ด้วยตัวเองได้จะถูกจัดอยู่ในระดับเริ่มต้นที่อาการไม่ได้หนักหนามาก วิธีแก้ไม่ยากเลยค่ะ เริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงานของเราดู รวมไปถึงการออกกำลังกาย และการประคบร้อน / เย็นร่วมด้วย

  • นั่งทำงานในท่าที่ถูกต้อง : ปรับความสูงของเก้าอี้ และโต๊ะทำงานให้เหมาะสมกับสรีระ, หลังตรง, วางเท้าแบนราบกับพื้น หรือใช้ที่พักเท้า, วางจอคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในระดับสายตา
  • พักเบรกเป็นระยะ : ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย, เดินไปมา, หรือทำท่าบริหารร่างกายง่ายๆ ทุก ๆ 20 - 30 นาที
  • ปรับสภาพแวดล้อม : จัดโต๊ะทำงานให้เป็นระเบียบ, จัดวางสิ่งของในระยะที่หยิบถึง, ใช้แสงสว่างที่เพียงพอ
  • ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ : ช่วยลดอาการตึงของกล้ามเนื้อ, ลดอาการปวด
  • บริหารกล้ามเนื้อ : ช่วยสร้างความแข็งแรง และความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ, ลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ
  • ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ : ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด, ลดอาการเมื่อยล้า
  • การประคบร้อน / เย็น : ช่วยลดอาการปวด และอักเสบ
  • การนวดผ่อนคลาย : ช่วยคลายกล้ามเนื้อที่ตึงตัว

วิธีนี้จะเหมาะกับคนที่มีปัญหาไม่รุนแรง แต่กับคนที่มีอาการมาก ๆ แล้ว หรือพยายามเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมแล้ว แต่อาการปวดกล้ามเนื้อยังไม่ดีขึ้น ยังมีอาการปวดเรื้อรัง ปวดจนนอนไม่หลับ ทำงานไม่ได้ อย่านิ่งดูดายควรรีบเข้ารับการรักษา เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แน่ชัด

การรักษาโดยผู้เชี่ยวชาญ

เวชศาสตร์ฟื้นฟู : แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะวินิจฉัยโครงสร้างร่างกายที่ผิดปกติ และวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย ไม่ได้มุ่งเน้นแค่การลดความเจ็บปวดเฉพาะจุด แต่ยังครอบคลุมถึงการให้คำแนะนำเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายโดยรวม ป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำและส่งเสริมให้ผู้ป่วยกลับไปใช้ชีวิตและทำงานได้อย่างมีคุณภาพในระยะยาว โดยจะใช้ยา หรือหัตถการต่าง ๆ ร่วมด้วย

การรักษาทางกายภาพบำบัด : วิธีการกายภาพบำบัดจะมีหลากหลายวิธี เช่น การนวดเพื่อคลายกล้ามเนื้อที่ตึงตัว การใช้เครื่องมือทางกายภาพบำบัดเพื่อลดปวดและอักเสบ รวมถึงการออกแบบโปรแกรมออกกำลังกายที่จำเพาะเจาะจงเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นให้กล้ามเนื้อพร้อมปรับท่าทางให้ถูกต้อง

การปรับพฤติกรรมของตัวผู้ป่วย

ต้องบอกก่อนว่าออฟฟิศซินโดรมมีสาเหตุหลัก ๆ มาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตแบบผิด ๆ ทำให้เกิดอาการปวดขึ้นได้ เพราะฉะนั้นการรักษาที่ดีที่สุดคือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เป็นต้นเหตุของอาการ

  • เน้นการนั่งทำงานในท่าทางที่ถูกต้อง, พักเบรกเป็นระยะ, จัดสภาพแวดล้อมการทำงานให้เหมาะสม
  • ปรับสภาพแวดล้อม เช่น ปรับเก้าอี้ให้รองรับหลัง ปรับระดับจอให้พอดีกับสายตา และวางแขน / ข้อมือให้ขนานพื้น
  • ออกกำลังกายเบา ๆ หรือโยคะ เน้นการยืดกล้ามเนื้อเฉพาะจุด ช่วยฟื้นฟูแบบธรรมชาติ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ และพยายามจัดการกับความตึงเครียดให้ได้

แจก 5 ท่าโยคะ ง่ายๆ รักษาออฟฟิศซินโดรม

โยคะท่า Eagle

✴️ ท่า Eagle : เป็นท่าโยคะแก้ปวดคอและแก้ปวดหลัง โดยประโยชน์ของการฝึกโยคะท่านี้ จะช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณคอ บ่า และไหล่ที่มีอาการตึง พร้อมช่วยลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อบริเวณหลัง อีกทั้งยังช่วยทำให้หัวไหล่ และหลังมีความยืดหยุ่นมากขึ้นด้วย

✴️ วิธีฝึก : เริ่มด้วยการนั่งขัดสมาธิ ยืดหลังตรงและผ่อนคลายหัวไหล่แล้วยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมาทำมุมตั้งฉากกับหัวไหล่ จากนั้นก็ยกแขนขวามาวางบนแขนซ้าย ประสานมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน แล้วก้มตัวและศีรษะมาด้านหน้าเล็กน้อย ทำท่านี้ค้างไว้ 10 - 20 วินาทีแล้วสลับเอาแขนซ้ายวางบนแขนขวาแล้วทำซ้ำสเต็ปเดิมได้เลยค่ะ

✴️ ระดับความยาก : ท่าอินทรีเป็นท่าที่ต้องใช้การทรงตัว และการจัดระเบียบร่างกายที่ค่อนข้างซับซ้อน จึงถือเป็นท่าที่มีระดับความยากปานกลางถึงยาก ถ้าทรงตัวยืดไม่ถนัด หรือรู้สึกว่า ยากเกินไป เปลี่ยนเป็นท่านั่งทำได้ ตามความเหมาะสมเลยค่ะ

โยคะท่า Child’s Pose

✴️ ท่า Child’s Pose : ที่แม้ว่าจะเป็นท่าโยคะง่าย ๆ สบาย ๆ แต่มีประโยชน์หลายอย่าง และช่วยแก้ปวดกล้ามเนื้อได้หลายส่วนในท่าเดียวกัน ซึ่งการฝึกโยคะท่านี้บ่อย ๆ จะช่วยผ่อนคลายอาการตึงกล้ามเนื้อบริเวณคอ หลัง สะโพก และต้นขา ลดการปวดเมื่อยตามร่างกาย และช่วยลดอาการปวดศีรษะได้ด้วยค่ะ

✴️ วิธีฝึก : เริ่มต้นจากการนั่งคุกเข่าโดยเหยียดปลายเท้าไปด้านหลัง และนั่งให้ก้นทับอยู่บนส้นเท้า แล้วค่อย ๆ ก้มตัวลงไปด้านหน้าจนหน้าผากแตะกับพื้น พร้อมกับเหยียดแขนทั้งสองข้างขึ้นไปเหนือศีรษะ เพื่อช่วยยืดผ่อนคลายแผ่นหลัง และหัวไหล่ ค้างท่านี้ไว้ 30 - 60 วินาทีแล้วค่อยคลายท่า

✴️ ระดับความยาก : ท่านี้เป็นท่าพื้นฐานที่ทำได้ง่าย แต่ก็สามารถเพิ่มระดับความยากได้ด้วย แต่ถ้าใครที่มีอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าหรือข้อเท้า ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนฝึกท่านี้ หรือหากรู้สึกเจ็บปวดขณะทำท่า ควรหยุดพัก และปรับท่าทาง

โยคะท่า Cow Face

✴️ ท่า Cow Face : เป็นท่าที่จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อแขนและข้อมือที่คนวัยทำงานต้องใช้งานหนักแทบทุกวัน รวมทั้งช่วยยืดกล้ามเนื้อบริเวณไหล่ อก หลัง และหน้าท้อง บรรเทาอาการปวดหลัง และปวดคอได้ดีสุด ๆ เลย

✴️ วิธีฝึก : เริ่มด้วยการนั่งขัดสมาธิ พร้อมกับยืดหลังให้ตรงห้ามนั่งหลังค่อมหรืองอหลัง จากนั้นก็ยกแขนขวาขึ้นแล้วพับข้อศอกลงไปด้านหลังศีรษะ แล้วใช้แขนซ้ายอ้อมหลังขึ้นไปจับกับแขนขวา ค้างท่านี้ไว้ 10 - 20 วินาทีแล้วสลับไปทำแบบเดียวกันกับอีกฝั่งได้เลยค่ะ

✴️ ระดับความยาก : เป็นท่าโยคะที่ค่อนข้างท้าทาย โดยเฉพาะกับคนที่เพิ่งเริ่มต้น เพราะต้องใช้ความยืดหยุ่นของไหล่ และสะโพกในระดับหนึ่ง ระดับความยากของท่านี้จึงถือว่า อยู่ในระดับปานกลางถึงยาก

โยคะท่า Cat - Cow Pose

✴️ ท่า Cat - Cow Pose : ที่ฝึกเป็นประจำแล้วจะช่วยผ่อนคลายความตึงของกล้ามเนื้อบริเวณหลังและคอพร้อมช่วยยืดลำตัวและกระดูกสันหลัง จึงช่วยบรรเทาอาการปวดคอ ปวดหลัง และปวดศีรษะจากการนั่งทำงานได้ค่ะ

✴️ วิธีฝึก : เริ่มด้วยการคุกเข่าลงในท่าคลาน จัดท่าทางให้ลำตัวขนาดกับพื้น คอและหลังเหยียดตรง และวางฝ่ามือให้ห่างกันเท่ากับระยะหัวไหล่ จากนั้นก็เงยหน้าแล้วค่อย ๆ กดแผ่นหลังลง แอ่นหน้าอก และยกสะโพกขึ้น ทำท่านี้ค้างไว้ 10 วินาทีแล้วสลับมาก้มหน้าลงแล้วค่อย ๆ โก่งหลังขึ้นและกดสะโพกลงค้างท่านี้ไว้ 10 วินาทีแล้วทำสเต็ปเดิมสลับกันได้เลย

✴️ ระดับความยาก : เป็นท่าโยคะพื้นฐานที่ค่อนข้างง่ายและเหมาะสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นฝึกโยคะ ความยากของท่านี้อยู่ในระดับง่ายถึงปานกลาง ขึ้นอยู่กับความยืดหยุ่นของแต่ละคนและความตั้งใจที่จะฝึกฝน

โยคะท่า Cobra

✴️ ท่า Cobra : ท่าโยคะสุดเบสิกที่ช่วยแก้ปวดคอ แก้ปวดหลัง แก้ปวดสะโพก มือใหม่สามารถทำตามได้สบาย ๆ โดยท่านี้จะช่วยยืดกล้ามเนื้อบริเวณไหล่ หน้าอก ลำตัว หลัง และกระดูกสันหลังให้มีความยืดหยุ่น และแข็งแรงขึ้น ช่วยลดอาการปวดของจุดปวดยอดฮิตบริเวณคอ หลัง และสะโพกค่ะ

✴️ วิธีฝึก : เริ่มต้นด้วยการนอนคว่ำให้ขาทั้งสองข้างชิดกันและลำตัวเหยียดตรง วางมือไว้ข้างลำตัวและงอศอกให้ฝ่ามือวางอยู่ข้างหน้าอก จากนั้นก็ออกแรงใช้มือและแขนดันลำตัวด้านบนขึ้นจากพื้น โดยที่สะโพกและขายังวางราบอยู่กับพื้น แล้วกดหัวไหล่ลงให้คอเหยียดตรงพยายามยืดตัวและหลังให้มากที่สุดค้างท่านี้ไว้ 20 - 30 วินาทีแล้วค่อย ๆ คลายท่าค่ะ

✴️ ระดับความยาก : ระดับความยากของท่านี้ จะมีระดับความยากตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงขั้นสูง ขึ้นอยู่กับความยืดหยุ่นและการจัดท่าของผู้ฝึก คนที่เพิ่งเริ่มต้นสามารถเริ่มจากท่า Cobra แบบต่ำ ( Baby Cobra ) หรือท่า Sphinx เพื่อลดความท้าทาย และค่อย ๆ พัฒนาไปสู่ Cobra แบบเต็มรูปแบบได้

──────────── ୨୧ ────────────

สรุป ออฟฟิศซินโดรม อาการยอดฮิตของชาวออฟฟิศ ปรับพฤติกรรมก็หายได้

ออฟฟิศซินโดรมเป็นอาการที่เกิดจากพฤติกรรมเล็กน้อยซ้ำ ๆ แต่ส่งผลระยะยาวต่อร่างกาย หากรู้จักสังเกตไทป์ของตัวเอง ปรับท่าทางให้ถูกหลัก และเพิ่มการยืดเหยียด หรือโยคะเบา ๆ เป็นประจำ อาการปวดเมื่อยที่เคยรบกวนใจก็สามารถบรรเทาได้โดยไม่ต้องพึ่งยา ท่าบริหารง่าย ๆ เหล่านี้จึงไม่ใช่แค่ทางแก้แต่เป็นวิธีดูแลตัวเองอย่างยั่งยืน สำหรับทุกคนที่ใช้ร่างกายทำงานหนักในทุกวัน

“ การพักไม่ใช่การถอย แต่คือ การถอยหลัง เพื่อกระโดดให้ไกลกว่าเดิม ”

— The MATTER

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก : freepik

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : ออฟฟิศซินโดรม (Office syndrome) / ออฟฟิศซินโดรมคืออะไร มีวิธีป้องกันและรักษายังไงบ้าง / 10 วิธีรักษาออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) บอกลาอาการปวดหลัง

●・●・●・●・●

บทความแนะนำ

อ่านบทความต้นฉบับได้ที่: SistaCafe.com ครบเครื่องเรื่องบิวตี้

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก SistaCafe

ของขวัญวันแม่ 2025 ไอเทมน่าซื้อให้คุณแม่รับเทศกาล คนรับฟีลกู๊ดคนให้ใจฟู

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

หญิงรักหญิง มั่นคงไหม ? ส่อง 10 นิสัยแฟนในอุดมคติในแบบญ-ญ

10 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไลฟ์สไตล์อื่น ๆ

เก่ง หฤษฎ์ และปราง ปรางทิพย์ ส่งซิงเกิล ‘ใจจงมั่น’ ประกอบซีรีส์เรื่อง เขมจิราต้องรอด

THE STANDARD

มาแตร์เดอีวิทยาลัย จัดงานวิ่งการกุศล

Manager Online

สรุปรายชื่อผู้เข้าชิง รางวัลสุพรรณหงส์ครั้งที่ 33 หลานม่าชิงสูงสุด 15 รางวัล, วิมานหนามชิง 14 รางวัล

THE STANDARD
วิดีโอ

ครเป็นบ้าง? เรียนอังกฤษฉ่ำ แต่ใช้ไม่คล่องสักที 🥺 #pov #english #ภาษาอังกฤษ #workshop #FRAMworkshop

ฝรั่งอั่งม้อ

รู้จัก Mindful Drinking รู้จักตัวเอง ดื่มให้พอดี ร่างไม่พัง

sanook.com

รู้ก่อนดื่ม "น้ำมะพร้าว" อาจไม่เหมาะกับคน 5 กลุ่มนี้

sanook.com

เที่ยวพังงามุมใหม่ ตามรอยหนังดัง “Jurassic World Rebirth” รับฟรีพวงกุญแจไดโนเสาร์สุดน่ารัก

Manager Online

“Wonderfruit 2025” เผยโปรแกรมสุดยิ่งใหญ่ ฉลองครบรอบ 10 ปี

Manager Online

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...