โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

‘วิน พรหมแพทย์’ จากครูดอย สู่แม่ทัพ KAsset ภารกิจปั้นพอร์ต 2 ล้านล้าน

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 18 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เกือบ 1 ปี ของการเข้ารับตำแหน่ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัดของนายวิน พรหมแพทย์ ได้สร้างผลงานที่โดนเด่น ท่ามกลางความซบเซาของอุตสาหกรรมกองทุนรวม โดยสามารถดึงเม็ดเงินลงทุนใหม่ได้ถึง 8 หมื่นล้านบาทหรือกว่าครึ่งหนึ่งของอุตสาหกรรมที่ 1.5 แสนล้านบาท ส่งให้ผลการดำเนินงานของบลจ.กสิกรไทยในครึ่งแรกปี 2568 เติบโตถึง 7% มากกว่าตลาดรวมที่เติบเพียง 1% เท่านั้น

อะไรคือความสำเร็จ นายวินเล่าว่า เป็นการทำงานร่วมกับธนาคาร กสิกรไทย ซึ่งมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งมาก ร่วมกันแนะนำการลงทุนให้กับลูกค้าได้อย่างเหมาะสมตั้งแต่ต้นปี ทั้งการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้และกองทุนผสม ซึ่งถือว่า ถูกที่ถูกเวลา

หัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตนี้คือ การจัดพอร์ตลงทุนแบบ Core & Satellite Portfolio ซึ่งก่อนหน้านี้เน้นสื่อสารกับกลุ่มลูกค้ารายย่อย ให้ส่งต่อไปยังกลุ่มลูกค้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพและกองทุนส่วนบุคคลอย่างเต็มรูปแบบ

“ครึ่งปีขนาดสินทรัพย์ของเราปิดที่ 1.7 ล้านล้านบาท ส่วนครึ่งปีหลังยังประเมินได้ยากจากความไม่แน่นอนของตลาด แต่ยังคงเป้าหมายเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) เติบโตทะยานสู่ระดับ 2 ล้านล้านบาทภายใน 3 ปีข้างหน้า”

เบื้องหลังความสำเร็จของ“วิน พรหมแพทย์” ผู้มีประสบการณ์ในโลกการเงินกว่า 22 ปี ที่ไม่ได้เริ่มต้นเส้นทางจากห้องค้าหลักทรัพย์เหมือนหลายๆคน แต่เริ่มต้นจากการเป็น “ครูอาสา” บนดอยสูงที่บ่มเพาะให้เข้าใจสังคมและความเป็นอยู่ของผู้คนอย่างลึกซึ้ง

นายวินเล่าวว่า ตอนเรียนจบ ผมเพิ่งรู้ว่า ธรรมศาสตร์มีโครงการ ‘บัณฑิตอาสาสมัคร’ ของอาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ท่านตั้งใจให้เด็กจบใหม่ได้ไปเรียนรู้ชีวิตในชนบท ผมเลยสมัครและได้มีโอกาสไปเป็นครูอาสาสมัครอยู่คนเดียวที่หมู่บ้านชาวกะเหรี่ยง จ.ลำปาง เป็นคนแรกและคนเดียวของหลักสูตรอินเตอร์ที่ไปโครงการนี้

“เป็นครั้งแรกที่ผมได้ทำนา เพราะพ่อแม่เป็นนายธนาคารทั้งคู่ แต่พอไปอยู่กับชาวบ้าน เขาเก็บเกี่ยวข้าวก็ต้องช่วย ทำให้รู้ว่า การเกี่ยวข้าวบนดอยยากมาก เพราะข้าวที่อยู่บนที่สูงชัน ต้นมันจะเตี้ยและราบไปกับพื้น ต้องก้มเยอะ ต้องเอาเคียวล้วงขึ้นมาเกี่ยว กว่าจะได้แต่ละช่อมันเหนื่อยมากและต้องปีนเขาขึ้นไปด้วย มันทำให้เราเข้าใจเลยว่า กว่าจะได้ข้าวแต่ละเม็ดมันลำบากแค่ไหน”

เจตนารมณ์ของอาจารย์ป๋วยคือ ให้คนจบการศึกษา ซึ่งถือเป็นปัญญาชนในยุคนั้น ได้ไปเรียนรู้ว่า ชนบทคืออะไร เวลาคุณโตไปเป็นผู้บริหาร ไม่ว่าจะภาครัฐหรือเอกชน คุณจะได้มีมุมนี้อยู่ในใจว่า คนรากหญ้าเขาอยู่กันอย่างไร ประสบการณ์ตรงนั้นทำให้ผมกลายเป็นคนที่ใส่ใจในความเป็นอยู่ของผู้คนมาจนถึงทุกวันนี้

ความใส่ใจผู้คนได้นำพาเขาไปสู่การทำงานที่สำนักงานประกันสังคม(สปส.) หลังจบปริญญาโทจากเนเธอร์แลนด์ด้วยทุนก.พ. เขาทุ่มเททำงานที่นี่นานถึง 13 ปี จากนักวิเคราะห์ตัวเล็กๆ จนก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้าส่วนจัดการลงทุน และเป็นหนึ่งในเรี่ยวแรงสำคัญที่บริหารกองทุนให้เติบโตจาก 1 แสนล้านบาท สู่ 1.3 ล้านล้านบาท

“ช่วงที่อยู่บนดอย ก็พอดีราชการเขาเปิดรับสมัครทุนก.พ.หลังจากปิดไปพักหนึ่งช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง ผมก็ลงจากดอยมาสมัคร ซึ่งเป็นทุนของสำนักงานประกันสังคม จบมาก็มาทำงานที่นั่นใช้ทุน ที่จริงเรียนปีครึ่งทำงานแค่ 3 ปีก็พอแต่ก็อยู่ถึง 13 ปี แม้จะเคยตั้งใจฝากชีวิตการทำงานไว้ที่ประกันสังคมจนเกษียณ แต่ก็มาเจอกับจุดเปลี่ยนของชีวิต”

จุดเปลี่ยนที่สำคัญเกิดจากไม่สามารถผลักดันการปฏิรูปสำนักงานประกันสังคมได้สำเร็จใน 3 เรื่อง

  • การแยกหน่วยลงทุนออกมาเป็นอิสระ: “ผมรู้สึกว่าเราลงทุนเงินขนาดนี้ แข่งกับคนทั่วโลก แต่หน่วยงานไปอยู่กับระบบราชการ เงินเดือนน้อย คนน้อย อุปกรณ์ไม่พร้อม มันสู้เขาลำบาก จนถึงวันนี้ก็ยังไม่เปลี่ยน”
  • การปฏิรูปบำนาญ: “ตอนออกแบบประกันสังคม คนไทยยังไม่แก่ การจ่ายบำนาญยังไม่เกิดขึ้น คนออกแบบตั้งใจว่าวันหนึ่งต้องมีคนมาแก้ไข แต่จนวันนี้ก็ยังไม่ได้แก้ไขอย่างจริงจัง ทั้งที่คนแก่เยอะขึ้น แรงงานในระบบน้อยลง ถ้าถึงวันที่เงินไม่พอจ่ายก็ไม่ใช่เรื่องแปลก”
  • การลงทุนในต่างประเทศ: ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องเดียวที่เริ่มมีการปรับเปลี่ยนและขยายเพดานการลงทุนเพิ่มขึ้น

“ผมพยายามผลักดันการเปลี่ยนแปลงอยู่ 3 เรื่อง แต่ไม่สำเร็จจึงตัดสินใจออกมา ซึ่งวันนี้บางเรื่องก็ยังไม่เปลี่ยน” คุณวินกล่าวถึงภารกิจที่ยังค้างคาใจ

ประสบการณ์บนดอยยังทำให้ “วิน พรหมแพทย์” เริ่มชอบการเป็นครู แม้จะทำงานประจำที่ประกันสังคม แต่ยังสอนหนังสือที่ธรรมศาสตร์มากว่า 10 ปี เหมือนกับการถ่ายทอดความรู้ และช่วยเหลือผู้คน ล่าสุดยังให้ทุนการศึกษาส่วนตัวกับเด็กๆ ในจังหวัดอ่างทอง ผ่านโครงการ “ต้นกล้า” ซึ่งเป็นหลักสูตรพิเศษที่เรียนเรื่อง เทคโนโลยี AI DATA เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของเยาวชนและเปิดโอกาสในการเรียนรู้ในด้านเทคโนโลยีและข้อมูลในยุคดิจิทัล

นายวินกล่าวทิ้งท้ายว่า การสนับสนุนเทคโนโลยี ยังสร้างโอกาสให้เด็กรุ่นใหม่ได้พัฒนาชนบทอีกด้วย อย่างการลงพื้นที่ดูการปลูกข้าวคาร์บอนต่ำ ที่อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี มีการเทคโนโลยีต่างๆเข้ามา ทั้งการใช้สัญญาณดาวเทียมของ GISDA เพื่อดูพื้นที่นาแต่ละแปลง และมีการใช้โดรนหว่านเมล็ดพันธ์ุ ในอนาคตก็สามารถทำให้เด็กรุ่นใหม่กลับบ้านเกิด ด้วยการรับจ้างบินโดรนก็ได้

ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย มุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านการลงทุนอย่างยั่งยืน (Sustainable Investing) อันดับ 1 ของไทย ภายใต้แนวคิด “Insight to Impact" มุ่งเน้นการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยตั้งเป้าหมาย Net Zero Target ในส่วนของ Scope 1 และ 2 ภายในปี 2030

หน้า 1 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,122 วันที่ 14 - 16 สิงหาคม พ.ศ. 2568

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ฐานเศรษฐกิจ

ผลประชุม นบข.อนุมัติเงินเยียวยาไร่ละ 1000 เช็กวิธีตรวจสอบสถานะ

30 นาทีที่แล้ว

พลังงานสะอาดขาดแคลน TDRI หวั่นลงทุนต่างชาติเผ่นหนี กระทุ้งเปิด TPA ซื้อขายไฟฟ้าเสรีรับมือ

57 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่นๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...