สินค้าอิเล็กทรอนิกส์เร่งส่งออก หวั่นถูกเก็บ ภาษีเซมิคอนดักเตอร์ 300%
จากการเปิดเผยของสำนักงานนโยบาย และยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)กระทรวงพาณิชย์ ถึงตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือนก.ค.2568 มีมูลค่า 28,580.7 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 11% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 นั้น
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า มีสาเหตุมาจาก 2 ส่วน คือ การส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ขยายตัวได้ที่ 35.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นำโดยการส่งออกคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบและแผงวงจรไฟฟ้าที่ยังขยายตัวดีในทุกตลาดหลัก ได้แก่ สหรัฐฯ จีน และยูโรโซน
และการส่งออกทุเรียนสดเข้ามาช่วยหนุนการส่งออกไทยในเดือนนี้ โดยการส่งออกทุเรียนสดไทยขยายตัวได้ 151.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยส่งออกไปตลาดจีนเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ปริมาณน้ำที่เอื้ออำนวยการเพาะปลูกส่งผลให้ผลผลิตปีนี้ออกมามากและกดดันให้ราคาต่ำลง ขณะที่การส่งออกทุเรียนสดเดือนก.ค.ในปีนี้สูงกว่าปกติที่อยู่นอกฤดูกาลส่งออก โดยมูลค่าการส่งออกมักสูงสุดในช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย.
อย่างไรก็ตาม แม้สหรัฐฯ จะบังคับใช้ภาษีนำเข้าแบบตอบโต้ (Reciprocal tariff) ในเดือนส.ค.2568 นี้ แต่การส่งออกไปสหรัฐฯ ยังขยายตัวได้ดีที่ 31.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในเดือน ก.ค. 2568 จากผลของการเร่งส่งออกสินค้าก่อนมาตรการทางภาษีอื่นๆ จะออกมาเพิ่มเติมในระยะข้างหน้า โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งไม่เข้าข่ายถูกเก็บภาษี Reciprocal tariff โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1) รายการสินค้าภายใต้ section 232 ที่จะออกมาเพิ่มเติม โดยล่าสุดประธานาธิบดีทรัมป์ฯ ขู่ว่า สหรัฐฯ จะเก็บภาษีเซมิคอนดักเตอร์อัตราสูงสุด 300% ซึ่งคาดว่าจะกระทบการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ไทยในกลุ่มแผงวงจรรวม (HS code 8542) เนื่องจากสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในตลาดส่งออกหลัก ขณะที่การส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ประเภทอื่นๆ ไปสหรัฐฯ ลดลงมากแล้วจากมาตรการ AD/CVD เช่น โซลาร์ เซลล์ เป็นต้น
2) รายการสินค้าที่สหรัฐฯ มองว่าเข้าเกณฑ์มีการสวมสิทธิ์ (Transshipment) และต้องเสียภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ในอัตรา 40% โดยอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงอาจเข้าเกณฑ์คือกลุ่มที่มีสัดส่วนการนำเข้าปัจจัยการผลิต (import-content) เกินกว่า 60% ของปัจจัยการผลิตทั้งหมด เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อาทิ ชิ้นส่วนโทรศัพท์ และเครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า เป็นต้น โดยสินค้าเหล่านี้ยังเห็นการนำเข้าจากจีนสูงในเดือนก.ค. ที่ผ่านมาสอดคล้องกับการส่งออกไปยังสหรัฐฯ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า แม้การส่งออกไทยในช่วง 7 เดือนแรกขยายตัวได้ดีกว่าคาดที่ 14.4%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคงมุมมองต่อภาพรวมการส่งออกไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 จะยังเผชิญการหดตัว ส่วนหนึ่งเป็นผลของฐานที่สูงในปีก่อนหน้า
ขณะที่ค่าระวางเรือในเดือนส.ค. 2568 ปรับลดลงต่ำสุดในรอบ 3 เดือน สะท้อนอุปสงค์โลกที่ชะลอลง และทั้งปียังคงประมาณการส่งออกไทยขยายตัวที่ 3.4%
มีความเป็นไปได้ที่ผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ จะล่าช้าออกไป ขึ้นอยู่กับความชัดเจนของมาตรการภาษีภายใต้ section 232 และเกณฑ์เงื่อนไขเรื่อง transshipment ด้วย