โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

อี้ เเทนคุณ พาเมีย เอ๋ ไพโรจน์ ขึ้นศาลค้านปมมรดก เบสท์ ลูกสาวอดีตภรรยา | ลั่น! สามีไม่ได้ร่ำรวยขนาดนั้น ไม่ได้มาแย่งสมบัติ แต่อยากรักษาสิทธิ์ที่มี

ไนน์เอ็นเตอร์เทน

อัพเดต 29 ส.ค. เวลา 15.51 น. • เผยแพร่ 29 ส.ค. เวลา 08.05 น. • NineEntertain ข่าวบันเทิงอันดับ 1 ของไทย

เดือดอย่างต่อเนื่อง! สำหรับศึกมรดก เอ๋ ไพโรจน์ ที่ก่อนหน้านี้ อี้ แทนคุณ ประธานชมรมสันติประชาธรรม ได้พา เอ๋ – พลอยรัชษ์ ชินรัตน์วาณิชวัย 50 ปี ภรรยาคนล่าสุดของอดีตพระเอกผู้ล่วงลับ เอ๋ – ไพโรจน์ สังวริบุตร เดินทางไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม หลังถูก เบสท์ ปณิชา ลูกสาวของสามีกับภรรยาคนแรกขับไล่ออกจากบ้าน โดยเจ้าตัวติดใจในการแบ่งทรัพย์สินและติดใจสาเหตุการเสียชีวิตของสามี ต่อมา เบสท์ ก็ได้ออกมาตอบโต้ทุกข้อกล่าวหา โดยได้ใช้กฎหมายยื่นต่อศาลเยาวชนและครอบครัว เพื่อเป็นผู้จัดการมรดก ซึ่งยังคงรอคำสั่งศาลอยู่

ล่าสุดวันนี้ (29 ส.ค. 68) เวลา 10.00 น. อี้ แทนคุณ ได้พา เอ๋ พลอยรัชษ์ ภรรยานักแสดงผู้ล่วงลับ เดินทางไปยื่นคัดค้านการจัดตั้งผู้จัดการมรดกของ เบสท์ ลูกสาวเอ๋ ไพโรจน์ ที่ศาลจังหวัดสมุทรปราการ

โดย อี้ เเทนคุณ เปิดใจว่า วันนี้เป็นการยื่นคัดค้านการจัดตั้งผู้จัดการมรดก ซึ่งเป็นการใช้สิทธิ์โดยชอบด้วยกฎหมายของ คุณเอ๋ ในฐานะเป็นภรรยาที่อยู่กินกันมาโดยพฤตินัย 20 ปี และ เบสท์ ได้ยื่นจัดตั้งผู้จัดการมรดกซึ่งเป็นการกระทำที่ถูกต้องแล้ว เพื่อจะได้เกิดความชัดเจนว่าทรัพย์สินสิ่งไหนเป็นของใคร รวมถึงจะไม่ได้เป็นข้อครหาว่าเราจะไปแย่งสมบัติ ซึ่งอะไรที่เป็นทรัพย์สินก่อนสมรสก็จะยังเป็นของท่าน และในส่วนสินสมรสที่มีการทำมาหาได้ก็ต้องพิสูจน์ เพราะ คุณเอ๋ ไม่ได้เป็นภรรยาที่อยู่บ้านเฉย ๆ แต่เป็นคนที่ร่วมทำมาหากินตลอด ในหลายธุรกิจก็เป็นคนริเริ่มด้วยซ้ำไป จึงอยากให้เข้าใจว่าไม่ได้มาแย่งสมบัติกัน แต่เค้ามาใช้สิทธิ์ในส่วนที่ควรจะได้ ไม่ได้ไปคุกคาม แต่ในระหว่างทางที่ศาลต้องใช้เวลาในการสืบสวนพอสมควร จึงขอความเป็นธรรมให้ คุณเอ๋ ได้กลับไปใช้ชีวิตในบ้านที่เคยอยู่กันมา จะมาอ้างว่าไม่ถูกต้องตามกฎหมายก็ไม่ใช่ แม้ว่าจะไม่ได้จดทะเบียนสมรสก็ใช่ว่าจะไม่รองรับเลย โดยศาลจะใช้ดุลพินิจแล้วก็ประเมินจากพยานหลักฐาน มีหลักฐานชัดเจนว่ามีการประกอบธุรกิจร่วมกัน จึงอยากขอความเป็นธรรม ไม่อยากได้ยินว่า “เดี๋ยวคืนเงินเล็ก ๆ เล็กน้อยให้แล้วกัน ถ้าพูดเยอะเดี๋ยวก็ไม่คืนให้ซะเลย” ฟังดูแล้วก็ไม่ค่อยสบายใจแทน ในฐานะคนรู้จักกันอยากให้เคารพให้เกียรติกันบ้าง อยากจะพูดว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนเดียวที่ยืนเคียงข้างพ่อคุณในช่วงบั้นปลายชีวิต ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้รักเขาเลย แต่ผู้หญิงคนนี้กับพ่อคุณเคยอยู่ฉันท์สามีภรรยา แต่พอห่างเหินไปไม่กี่วัน อาเอ๋ ไพโรจน์ กลับมีอันเป็นไปเลย อยากให้มองว่านี่คือคุณงามความดี ถึงแม้ว่ามีหลายคนคอมเมนต์ บอกว่า “ให้ออกไปแล้วทำไมยังไม่ออก ยังหน้าด้านอยู่อีกเหรอ” มันไม่ใช่ว่าจะออกไปง่าย ๆ เพราะว่าหลายสิ่งหลายอย่างเขาก็ลงทุนไป หมดเงินหมดทองไม่รู้เท่าไหร่ จากที่ได้สืบไป ทรัพย์สินหลายอย่างก็เป็นของเขาอย่างชัดเจน เพื่ออยากให้ทรัพย์สินของที่เป็นของเขากลับมาบ้าง เพื่อจะให้เขาไปต่อยอด ทำทุนอะไรสักอย่าง รวมถึงเสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัว จึงอยากให้เห็นใจว่า ควรจะให้ คุณเอ๋ ได้เข้าไปในบ้านบ้าง มันจะเกินไปหน่อยถ้าล็อคประตูไม่ให้เขาเข้าไปเลย รวมถึงคอมพิวเตอร์ที่เป็นช่องทางทำมาหาได้ สิ่งที่เป็นข้อมูลของเขามันหายไป รวมถึงสาเหตุที่ติดใจการเสียชีวิตของ อาเอ๋ ไพโรจน์ ซึ่งตนเห็นหลักฐานเด่นชัด หากได้เป็นผู้จัดการมรดกร่วม จะใช้สิทธิ์ตรงนี้ในการพิสูจน์ ถ้าเป็นเพราะเราอยู่ด้วยกันมา 20 ปีแล้วรักมาก อยู่มาวันนึงได้เสียชีวิตไปจะไม่สงสัยเลยเหรอว่าเป็นอะไร ต้องตั้งข้อสังเกตว่าทำไมถึงช่วยไม่ทัน หรือไม่ได้ช่วยเพราะอะไร ด้วยในการยื่นเอกสารนี้จะต้องดูว่าศาลจะเรียกข้อมูลส่วนนี้หรือไม่ ถ้าได้ยื่นก็จะเป็นประโยชน์

ด้าน เอ๋ พลอยรัชษ์ ผู้เป็นภรรยา ได้เปิดใจว่า สิ่งที่ทำให้รู้สึกไม่เป็นธรรม เริ่มต้นตั้งแต่ เอ๋ ไพโรจน์ เสียชีวิต เพราะไม่มีโอกาสไปรับศพ และไม่ได้เห็นเอกสารอะไรใด ๆ อยู่ ๆ ต่อมาไม่กี่วันก็มีข้อความส่งมาว่า “มีแผนออกจากบ้านเมื่อไหร่ บ้านหลังนี้พ่อโอนไปให้คนอื่นแล้วนะ ห้ามไปบอกใคร เพราะไม่อยากให้คนมองพ่อไม่ดี” รวมถึงหลาย ๆ อย่าง ตอนแรกไม่ได้คิดที่จะออกมาพูด แต่เป็นเพราะถูกจำกัดสิทธิ์ให้ไม่สามารถใช้ชีวิตในบ้านที่เราใช้ชีวิตมา 20 กว่าปีได้ เสื้อผ้าแทบจะไม่มีใส่ ใส่ตัวเดิมซ้ำไปซ้ำมา ตอนนี้ออกจากบ้านก็ไม่ได้อยู่ในที่ที่เป็นหลักเป็นแหล่ง ไปบ้านตรงโน้นทีบ้านตรงนี้ที ขอบคุณทุกคนที่เปิดรับเรา ซึ่งเราก็เกรงใจ และต้องอยู่สลับไปหลาย ๆ ที่ บอกไม่ได้ว่าไปตรงไหน เพราะรู้สึกไม่ปลอดภัย ถามว่าน้อยเนื้อต่ำใจอย่างไร ก็มองว่าถ้าเขาไม่ตายก็ไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น แต่พอเกิดขึ้นแบบนี้แล้วก็ทำใจยอมรับ

ส่วนที่คนมองว่ามาเรียกร้องเอาสมบัติที่เป็นบ้าน ตนทราบดีว่าความสมควรอยู่ตรงไหน มองว่าสมบัติที่มีค่าที่สุดสำหรับเรา คือคน ๆ หนึ่งที่เขาได้จากไป บอกเลยว่า คุณไพโรจน์ ไม่ได้เป็นคนร่ำรวย และไม่ได้มีสมบัติอะไรเยอะ การที่จะบอกว่าตนจะมาแย่งสมบัติมองว่ามันไม่ใช่ เพียงแต่มองว่าการสูญเสียชีวิตทางเขา ส่งผลกระทบต่อชีวิตเรา ส่วนที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของตนกับ เบสท์ เป็นความสัมพันธ์ที่ดีมาตลอด ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน มีช่วงหนึ่งที่ เบสท์ เข้าโรงพยาบาล ตนก็ไปนอนเฝ้าไปดูแลเขาที่คอนโด จริง ๆไม่อยากให้มีเหตุการณ์แบบนี้

ในเวลา 20 ปีที่อยู่ร่วมกันกับ คุณไพโรจน์ ได้มีการหาได้ร่วมกัน ทรัพย์สินในบ้านสิ่งของที่ซื้อร่วมกัน ตนอยากพิทักษ์ในสิ่งที่สมควรได้รับในส่วนที่ของเราและฐานที่เหมาะสม ตนไม่ได้ห้ำหั่นว่าจะต้องแย่งบ้านหรืออะไร อย่างที่ เบสท์ ให้สัมภาษณ์มาว่า บ้านนี้อยู่ตั้งแต่เด็ก ต้องย้อนไปว่าตั้งแต่เด็กบ้านอยู่ในสภาพไหน โดยช่วงเวลาที่ต้นเข้ามาอยู่ด้วยกับคุณอาใหม่ ๆ ช่วงปี พ.ศ. 2547 -2548 เราก็ได้ทำงาน เราก็รีโนเวตบ้านเพื่อทำเป็นสตูดิโอทำตำราสามัญประจำบ้าน ซึ่งช่วงนั้นเอง เบสท์ ก็ไม่ได้พูดคุยกับคุณพ่อไปหลายปี พอเบสท์กลับมา บ้านก็แปรสภาพไปแล้ว สิ่งนี้มันคือข้อเท็จจริงว่าอะไร ตนมีเหตุผลของตัวเองจึงอยากให้ศาลตัดสินดีกว่า ในส่วนของธุรกิจที่ทำร่วมกันกับ คุณไพโรจน์ ก็มีตลอดมาที่เห็นตามสื่อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทที่ทำอีเวนต์ ออแกไนซ์ ทำหนังสือร่วมกัน หรือแม้กระทั่งช่วงไหนที่ไม่มีงานก็จะเห็นตอนไปยืนขายข้าวหน้าไก่ตามตลาดสด รวมถึงต้นเรื่องของภาพยนตร์ที่ไม่ประสบผลสำเร็จที่ผ่านมา ก็ไปถามได้ว่าจุดเริ่มต้นมาจากใคร เงินที่ลงทุนใครเป็นคนนำพามา

ในวันที่ เบสท์ บอกว่า “บ้านหลังนี้โอนไปให้คนอื่นแล้ว ลูกทุกคนก็ไม่มีสิทธิ์ในบ้านหลังนี้ เพราะพ่อโอนไปให้คนอื่นแล้ว ถ้าไม่เชื่อก็ลองไปเช็กดู แต่เบสท์ก็รู้ว่าพ่อเป็นห่วงตนเรื่องนี้ ที่จริงไม่จำเป็นที่ทำแบบนี้ก็ได้ แต่จะให้เงินก้อนหนึ่ง” ตอนนั้นตนยังไม่ได้คุยรายละเอียดเลยว่าจำนวนอะไรเท่าไหร่ แค่รับปากไป แต่ไม่ได้ตอบรับว่ามันคืออะไรจำไม่ได้ จริง ๆ ไม่พอใจในจุดนั้นมากกว่า ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าจุดนั้นคืออะไร ส่วนประเด็นที่อีกฝ่ายออกมาพูดว่า ตน รับซองงานศพในงาน คุณไพโรจน์ แล้วกลับบ้านเลย ความจริงคือมีแขกบางคนที่เดินทางมาหาตนและมาเพื่อตนเลย บอกว่าให้เก็บไว้นะอย่าเอาไปให้ใคร ถ้าเทียบเนี่ยมันคือเงินแค่น้อยนิด ถ้าจะพูดถึงประเด็นตรงนี้ในวันที่เขาจะให้เงินก้อนเรา จึงทำให้ตนมีความรู้สึกว่าไม่เชื่อว่ามันเป็นไปได้ เพราะซองหนึ่งที่หลุดมา 3,000 กว่าบาท เขายังมาทวงเราเลย มันจึงน่าคิด มองว่าไม่ผิดเพราะเราพูดในข้อเท็จจริง

ในส่วนที่ คุณไพโรจน์ ได้ออกมาเปิดใจว่าประกาศเลิกกับตน เอ๋ พลอยรัชษ์ ในรายการหนึ่งที่ออนแอร์ในวันที่ 6 เมษายน 2567 พูดตรง ๆ ว่าตอนที่เขาไปรายการตอนนั้นตนไม่ทราบ เพิ่งมาเห็นตอนที่ออนแอร์แล้ว แต่จากวันนั้นก็ยังคงใช้ชีวิตอยู่บ้านหลังเดียวกันมาเหมือนเดิมตลอดมาไม่เคยออกไปไหน เวลาที่คุณไพโรจน์ไม่มีงาน ตนก็ไปยืนขายหมี่คลุกในงานรับปริญญาในมหาลัย ทั้งนี้ หากถามว่าความสัมพันธ์เริ่มบั่นทอนตั้งแต่ปี 61 ใช่หรือไม่ ตนมองว่าเป็นธรรมดาของชีวิตคู่ บางทีวันนี้บอกรัก วันนี้บอกเลิก พอมาเจอกันเขาคุยกัน มันเป็นธรรมดาอยู่แล้ว บ้านเราอยู่กันสองคน ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าคนที่อยู่ในบ้าน ถ้าเขาไม่ได้มีพื้นฐานของความรัก ความเอื้ออาทรที่ผูกพันกันมาอย่างยาวนาน ก็ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้มาถึงจุดนี้

ด้าน อี้ แทนคุณ เสริมต่อว่า อยากให้เห็นใจเพราะต่างคนต่างสูญเสียคนที่รัก ที่ตนมาช่วย เพราะว่าขอความเป็นธรรมในการดูแลสินสมรส อยากให้เข้าใจใหม่ว่ากฎหมายได้มีการอภิวัฒน์ในข้อเท็จจริงมากขึ้น อะไรที่เป็นความจริงอยู่ด้วยกันมา 10 ปี 20 ปีก็ต้องพิสูจน์กันให้ได้ ซึ่งทางภรรยาอย่าง คุณเอ๋ ก็มีหลักฐานและข้อมูล อยากให้นึกถึง อาไพโรจน์ เพราะถ้าท่านอยู่ก็คงอยากให้ทั้งคู่สมานฉันท์ สื่อสารกันได้ดี ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายลูกหรือภรรยา ซึ่งตนเองก็อยากประคองสถานการณ์ให้ดีที่สุด แต่บางทีก็ต้องพึ่งศาล ถ้าคุยกันไม่ได้ก็ต้องมีกระบวนการยุติธรรมมาช่วย หลังจากที่เป็นข่าวเกิดขึ้น มีผู้ใหญ่พยายามติดต่อมา อยากให้นัดคุยไหม แต่สุดท้ายอีกฝ่ายก็ไม่พร้อมจะพูดคุยกัน

สำหรับการจุดประเด็นสาเหตุการเสียชีวิตของ เอ๋ ไพโรจน์ ขึ้นมา ด้าน เอ๋ พลอยรัชษ์ เผยว่า ตนตั้งคำถามว่าทำไมไม่สามารถไปรับศพของไพโรจน์ได้ มันมีอะไรหรือเปล่า บวกกับได้มีการไปเจอข้อมูลและรับรู้หลายหลายอย่างมา จึงตั้งข้อสงสัยว่ามีอะไรหรือเปล่า อย่างที่บอกไปตนเป็นคนสุดท้ายที่อยู่ในช่วงปลายชีวิตของอาไพโรจน์ แต่ไม่ได้เป็นคนที่อยู่ในห้วงสุดท้ายของลมหายใจ สิ่งที่เกิดมาทั้งหมดตนแค่อยากได้ความกระจ่างจากคนที่อยู่ในเหตุการณ์ อยากให้ช่วยออกมาเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น ในส่วนที่เป็นข้อมูลเชิงลึก ขออนุญาตให้เป็นเรื่องของชั้นศาล

ส่วนการสงสัยสาเหตุการเสียชีวิต พร้อมกับหลักฐานนี้ อี้ แทนคุณ เผยว่า ศาลอาจจะดูว่าคนที่ใส่ใจและให้ความสำคัญกับคนที่เสียชีวิตอย่างไร มองว่าคุณเบสท์ยังไงก็รักพ่ออยู่แล้ว ตนเองเพราะมองว่าสาเหตุการเสียชีวิตอาจจะมีอะไรมากกว่านั้นหรือไม่ ส่วนมีผลมากน้อยแค่ไหนต้องรอติดตามในเรื่องของศาล

ทั้งนี้ เอ๋ พลอยรักษ์ เผยว่า เดินทางมาวันนี้เพื่อที่จะมาขอความเมตตาจากศาล ก่อนจะพูดด้วยเสียงสั่น ๆ ว่า ปกติแล้วตนเป็นคนที่อดทนได้ก็จะอดทนมาตลอด แม้จะมีอะไรมากระทบในเรื่องงานหรืออะไรที่ผ่านมา ไม่เคยที่จะร้องศาลหรือฟ้องร้องอะไรใคร แต่วันนี้ลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะปกป้องศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์บ้าง ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ขึ้นตนไม่เคยได้ใช้ชีวิตตามปกติ บางทีรู้สึกหวาดระแวงกลัวและต้องอาศัยการทานยานอนหลับ อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อในความยุติธรรม เชื่อในหลักของความเป็นจริง ผลจะออกมาเป็นอย่างไรตนก็ยอมรับได้ พร้อมฝากข้อความถึง เบสท์ ว่า ที่ผ่านมาตลอดระยะเวลา 20 ปี พ่อเบสท์ไม่ได้เป็นคนที่ร่ำรวย ไม่ได้เป็นคนที่มีทรัพย์สมบัติอะไรเยอะ ตลอดเวลาอยู่ที่อยู่กับพ่อมา ใช้หัวใจอยู่โดยไม่เคยเรียกร้องอะไรเลย อยากจะบอกแค่ว่าที่ผ่านมารักคุณพ่อเขา และไม่เคยคิดไม่ดีต่อตัวเขา หากมีคำตัดสินในเรื่องการจัดการเป็นผู้จัดการมรดกร่วม และหากมีการได้รับผิดชอบหนี้ร่วมกันแล้ว ตนก็ต้องดูว่าหนี้ก้อนนั้นถ้าเป็นหนี้เดิมของภรรยาคนก่อน ก็ต้องมีการพิจารณา แต่ถ้าเป็นหนี้ระหว่างคุณไพโรจน์อยู่กับตน ตนก็ต้องดูกัน

อี้ แทนคุณ เผยว่า หลังจากนี้ศาลจะนัดสืบพยานทั้งหมดว่าเป็นอย่างไร พอศาลสืบแล้วก็จะพิจารณาและชั่งน้ำหนัก สมบัติควรจะเป็นของใครอย่างไรบ้าง ถ้าเกิดเป็นที่ดินที่ยังแบ่งไม่ได้ ศาลอาจจะลงความเห็นว่าจะทำอย่างไร จะนำไปขายแล้วมาแบ่งเป็นทรัพย์สิน แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องสรุปก่อนว่าตัวเลขที่จะเกิดขึ้นของแต่ละฝ่าย ถ้าเป็นคุณเบสท์ คุณเอ๋ และอีกหลาย ๆ คน แล้วก็จะเฉลี่ยทรัพย์ตรงนี้คืนยอดของแต่ละคน แต่สิ่งที่เราคาดหวังในวันที่ 1 กันยายนนี้ที่ศาลรับเรื่องการจัดการมรดกซึ่งทั้งฝ่าย เบสท์ และ คุณเอ๋ ได้มาเจอกัน ในศาลจังหวัดสมุทรปราการ เวลา 13:00 น. คือการที่จะสามารถเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกันได้ น่าจะเป็นทางที่ดีที่สุด โดยตอนนี้ก็ได้ยื่นหลักฐานบางส่วนที่บ่งบอกว่าสมบัติเป็นทรัพย์สินร่วมกัน แต่หลังฐานบางส่วนข้อมูลก็อยู่ในคอมพิวเตอร์ที่อยู่บ้านคงต้องขอคืน เพื่อที่จะนำมาดึงข้อมูลออกมา.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ไนน์เอ็นเตอร์เทน

เชียร์ ฑิฆัมพร ควง หมิว รังสินี เที่ยวญี่ปุ่น เสิร์ฟรูปคู่สุดมุ้งมิ้ง ทำคนโสดเขินตัวบิด

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

สมมงหนุ่มสาวรักษ์โลก! ภัค ปภังกร-น้ำเหนือ วารี คว้ามงฯ Miss & Mister Earth Thailand 2025

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

DMD SPORT DAY ดูมันดิ ส่งตัวตึงลงสนาม ไม่ยม ไม่อ่อม เสิร์ฟฉ่ำ Special Show

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เบสท์ ปณิชา ลูกสาว เอ๋ ไพโรจน์ ยินดียกทรัพย์สินในส่วนที่มาร่วมกันให้อดีตภรรยาคนล่าสุดของพ่อ เอ๋ พลอยรัช ขอเป็นผู้ร่วมจัดการมรดก พิสูจน์ปมหนี้สิน

6 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความบันเทิงอื่น ๆ

หวานฉ่ำ ไผ่ พาทิศ ควง น้ำตาล ดินเนอร์ฉลองวันเกิด 34 ปี

TeeNee.com

ดาราสาว ยอมรับกำลังคุยหนุ่มนอกวงการ แต่ยังไม่พร้อมเปิดตัว

TeeNee.com

อื้อหือเชียร์หมิว ปล่อยภาพคู่ทริปญี่ปุ่น เมนต์กันหวานจนน้ำตาลท่วมIG

TeeNee.com

จำได้มั้ย "เล็ก ไอศูรย์" อดีตพระเอกนายแบบ เปิดภาพปัจจุบันในวัยเลข 6

sanook.com

“พุทธ” ใบ้เพิ่มผู้วิเศษเตรียมฉาว ระดมทุน แอบอ้างเบื้องสูง

Manager Online

“เอ๋ พลอยรัชษ์” ยันไม่ได้ต้องการแย่งมรดก “เอ๋ ไพโพจน์” จากลูกสาว ส่วนเรื่องหนี้ต้องพิสูจน์ก่อน

Manager Online

เก่งรอบด้านดาราหนุ่มคว้าปริญญาโทสำเร็จ

TeeNee.com

เปิดตัว “เอม สรรเพชญ์” พระเอก MV คนล่าสุดของ “พีพี กฤษฏ์” ซิงเกิล “What's going on”

daradaily

ข่าวและบทความยอดนิยม

เมีย เอ๋ ไพโรจน์ ลั่น! ไม่ได้ต้องการแย่งชิงมรดก เบสท์ ปณิชา แค่ขอเรียกร้องสิทธิ์ที่ควรได้ ยันความสัมพันธ์ในบ้านสามีภรรยารู้กันดีที่สุด ติดใจการเสียชีวิตของผู้กำกับดัง (คลิปจัดเต็ม)

ไนน์เอ็นเตอร์เทน

อี้ แทนคุณ ยื่นมือช่วยเมีย เอ๋ ไพโรจน์ ปมมรดก อ้างถูกลูกสาวอดีตภรรยาไล่ออกจากบ้าน | ตกมันส์บันเทิง 18 ส.ค. 68

ไนน์เอ็นเตอร์เทน

เบสท์ ปณิชา ลูกสาว เอ๋ ไพโรจน์ ยันอดีตภรรยาพ่อ ไม่มีสิทธิ์ในมรดก ไม่ติดใจปมการเสียชีวิตของบุพการี (คลิปจัดเต็ม)

ไนน์เอ็นเตอร์เทน
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...