“ภูมิธรรม” ห่วงภาพลักษณ์ชาติ! หวั่นห้ามใช้รถดูดส้วมกลัวทัวร์ลง วอนหยุดพฤติกรรมฉาวปมชายแดน
“ภูมิธรรม” ห่วงภาพลักษณ์ชาติ! หวั่นห้ามใช้รถดูดส้วมกลัวทัวร์ลง วอนหยุดพฤติกรรมฉาวปมชายแดน ชี้อย่าดึงไทยเข้าศาลโลก ยันดูแลเด็ก 13 ชาวกัมพูชาเต็มที่ ลั่นรัฐเดินหน้าแก้ด้วยหลักกฎหมาย-มนุษยธรรมควบคู่ช
วันที่ 28 ส.ค. 2568ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกฯ กล่าวถึงกรณีมีอินฟลูเอนเซอร์รายหนึ่งเตรียมนำรถดูดส้วม ไปฉีดใส่มวลชนชาวกัมพูชาที่แนวชายแดนบ้านหนองจาน เป็นห่วงภาพลักษณ์ของประเทศไทยต่อนานาชาติหรือไม่ ว่า เราก็ต้องมองอย่างแยกแยะ หากพูดถึงท่าทีของรัฐบาลทั้งหมดเป็นบวกอยู่แล้ว แต่กรณีนี้เป็นเรื่องของความรู้สึก และความคิดเห็นรายบุคคล สิ่งที่เกิดขึ้นหากประชาชนช่วยกันห้ามปรามว่าอย่าไปทำแบบนั้น ความจริงตนก็ไม่อยากพูด เดี๋ยวทัวร์ก็มาลงตนว่าเป็นคนไทยใจเขมร แต่สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราต้องระมัดระวัง เพื่อให้นานาชาติเข้าใจ เพราะการต่อสู้ขณะนี้ หากทำไม่ดี จะเป็นผลผูกพันกับเรื่องของดินแดนและอีกหลายอย่าง และจะลากเราเข้าไปสู่ศาลโลก จะยิ่งเป็นปัญหา เพราะเราไม่อยากเข้าศาลโลก เนื่องจากเราไม่ได้รับรอง อย่างไรก็ตามเท่าที่คุยกับกระทรวงกลาโหม ก็ไม่มีอะไรน่าหนักใจ เป็นการพูดคุยความเข้าใจกัน ซึ่งทั่วโลกก็เข้าใจดี ว่าไม่ใช่บทบาทหรือความต้องการของรัฐบาลไทย แต่เป็นเรื่องของประชาชน ที่เป็นส่วนหนึ่งในสังคม
เมื่อถามถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าจับกุมนักเรียนชายวัย13ปี ที่โรงเรียน หลังจากควบคุมตัวมารดาซึ่งเป็นชาวกัมพูชา ฐานลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ว่า ตนทราบจากภาพข่าวและเห็นคลิปเป็นเรื่องที่สะเทือนใจของคุณครูที่อยู่ในโรงเรียน เพราะเห็นเด็กมาตั้งแต่เล็ก และอยู่ในระบบการศึกษาของไทย ความผิดอาจจะมีคือลักลอบเข้าเมือง เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ เมื่อทราบเรื่องได้สั่งการให้ นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ เลขานุการรมว.มหาดไทย และเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามประสานไปยังพื้นที่ ทุกฝ่ายรับทราบข้อมูลแล้ว ยืนยันไม่มีเจตนาทำให้เกิดความสะเทือนใจ แต่เป็นเรื่องของกฎหมายที่เจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติตาม ไม่เช่นนั้นจะเป็นการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ เมื่อทราบเหตุการณ์ก็ต้องดูเป็นกรณีไป กรณีนี้ไม่มีเจตนาหลบหนี ไม่ได้ทำให้เกิดปัญหาความมั่นคง ตนสั่งการผู้ว่าราชการจ.สุรินทร์ ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจพัฒนาสังคมจังหวัด หาช่องทางที่มีกฎหมายรองรับ ขอเวลาสักนิด เพราะไม่ใช่ปัญหาด้านอาชญากรรม เด็กยังคงเรียนหนังสืออยู่ ถ้าจะแยกตัวตามกฎหมาย แม่ต้องถูกผลักดันออกนอกประเทศ ส่วนเด็กยังอยู่ได้เพราะถูกคุ้มครองด้วยอายุยังไม่ถึง 15 ปี แต่การที่จะให้เด็กอายุไม่เกิน 15 ปีอยู่โดยไม่มีญาติพี่น้องในประเทศไทย ในฐานะที่ถูกปกป้องตามกฎหมาย ก็จะเป็นการจัดการทางมนุษยธรรมที่ยากเกินไป ขออย่ากังวลใจ เรารับทราบเรื่องแล้ว ทุกฝ่ายก็ปฏิบัติต่อเด็กเป็นอย่างดี จะแก้ไขปัญหานี้ให้ดีที่สุด
เมื่อถามว่าขณะนี้ยังถูกคุมตัวหรือสามารถไปโรงเรียนได้ตามปกติ นายภูมิธรรม กล่าวว่าเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเด็กถูกควบคุมตัว แต่ขณะนี้เด็กคลายความกังวลแล้ว ส่วนจะเรียนต่อได้หรือไม่ต้องไปดูบนฐานช่องทางทางกฎหมาย เพื่อให้สามารถปฏิบัติได้ เมื่อถามว่ามีโอกาสจะได้สัญชาติไทยหรือไม่ เพราะอาศัยอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่เด็ก นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องหาช่องทางว่ามีกฎหมายรองรับหรือไม่ เพราะไม่ใช่เรื่องของเด็กอย่างเดียวแต่ต้องดูไปถึงแม่เด็กด้วย เหมือนเช่นเดียวกับกรณีชาวอุยกูร์ที่ถูกควบคุมตัวมากว่า 10 ปี ที่ต้องหาช่องทางในการคลี่คลาย เราไม่มีสิทธิ์จะทำอะไรนอกจากผลักดันเขาออกจากประเทศ แต่พื้นฐานเด็กยังไม่รู้เรื่องอะไร แล้วจะกลับไปได้อย่างไร กฎหมายก็ต้องว่าให้ถูกต้อง มนุษยธรรมก็ต้องดูให้สอดรับ กับความเป็นจริง ซึ่งต้องพิจารณาเป็นรายกรณีไป เมื่อถามถึงกรณีกระทรวงศึกษาธิการเสนอให้เด็กกลับไปทำเอกสารขอเข้าเมืองให้เรียบร้อยและกลับเข้ามาเรียนอีกครั้ง ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง ปี 2522 กระทรวงมหาดไทย จะพิจารณาเรื่องนี้ให้เลยหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ได้ตอบชัดเจนแล้ว ว่าขณะนี้มีการควบคุมตามกฎหมาย แต่กำลังหาช่องทางอยู่ และเมื่อคุมตัวไปแล้ว จะกักขัง หรือให้อยู่บ้านแล้วไปโรงเรียน ก็ต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะตนไม่สามารถตอบอะไรที่เกินเลย ไปกว่านี้ได้ ต้องอยู่ที่รายละเอียดของความเป็นจริง แต่ยืนยันว่ารัฐบาลคำนึงถึงเรื่องสิทธิมนุษยธรรม อยู่แล้วและจะพยายามดำเนินการอย่างเต็มที่