หนุน”บิ๊กตู่”คัมแบ็ก!

โพลชี้! ประชาชนกว่า 42% หนุน 'แพทองธาร' ลาออก หรือ ยุบสภา ส่วน 32% ดัน 'ประยุทธ์' คัมแบ็ก และกว่า 64% หนุน ซักฟอกรัฐบาล“เพื่อไทย” ฉุนขาดจ้องจับผิด “ทักษิณ” มั่นใจไร้อุบัติเหตุการเมือง “อนุสรณ์” การันตีเสียงพรรคร่วมฯแน่นปึ้ก! แซะแผนนับองค์ประชุม “ฝ่ายค้าน”หวังน็อกรัฐบาลยาก

เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาลกล่าวถึงกรณีกระแสข่าวแกนนำพรรคเพื่อไทย นัดพรรคร่วมรัฐบาลรับประทานอาหารค่ำร่วมกัน ในวันอังคารที่ 22 ก.ค.นี้ ว่า การนัดกินข้าวพรรคร่วมรัฐบาลในวันที่22กรกฎาคมนี้ เป็นการนัดสังสรรค์พบปะกันธรรมดา ไม่มีนัยยะพิเศษทางการเมืองที่ต้องมาพูดคุยกันซีเรียส เรื่องการเมืองอาจนำมาคุยกันบ้าง แต่คงเป็นแค่การปรับทุกข์ไม่ได้หารือเป็นทางการ อย่างเรื่ององค์ประชุมสภาฯ ก็ได้กำชับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค ขอความร่วมมือไปแล้วว่า ถ้ายังอยากเป็นรัฐบาลต่อ สัมพันธ์ภาพต้องแน่นแฟ้น มีสส.และรัฐมนตรีมาประชุสภาทุกวันพุธ วันพฤหัสฯอย่างเต็มที่ ทุกคนต้องมีความรับผิดชอบ ถึงจะไปต่อได้ และไม่ใช่แค่มาประชุม แต่ต้องอยู่ร่วมในห้องประชุมด้วย ห้ามออกไปไหน

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังกำชับทุกพรรคอย่างจริงจังแล้ว รับประกันได้หรือไม่ จะไม่เกิดปัญหาเรื่ององค์ประชุม จนต้องสั่งปิดประชุม หนีสภาล่ม เหมือน2สัปดาห์ที่ผ่านมา นายวิสุทธิ์กล่าวว่า ได้พยายามเต็มที่ดีที่สุด แต่ไม่รับประกัน หวังว่าจะได้รับความร่วมมืออย่างเต็มที่

นายวิสุทธิ์กล่าวต่อว่า ส่วนความเป็นห่วงเรื่องอุบัติเหตุการเมืองกับรัฐบาลนั้น มั่นใจไม่มีอุบัติเหตุการเมืองเกิดขึ้น ทุกคนมั่นใจรัฐบาลไปต่อได้ ทุกวันนี้ประชาชนลำบาก อยากให้รัฐบาลใหม่มาแก้ปัญหาทั้งราคาพืชผลการเกษตร ปัญหาปากท้อง ปัญหาเศรษฐกิจโลกลำบากอยู่แล้ว อย่าให้มีอุบัติเหตุการเมืองอีกเลย

เมื่อถามว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมามีบทบาทส่งสัญญาณทางการเมือง และร่วมประชุมกับทีมไทยแลนด์ที่บ้านพิษณุโลก เกรงจะถูกดำเนินคดีเรื่องครอบงำพรรคและรัฐบาลอีกหรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า การเชิญไปให้คำแนะนำในเวทีสาธารณะ ไม่ใช่การครอบงำ เป็นการพูดถึงสถานการณ์ภาพรวม นายทักษิณไม่เคยสั่งการสส. หรือข้าราชการ อย่างในพรรคเพื่อไทย นายทักษิณไม่เคยสั่งตนหรือสส.ให้ทำอะไร นายทักษิณระวังตัวในทางปฏิบัติและคำพูดอยู่แล้ว ส่วนการไปประชุมกับทีมไทยแลนด์เพราะได้รับเชิญไปให้คำแนะนำ ในฐานะผู้มีประสบการณ์แก้ปัญหาเศรษฐกิจ เพื่อนำคำแนะนำไปปรับใช้ ไม่ใช่เรื่องที่จะมาจ้องจับผิด จะพูดหรือทำอะไรก็ฟ้องหมด ทำทุกอย่างเป็นนิติสงครามให้ประเทศเดินต่อไม่ได้

“จะกลัวอะไรนายทักษิณขนาดนั้น พวกลูกอีช่างฟ้องต้องหมดได้แล้ว น่าเบื่อน่ารำคาญ ไม่อยากคบเพื่อนแบบนี้ แต่คดีฮั้วเลือก สว. หลักฐานชัดเจน ทำไมไม่ไปฟ้องบ้าง” นายวิสุทธิ์กล่าว

ด้าน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ปกติ สส.พรรคร่วมรัฐบาลทำงานใกล้ชิดกันอยู่แล้ว โดยเฉพาะสถานการณ์ที่เสียงทุกเสียงของสส.พรรคร่วมรัฐบาลมีความสำคัญ สส.พรรคร่วมฝ่ายค้านจะขอเสนอนับองค์ประชุมตลอดเวลา โดยที่ฝ่ายค้านจะไม่แสดงตนเป็นองค์ประชุม สส.พรรคร่วมรัฐบาลยิ่งต้องกระชับความพร้อมและพูดคุยกันให้มากขึ้น

นายอนุสรณ์ กล่าวว่า งานเลี้ยงรับประทานอาหารค่ำครั้งนี้ ความพิเศษคือจะมี สส.พรรคร่วมรัฐบาลจากทุกพรรคร่วมมารับประทานอาหารค่ำด้วยกัน การที่ สส.พรรคร่วมรัฐบาลมีการพูดคุยกันมากขึ้น มองว่าเป็นโอกาสที่ดี ที่ สส.จะได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อกระชับการทำงานร่วมกันในสภาฯ กระชับความสัมพันธ์ในสส.รัฐบาล ให้เป็นปึกแผ่น และมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น

เมื่อถามว่าในวันดังกล่าวจะมีการพูดคุยกันเรื่องการเลือกรองประธานสภาคนที่ 2 หรือไม่ นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ผู้ที่มีหน้าที่ในการพูดคุย ในประเด็นเลือกรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ได้ทำหน้าที่ได้ดีอยู่แล้ว คงไม่ได้จำกัดหรือเฉพาะเจาะจงว่าจะเลือกไปคุยกันในวันนั้น การเลือกสส. ไปทำหน้าที่รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 มีความสำคัญ และเชื่อว่ารัฐบาลคงไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ล่าช้าออกไป คาดว่าจะได้เห็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ในระยะอันใกล้นี้

“กลุ่มคนที่หวังจะน็อกรัฐบาลด้วยการเสนอนับองค์ประชุมทุกครั้งที่มีโอกาส น่าเผชิญกับความยากลำบากมากขึ้น สส.พรรคร่วมรัฐบาลพร้อมรับมือทุกสถานการณ์ เชื่อว่าเวลาที่เหลือของสภา สส. ยังสามารถทำงานให้กับประเทศชาติ และประชาชนได้อีกมาก” นายอนุสรณ์ กล่าว

ส่วนที่โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา จ.ชลบุรี นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ สส.ชัยภูมิ ในฐานะโฆษกพรรคกล้าธรรม กล่าวถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ร่วมวงเจรจาภาษีสหรัฐ ที่บ้านพิษณุโลก เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา ว่า ร.อ.ธรรมนัส เดิมทีเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และวันนี้พรรคกล้าธรรมก็ยังดูแลกระทรวงเกษตรฯอยู่ ภายใต้นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมว.เกษตรฯ และนายอัครา พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ ซึ่งการทำงานของกระทรวงเกษตรฯที่ผ่านมา ขับเคลื่อนพร้อมกับพรรคกล้าธรรม โดยเราได้มีการลงลึกไปถึงปัญหาของประชาชน ไปรับฟังปัญหาของเกษตรกรและคนรากหญ้า ว่าที่ผ่านมาแต่ละจังหวัดมีปัญหาอะไรบ้าง

นายอัครแสนคีรีกล่าวว่า ซึ่งที่ผ่านมา ร.อ.ธรรมนัสก็เข้าใจเกษตรกรอย่างท่องแท้ ทั้งเรื่องประมง ปศุสัตว์ และผลิตภัณฑ์การเกษตร ดังนั้น การที่ ร.อ.ธรรมนัสไปให้ข้อมูลที่บ้านพิษณุโลก เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับทีมไทยแลนด์ เพราะพรรคเราเข้าใจว่าเกษตรกรเดือดร้อนเรื่องอะไร ปวดหัวปวดใจกับอะไรบ้าง เราจึงจำเป็นต้องไปให้ข้อมูลกับทีมไทยแลนด์ ว่าอะไรที่เป็นตลาดที่เราไม่สามารถให้เปิดได้ หรืออะไรที่เปิดตลาดแล้วไม่กระทบเกษตรกร รวมถึงผู้เลี้ยงสัตว์ หรือผู้ประกอบกิจการประมง เราจำเป็นต้องให้ข้อมูลเหล่านี้ เพื่อไม่ให้พวกเขาถูกทอดทิ้ง จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม ร.อ.ธรรมนัสและนายอรรถกรต้องไปที่บ้านพิษณุโลก

นายอัครแสนคีรี กล่าวถึงการสัมมนาพรรคหัวข้อ “DARE TO DO คนกล้าลงมือทำ” ระหว่างวันที่ 11-13 ก.ค.2568 โดยกล่าวถึงเหตุผลการจัดสัมมนาว่าพรรคกล้าธรรมกำลังเป็นพรรคที่เติบโต และมีสมาชิกพรรคกว่า 1 แสนคน กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จึงจำเป็นที่เชิญผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้านให้ความรู้แก่สมาชิกพรรคที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยหัวข้อในการเสวนา มีตั้งแต่การพูดเพื่อสื่อสารกับประชาชน การพูดสร้างแรงบันดาลใจ การใช้เทคโนโลยีเอไอ หรือ แชทจีพีที เข้ามาสนับสนุนการทำงานของ สส. เช่น การเขียนข่าว หรือการเขียนคอนเทนท์ การดูเทรนส์โลกออนไลน์ที่จะหยิบยกในการสื่อสาร เช่น กูเกิ้ลเทรน ที่จะเป็นอาวุธประดับตัว สส.

“มีการอบรมทำคอนเทนท์ของ สส.ทำอย่างไรให้ปัง ได้เชิญวิทยากรน้าเน็กซ์ ซึ่งเป็นผู้มีชื่อเสียงทำคอนเทนท์มาสอนการใช้โซเชียลมีเดีย การทำคอนเทนท์ ในแพลตฟอร์มต่างๆที่ประชาชนให้ความสำคัญ”นายอัครแสนคีรี กล่าว

นายอัครแสนคีรี กล่าวว่าในการสัมมนามีการค้นหาบุคคลที่เป็น DNA พรรคกล้าธรรม แบ่งการคัดเรื่องคุณค่า เรื่องความฝันเรื่องบทบาท ในสมาชิกจับกลุ่มและพูดคุยหารือกัน ในประเด็นที่เห็นตรงกัน และในฐานะเป็นโฆษกพรรค ให้ความสำคัญกับการสัมมนาครั้งนี้โดยจะนำความรู้มาต่อยอด โดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีเอไอเข้ามาเสริม เช่น การใช้ เอไอค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการถอนร่างกฎหมาย หรือการบรรจุร่างกฎหมาย บริการเสนอข้อกฎหมายที่จะใช้ข้อบังคับการประชุมในการดำเนินการ หรือตรวจสอบความคืบหน้าในการพิจารณาร่างกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งถือว่าเป็นการเอื้อต่อการทำงานในฐานะ สส.

โฆษกพรรคกล้าธรรม กล่าวเชื่อว่า สมาชิกและ สส. ที่เข้าร่วมสัมมนาจะนำองค์ความรู้ไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ และจะมีการติดตาม พร้อมกันที่แสดงความพร้อมในการจัดตั้งรัฐบาลตามที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคประกาศเอาไว้ เพราะพรรคล้วนมี สส.ที่มีคุณภาพ สนใจปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน เชื่อ 90% สส.เกรดเอกลับเข้าสู่สภา อีกครั้งในการเลือกตั้งครั้งหน้า

ด้าน ศูนย์สำรวจความคิดเห็นสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้าโพล) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “การเมืองไทย ไปต่อแบบไหนดี” สำรวจระหว่างวันที่ 4-7 ก.ค. 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อสถานการณ์ทางการเมืองไทยในปัจจุบัน

เมื่อถามถึงสถานการณ์ทางการเมืองไทยในปัจจุบัน 42.37% ระบุว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ควรประกาศลาออกจากตำแหน่ง เพื่อหานายกฯ คนใหม่ รองลงมา 39.92% ระบุว่า น.ส.แพทองธาร ควรยุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อจัดการเลือกตั้งทั่วไป 15.04% ระบุว่า น.ส.แพทองธาร ควรบริหารประเทศต่อไปเหมือนเดิม 1.37% ระบุว่า เรียกร้องให้มีการรัฐประหาร

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อการที่พรรคประชาชนควรร่วมลงชื่อกับพรรคฝ่ายค้านเพื่อขอเปิดอภิปรายและลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯ หรือ รัฐมนตรี จากสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันพบว่า 64.43% ระบุว่า ควรลงชื่อเพื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายก หรือ รัฐมนตรี รองลงมา 26.26% ระบุว่า ไม่ควรลงชื่อเพื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯ หรือ รัฐมนตรี และ 7.48% ระบุว่า อย่างไรก็ได้