"ณัฐพงษ์" สะท้อนเสียงเหยื่อชายแดนเยียวยาล่าช้า-ไม่ถ้วนหน้า
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาชน ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจาต่อนายกรัฐมนตรี กรณีมาตรการชดเชยเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา
โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ เป็นผู้ตอบกระทู้แทน
นายณัฐพงษ์เริ่มคำถามแรก ว่า จากการเข้าพื้นที่ไปพบปะประชาชน ได้รับการสะท้อนปัญหาเกี่ยวกับมาตรการชดเชยเยียวยามา ว่ามีความสับสน ความเข้าใจและการปฏิบัติที่ไม่ตรงกันอยู่หน้างานอีกเป็นจำนวนมาก
ปัจจุบันทางรัฐบาลมีมาตรการหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นมาตรการลดค่าน้ำค่าไฟ แต่ก็ยังมีข่าวออกอยู่ว่าประชาชนกลับจากศูนย์พักพิงไปที่บ้านเจอบิลค่าน้ำมา สรุปว่ามีการยกเว้นจริงหรือไม่
หรือจะเป็นเรื่องของมาตรการในการจ่ายเงินทดแทนจากการสูญเสียรายได้ต่างๆ ทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้รับและมีการเรียกร้องว่าอยากให้ได้รับเป็นรายครัวเรือนสามารถทำได้หรือไม่อย่างไร การจ่ายค่าเสียหายจากกรณีบ้านพังหรือรถเสียหายจะต้องมีกระบวนการในการทำอย่างไรบ้าง
ตนมีสิ่งที่อยากให้รัฐมนตรีตอบเพื่อความชัดเจน 2 ประการ คือ
1) การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการจ่ายเงินชดเชยเยียวยาให้แก่ประชาชนทั้งหมด
2) การดูแลสวัสดิการและสวัสดิภาพของเจ้าหน้าที่หน้างาน ไม่ว่าจะเป็นชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ที่หลายท่านยังมีภาวะ PTSD ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มกำลัง รัฐบาลมีแนวทางหรือมาตรการดูแลอย่างไรบ้าง
น.ส.ธีรรัตน์ ระบุว่ารัฐบาลได้ติดตามปัญหานี้มาโดยตลอดเช่นเดียวกันตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เมื่อวันที่ 24 ก.ค. มีการอนุมัติวงเงิน 100 ล้านบาทลงไปใน 7 จังหวัดชายแดนเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนในการช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็ว
ตนก็เคยได้มีโอกาสนำเสนอต่อสภามาแล้ว ว่ามีขั้นตอนในการดำเนินการจำเป็นเร่งด่วน ทั้งส่วนของประชาชนที่มีการอพยพมาตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.สามารถใช้เงินที่อยู่ในท้องถิ่นสั่งจ่ายได้ทันที
ส่วนหลังจากที่มีการอพยพมาแล้ว เมื่อประชาชนกลับบ้านก็มีการมอบสิ่งของที่มีความจำเป็นกับการดำรงชีพให้ด้วย นั่นคือส่วนที่รัฐบาลได้ทำทันทีไปแล้ว
ส่วนบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย
- จังหวัดสุรินทร์มีบ้านเรือนเสียหาย 107 หลัง ซ่อมแซมไปแล้ว 58 หลัง อยู่ระหว่างการซ่อมแซม 49 หลัง
- จังหวัดอุบลราชธานีมีบ้านเรือนเสียหาย 137 หลัง ซ่อมแซมไปแล้ว 129 หลัง อยู่ระหว่างการซ่อมแซมอีก 8 หลัง
- จังหวัดบุรีรัมย์มีบ้านเรือนเสียหาย 16 หลัง ซ่อมแซมไปแล้ว 14 หลัง อยู่ระหว่างการซ่อมแซม 2 หลัง
- จังหวัดศรีสะเกษมีบ้านเหลือเสียหาย 445 หลัง ซ่อมแซมไปแล้ว 134 หลัง อยู่ระหว่างการซ่อมแซม 311 หลัง
ยังมีในส่วนของการให้ความช่วยเหลือจากภาคเอกชน โดยมีการมอบบ้านน็อคดาวน์ให้กับประชาชนที่บ้านเสียหายทั้งหลัง ให้มีพื้นที่พักพิงชั่วคราวระหว่างที่บ้านสร้างอยู่ด้วย
ต่อไปว่ารัฐบาลเองยังได้อนุมัติในการช่วยเหลือค่าน้ำค่าไฟในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม ไม่ให้มีการจัดเก็บ แต่ที่เป็นข่าวว่ายังมีบิลมาจัดเก็บที่บ้านอยู่อาจจะเป็นเพราะเป็นบิลของเดือนมิถุนายนที่ทางการไฟฟ้ามาจัดเก็บย้อนหลัง ซึ่งตนได้สร้างความเข้าใจให้กับทางการไฟฟ้าฯ และประชาชนได้ทราบแล้ว ว่าเหตุที่มีบิลย้อนหลังมาเพราะอะไร
ยังมีบางส่วนที่เป็นของเดือนกรกฎาคมแต่ยังมีการจัดเก็บอยู่เป็นเพราะบิลนั้นออกในช่วงของปลายเดือนมิถุนายน ต้นเดือนกรกฎาคม แต่ในส่วนที่รัฐบาลได้ประกาศไปคือส่วนของต้นเดือนกรกฎาคม ก็เลยทำให้มีบิลเพิ่มเข้ามา
ตนก็ได้ประสานกับทางการไฟฟ้าฯ ว่าขอให้แก้ปัญหานี้โดยการให้บิลที่ประชาชนจ่ายไปแล้วของเดือนกรกฎาคมให้หักกลบกับในเดือนต่อๆ ไป
ส่วนกรณีผู้ที่อยู่ในศูนย์อพยพแล้วไม่มีรายได้ในช่วงนั้นจะทำอย่างไร รัฐบาลมีการสำรวจอยู่ว่าแต่ละพื้นที่นั้นมีจำนวนผู้ที่ต้องได้รับการช่วยเหลือเท่าไหร่ ซึ่งในจังหวัดอุบลราชธานีมีพื้นที่ถูกประกาศเป็นเขตให้ความช่วยเหลือ 3 อำเภอ ศรีสะเกษ 5 อำเภอ สุรินทร์ 17 อำเภอ บุรีรัมย์ 3 อำเภอ สระแก้ว 4 อำเภอ จันทบุรี 10 อำเภอ ตราด 3 อำเภอ
แต่ละพื้นที่ก็มีความแตกต่างกัน ขณะนี้ข้อมูลที่รัฐบาลมีอยู่ในมือสามารถที่จะทำให้เกิดการทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ช้าเกินไปและไม่สะดุด ประชาชนจะเข้าใจว่าเยียวยาล่าช้าหรือไม่ แต่จากการที่ตนได้ไปสัมผัสและพูดคุย มีการช่วยเหลืออยู่เป็นลำดับขั้นตามระยะเร่งด่วน ปานกลาง และระยะยาวอยู่แล้ว