รัฐบาลไทย เร่งหาคนมาอุดช่องโหว่ ไม่สน “กัมพูชา” กลับประเทศ
ก.แรงงาน เร่งดึงแรงงานต่างชาติอุดช่องว่าง หลังแรงงานกัมพูชากลับประเทศจำนวนมาก
กระทรวงแรงงานเร่งแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานอย่างฉับพลัน หลังแรงงานกัมพูชาทยอยเดินทางกลับประเทศจากสถานการณ์ตึงเครียดชายแดน โดยนายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดหากำลังแรงงานสัญชาติอื่นเข้ามาทดแทนเพื่อไม่ให้ภาคเศรษฐกิจชะงัก
ในระยะเร่งด่วน วันที่ 19 ส.ค.นี้ จะนำแรงงานเมียนมากลุ่มอพยพที่ผ่านการหารือกับฝ่ายความมั่นคงแล้ว จำนวนราว 42,000 คน เข้ามาทำงานได้ทันที พร้อมเดินหน้า MOU กับศรีลังกา ซึ่งพร้อมส่งแรงงานชุดแรกประมาณ 10,000 คน และสามารถขยายเพิ่มได้อีก 30,000 คน หลังผ่านการฝึกทักษะราว 1 เดือน
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว (คบต.) เตรียมทำ MOU ล่วงหน้ากับฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเนปาล เพื่อสำรองแรงงาน หากสถานการณ์ชายแดนยังยืดเยื้อ โดยหากได้รับความเห็นชอบจากฝ่ายความมั่นคง คาดว่าจะสามารถนำแรงงานเข้ามาได้อีกราว 100,000 คน
สำหรับแรงงานกัมพูชาบางส่วนที่ลักลอบกลับเข้ามา หากอยู่ในกลุ่มที่ ครม. ผ่อนผันให้ทำงานต่อได้อีก 6 เดือน ก็สามารถกลับเข้าทำงานได้ตามปกติ แต่หากเป็นแรงงานผิดกฎหมายต้องผ่านการตรวจสอบก่อน
สถานการณ์แรงงานกัมพูชาที่หายไปส่งผลกระทบชัดเจนต่อหลายภาคส่วน โดยเฉพาะภาคก่อสร้าง ที่แรงงานหายไปกว่า 60% และภาคเกษตรที่ต้องเร่งหาคนเก็บเกี่ยวผลผลิต เช่น ลำไยในจังหวัดจันทบุรี ซึ่งต้องการแรงงานทดแทนด่วนถึง 30,000 คน นักวิชาการประเมินว่าแรงงานกัมพูชา ทั้งในระบบและนอกระบบรวมราว 1.25 ล้านคน คิดเป็นกว่า 20% ของแรงงานในไทย และสร้างมูลค่าราว 5.2% ของ GDP ประเทศ การหายไปของแรงงาน 3–5 แสนคน อาจทำให้ GDP สูญเสีย 2.34–3.90 แสนล้านบาท และกระทบหนักที่สุดต่อภาคบริการ รองลงมาคือก่อสร้างและเกษตร
ในมุมของกัมพูชา แรงงานที่กลับประเทศจำนวนมากอาจไม่มีตำแหน่งงานรองรับ ทำให้สูญเสียรายได้รวมปีละ 36,000–60,000 ล้านบาท และกดดันเศรษฐกิจในประเทศให้หดตัวลง 3–4% ของ GDP
ซึ่งทางด้านนักวิชาการเสนอ 5 แนวทางแก้ปัญหา ได้แก่ เร่งดึงแรงงานเมียนมาและลาวเข้ามาทดแทนทันที จัดทำยุทธศาสตร์แรงงานต่างชาติระยะ 5–10 ปี จูงใจแรงงานไทยเข้ามาทำงานด้วยค่าจ้างและสิทธิพิเศษทางการเงิน
ศึกษานำเข้าแรงงานจากบังกลาเทศและศรีลังกาเพิ่มเติม ปรับปรุงกฎหมายและลดขั้นตอนนำเข้าแรงงานให้ทันสมัยและรวดเร็ว
สรุปคาดการณ์ ในระยะสั้น ไทยจะพึ่งแรงงานเมียนมาและศรีลังกาเป็นหลัก พร้อมเสริมด้วยแรงงานจากฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเนปาล หากสถานการณ์ตึงเครียดชายแดนยังยืดเยื้อ
เพื่อปิดช่องว่างแรงงานในทุกภาคเศรษฐกิจ
จากเหตุการณ์ปะทะครั้งนี้ มีหลายสิ่งที่ไทยได้รับผลกระทบ ทั้งชีวิตของชาวบ้านในพื้นที่ ภาษีจากสหรัฐ ชีวิตของทหารแนวหน้า และอีกมากมาย ฉะนั้น ปัญหาเหล่านี้ต้องรอรัฐบาลเร่งหามาตรการแก้ไขที่ชัดเจน ก่อนที่ความเสียหายอีกมาก
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews