สรุปข่าวต่างประเทศ ประจำวันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม 2568
สรุปข่าวต่างประเทศ ประจำวันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม 2568
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -15 ส.ค. 68 8:37: น.
*** สัญญาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส (WTI) งวดส่งมอบเดือนก.ย. ปิดที่ 63.96 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.31 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2.1%
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ (Brent) งวดส่งมอบเดือนต.ค. ปิดที่ 66.84 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.21 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.8%
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 2% ในวันพฤหัสบดี แตะระดับปิดสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เตือนว่า จะมีผลลัพธ์ร้ายแรง หากการเจรจากับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียเกี่ยวกับสงครามยูเครนล้มเหลว ประกอบกับความเชื่อมั่นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจปรับลดดอกเบี้ยในเดือนหน้า ซึ่งอาจกระตุ้นความต้องการใช้น้ำมัน
*** สำนักสถิติแรงงานสหรัฐฯ (Bureau of Labor Statistics) รายงานว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งวัดการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าและบริการขั้นสุดท้าย ปรับขึ้น 0.9% จากเดือนก่อนหน้า สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด 0.2% และเป็นการเพิ่มขึ้นรายเดือนสูงสุดนับตั้งแต่ มิ.ย. 2022 โดย PPI พื้นฐาน (ไม่รวมอาหารและพลังงาน) เพิ่มขึ้น 0.9% เทียบกับคาดการณ์ 0.3% และหากตัดราคาอาหาร พลังงาน และบริการด้านการค้าออกไป พบว่าดัชนีขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.6% สูงสุดตั้งแต่ มี.ค. 2022
เมื่อเทียบเป็นรายปี PPI ทั้งหมด ขยายตัว 3.3% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นในรอบ 12 เดือน มากที่สุดนับตั้งแต่ก.พ. และสูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อของเฟดที่ 2% อย่างมีนัยสำคัญ
*** กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานว่า จำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกปรับลดลง 3,000 ราย เหลือ 224,000 ราย (ปรับตามฤดูกาล) ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 9 ส.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 228,000 ราย สะท้อนอัตราการเลิกจ้างยังคงอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตาม ภาคธุรกิจยังลังเลที่จะขยายการจ้างงาน เนื่องจากอุปสงค์ภายในประเทศที่ชะลอตัว ท่ามกลางนโยบายการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ดันภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 100 ปี
ด้านผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง ลดลง 15,000 ราย เหลือ 1.953 ล้านราย (สัปดาห์สิ้นสุด 2 ส.ค.) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเชิงอ้อมถึงความเคลื่อนไหวด้านการจ้างงานใหม่
*** ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย กล่าวชื่นชมความพยายามของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการเป็นตัวกลางยุติสงครามยูเครน พร้อมยื่นข้อเสนอความร่วมมือทางเศรษฐกิจและสนธิสัญญาควบคุมอาวุธฉบับใหม่ โดยปูตินพยายามลดการทำสงครามกับยูเครน ซึ่งเป็นความขัดแย้งที่รุนแรงที่สุดในยุโรปในรอบหลายทศวรรษ
ประเด็นที่ปูตินหยิบยกสอดคล้องกับจุดโฟกัสของทรัมป์ ซึ่งต้องการภาพลักษณ์ นักเจรจาผู้ยิ่งใหญ่ และ ผู้สร้างสันติภาพ แม้ตัวทรัมป์เองจะลดความคาดหวังว่าการพบปะครั้งนี้ จะสามารถบรรลุคำมั่นในการยุติสงครามได้อย่างรวดเร็ว
*** ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ วิจารณ์โกลด์แมน แซคส์ หลังสถาบันการเงินรายนี้ คาดว่ามาตรการภาษีนำเข้าจะดันเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น พร้อมเหน็บ เดวิด โซโลมอน ซีอีโอของธนาคาร ซึ่งมีอีกหนึ่งบทบาทในชีวิตเป็นดีเจ ว่า ควรหานักเศรษฐศาสตร์คนใหม่ หรือไม่ก็ไปโฟกัสเป็นดีเจให้เต็มที่ ด้านโกลด์แมน แซคส์ ตอบโต้ว่า หากภาษีนำเข้าล่าสุด เช่น ภาษีเดือนเม.ย. เดินตามรูปแบบเดียวกับภาษีรอบแรกเมื่อเดือนก.พ. ก็ประเมินว่าภายในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ ผู้บริโภคจะเป็นผู้รับภาระต้นทุนราว 2 ใน 3 ของผลกระทบทั้งหมด
*** รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเจรจากับ Intel Corp. เพื่อให้รัฐบาลสหรัฐฯ เข้าถือหุ้นในผู้ผลิตชิปรายใหญ่ ซึ่งสะท้อนถึงท่าทีล่าสุดของทำเนียบขาวที่พร้อมยุติเส้นแบ่งระหว่างรัฐกับภาคเอกชน โดยดีลดังกล่าว มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนแผนก่อสร้างศูนย์การผลิตชิปในรัฐโอไฮโอ ของ Intel ซึ่งเคยประกาศว่าจะพัฒนาให้เป็นโรงงานผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่โครงการดังกล่าวประสบความล่าช้าหลายครั้ง โดยยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะเข้าถือหุ้นในสัดส่วนเท่าใด
*** Berkshire Hathaway ของวอร์เรน บัฟเฟตต์ เปิดเผยว่า ได้ลงทุนรอบใหม่ใน UnitedHealth Group ผู้ให้บริการประกันสุขภาพรายใหญ่ของสหรัฐฯ หลังบริษัทตกเป็นเป้าการวิจารณ์จากชาวอเมริกันจำนวนมากเกี่ยวกับทิศทางระบบการดูแลสุขภาพของประเทศ โดย Berkshire ถือหุ้น UnitedHealth จำนวน 5.04 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,570 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหลังการเปิดเผยดังกล่าว ส่งผลให้ราคาหุ้น UnitedHealth พุ่ง 8.5% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ
พร้อมกันนี้ ยังขายหุ้น Apple จำนวน 20 ล้านหุ้น และลดการถือครองลงเหลือ 280 ล้านหุ้น แต่ยังคงเป็นการลงทุนในหุ้นตัวเดียวที่มากที่สุดของบริษัท
*** Foxconn หรือ Hon Hai Precision Industry ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบรับจ้างผลิตรายใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นผู้ประกอบ iPhone ให้แอปเปิล รายงานกำไรจากการดำเนินงานไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 27% จากปีก่อน รับอานิสงส์จากธุรกิจเซิร์ฟเวอร์สำหรับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยรายได้ไตรมาส 2 อยู่ที่ 59,730 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 1,770 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,390 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการเติบโตของรายได้ เพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อนหน้า
*** Applied Materials ผู้ผลิตอุปกรณ์ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐฯ เผยคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 4/2025 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมิน โดยให้เหตุผลจากความต้องการในจีนที่ชะลอตัว และคำสั่งซื้อที่ไม่แน่นอนจากลูกค้ารายใหญ่ซึ่งได้รับผลกระทบจากความไม่ชัดเจนด้านภาษีการค้า ส่งผลให้หุ้นร่วงเกือบ 13% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ โดยปัจจัยกดดันหลัก ได้แก่การเจรจาภาษีนำเข้ากับจีนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และข้อจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูงไปจีน ทำให้ผู้ผลิตเครื่องจักรเซมิคอนดักเตอร์คาดการณ์อุปสงค์ได้ยากมากขึ้น ทั้งนี้ จีนยังคงเป็นตลาดหลักของ Applied โดยคิดเป็น 35% ของรายได้รวมไตรมาส ก.ค.
*** DeepSeek สตาร์ทอัพ AI สัญชาติจีน เลื่อนการเปิดตัวโมเดล R2 ออกไป หลังความพยายามฝึกโมเดลด้วยชิป Ascend ของ Huawei ประสบปัญหาทางเทคนิคต่อเนื่อง โดยเดิมที DeepSeek ตั้งใจใช้ชิป Ascend ในการฝึกและประมวลผล แต่จากปัญหาที่เกิดขึ้น ทำให้ต้องเปลี่ยนมาฝึกโมเดลด้วยชิป Nvidia และใช้ Ascend สำหรับการประมวลผล (Inference) แทน ส่งผลให้กำหนดเปิดตัว R2 จากเดือนพ.ค. ต้องเลื่อนออกไป
กรณีดังกล่าว สะท้อนความท้าทายของนักพัฒนา AI จีน ในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีสหรัฐฯ โดยเฉพาะชิป AI ของ Nvidia แม้รัฐบาลจีน จะสนับสนุนให้ใช้ชิป Ascend ของ Huawei เพื่อลดการพึ่งพาต่างชาติ หลังสหรัฐฯ จำกัดการส่งออกชิปไปจีนในปีนี้
*** Bridgewater Associates กองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ขายหุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดสหรัฐฯทั้งหมด ในไตรมาส 2/2025 รวม 16 บริษัท คิดเป็นมูลค่ารวม 1,410 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามเอกสารยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) โดยหุ้นที่ถูกขายออกทั้งหมด รวมถึงยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซอย่าง Alibaba Group, JD.com, PDD Holdings, ผู้ให้บริการเสิร์ช Baidu, ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Nio, ผู้ให้บริการท่องเที่ยว Trip.com, และเครือร้านอาหาร Yum China (เจ้าของหนังสือพิมพ์ South China Morning Post) ซึ่งทำให้ Bridgewater ไม่มีการถือครองหุ้นจีนในตลาดสหรัฐฯ โดยตรงเป็นครั้งแรก ในรอบหลายปี
*** แรงเทขายในตลาดพันธบัตรจีน กำลังทวีความรุนแรง โดยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สัญญาฟิวเจอร์สพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ร่วงลงสูงสุด 0.7% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน และลดลง 1.5% ในรอบสัปดาห์ขณะที่ดัชนีหุ้นในประเทศปรับขึ้นแตะระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนต.ค. ขณะที่ในตลาด Cash Market การเคลื่อนไหวเบากว่า โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปีเพิ่มขึ้น 1 เบสิสพอยต์
ตลอดเดือนที่ผ่านมา ตลาดพันธบัตรจีนที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกเผชิญแรงกดดันเพิ่มขึ้น จากปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจ เช่น ความตึงเครียดทางการค้าสหรัฐฯ-จีนที่ผ่อนคลาย ความเชื่อมั่นว่ามาตรการลดกำลังการผลิตส่วนเกินและการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงจะช่วยดึงเศรษฐกิจพ้นภาวะเงินฝืด รวมไปถึงความคาดหวังต่อการผ่อนคลายนโยบายการเงินในระยะสั้นที่ลดลง
*** รัฐบาลจีน เริ่มมาตรการอุดหนุนดอกเบี้ยบางส่วนสำหรับสินเชื่อเพื่อการบริโภค เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชน แต่ความพยายามนี้ อาจเผชิญแรงต้านจากทัศนคติที่ฝังรากลึกของคนจีน ซึ่งนิยมเก็บออมมากกว่าก่อหนี้ โดยทัศนคติผู้บริโภคบางส่วนระบุว่า การกู้เพื่อใช้จ่ายไม่เป็นที่นิยม เว้นแต่จะเป็นการซื้อบ้าน
แม้มาตรการดังกล่าวอาจช่วยลดต้นทุนการกู้ยืม แต่ความนิยมกู้เพื่อจับจ่ายยังต่ำ ทั้งจากค่านิยมด้านการเงินของคนรุ่นเก่า และความระมัดระวังของคนรุ่นใหม่ต่อการก่อหนี้
*** เศรษฐกิจญี่ปุ่นขยายตัวเร็วกว่าที่คาดในไตรมาส 2 ปี 2025 นำโดยอุปสงค์ภายในประเทศที่แข็งแกร่ง ซึ่งกลายเป็นข่าวดีสำหรับนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ ที่กำลังเผชิญเสียงเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่ง หลังเผชิญความพ่ายแพ้ทางการเมืองครั้งประวัติศาสตร์เมื่อเดือนที่แล้ว โดย GDP ขยายตัว 1.0% สูงกว่าคาดการณ์ 0.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า พลิกกลับจากการหดตัวเป็นขยายตัว 0.6% ขณะที่การลงทุนภาคธุรกิจ เพิ่มขึ้น 1.3% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส สูงกว่าคาดการณ์ 0.7% และการบริโภคภาคเอกชน เพิ่มขึ้น 0.2%
ตัวเลข GDP ครั้งนี้ สะท้อนผลกระทบจากมาตรการภาษีตอบโต้และภาษีนำเข้ารถยนต์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีผลตั้งแต่เดือนเม.ย. โดยญี่ปุ่นต้องเผชิญภาษีนำเข้าพื้นฐานที่ 10% ภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% ภาษีนำเข้าเหล็กจากสหรัฐฯ 25% (ประกาศมี.ค.) และเพิ่มเป็น 50% เมื่อต้นเดือนมิ.ย.
*** สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) รายงานว่า GDP อังกฤษขยายตัว 0.3% ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2025 หลังไตรมาสแรกเติบโตแรงที่ 0.7% แม้เผชิญแรงกดดันจากภาษีนำเข้าสหรัฐฯ และตลาดแรงงานที่อ่อนแอ โดยตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าคาดการณ์ของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ที่คาดไว้ 0.1%
โดยปัจจัยหนุนการเติบโต ได้แก่ การใช้จ่ายภาครัฐที่สูงขึ้น ภาคธุรกิจทั้งในและต่างประเทศเร่งตุนสินค้าก่อนภาษีนำเข้าสหรัฐฯ จะมีผล ซึ่งข้อมูลดังกล่าว ช่วยหนุนเป้าหมายด้านงบประมาณของรัฐมนตรีคลัง
*** Pham Nhat Vuong ผู้ก่อตั้ง VinFast และมหาเศรษฐีชาวเวียดนาม ตกลงซื้อกิจการฝ่ายวิจัยและพัฒนา (R&D) ของบริษัทในมูลค่า 1,520 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นการอัดเม็ดเงินรอบล่าสุดเข้าสู่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ขาดทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้บริษัทสามารถทำกำไรได้ภายในสิ้นปี 2026 โดยธุรกรรมนี้จะเป็นการแยก Novatech Research and Development JSC ซึ่งจดทะเบียนในเวียดนาม ออกจาก VinFast Trading and Production JSC ซึ่งเป็นหน่วยผลิตภายในประเทศ โดย Novatech จะถือครองต้นทุนการลงทุนของโครงการ R&D ที่เสร็จสิ้นแล้ว
VinFast ซึ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดแนสแดค ตั้งแต่ปี 2023 เผชิญความท้าทายจากอุปสงค์ผู้บริโภคที่อ่อนแอและการแข่งขันรุนแรง โดยไตรมาส 1/2025 บริษัทขาดทุนสุทธิ 712.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้รายได้พุ่งขึ้น 150% แตะ 656.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐก็ตาม
รายงาน โดย สิริพงศ์ สิริชุมศรี เรียบเรียง โดย Supak Hopuengju
อีเมล์. supak@efinancethai.com
ดูข่าวต้นฉบับ