งานวิวาห์ของคู่รักนักสร้างสรรค์ จิณัฎฐ์ณิชา สุนทรวิเนตร์ – ต่อศักดิ์ ชื่นประภา
Hello Magazine Thailand
อัพเดต 12 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 19 ชั่วโมงที่ผ่านมา • HELLO! Magazine ThailandLight and Lasting คือนิยามแห่งงานมงคลสมรสของคู่รักนักสร้างสรรค์ผู้เปี่ยมด้วยสไตล์และวิสัยทัศน์อย่าง คุณจือ-จิณัฎฐ์ณิชา สุนทรวิเนตร์ และคุณเต้ย-ต่อศักดิ์ ชื่นประภา พิธีฉลองสมรสจัดขึ้นอย่างอบอุ่นและงดงาม ณ โรงแรมเสล จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา
คุณจือ-จิณัฎฐ์ณิชา คือผู้ก่อตั้งและครีเอทีฟไดเร็กเตอร์แห่ง Double V Group กลุ่มธุรกิจออกแบบ สร้างบ้าน และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรที่เติบโตอย่างมั่นคงภายในระยะเวลาไม่ถึงทศวรรษ โดยมีชื่อเสียงด้านงานออกแบบที่ผสานความหรูหรา ความเป็นอยู่ และตัวตนของเจ้าของบ้านไว้อย่างงดงาม ผลงานของเธอได้รับการยอมรับทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศ อาทิ รางวัล Top 100 Architect and Designer of the World จากนิวยอร์ก และการปรากฏตัวบนหน้าปกนิตยสารไลฟ์สไตล์ชั้นนำมากมาย
นอกจากบทบาทในวงการออกแบบแล้ว คุณจือยังเป็นผู้สืบทอดสายเลือดของตระกูลนักสื่อสารที่ทรงอิทธิพล หลานสาวของคุณวิทวัจน์ สุนทรวิเนตร์ พิธีกรชื่อดังผู้ทรงคุณวุฒิแห่งวงการโทรทัศน์ไทย และลูกสาวของคุณชาญชัย-ปาริชาต สุขสัตยานนท์ ผู้สนับสนุนเบื้องหลังเส้นทางชีวิตที่งดงาม
ขณะที่ คุณเต้ย-ต่อศักดิ์ ชื่นประภา ลูกชายของคุณชูศักดิ์ – คุณต้องตา ชื่นประภา คือผู้ก่อตั้ง WOLF BKK เอเจนซี่โฆษณาสัญชาติไทยที่เติบโตเร็วที่สุดในเอเชีย และได้รับรางวัลระดับนานาชาติมากกว่าร้อยรางวัล รวมถึง Cannes Lion และ D&AD ผู้อยู่เบื้องหลังแคมเปญดังอย่าง Central Midnight Sale , CP ส่งไก่ไปอวกาศ , KFC ข้าวร้านลุง และอีกมากมายที่ล้วนกวาดรางวัลจากทั่วทุกมุมโลก ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานจัดงาน Adman 2025 ซึ่งเป็นรางวัลโฆษณาระดับประเทศอย่างเป็นทางการ
การบรรจบกันของความเหมือนและความต่าง
คุณจือและคุณเต้ยได้ย้อนเล่าถึงเส้นทางความรักสุดโรแมนติก ที่เริ่มต้นขึ้นขณะที่ทั้งคู่อยู่ห่างกันคนละซีกโลก
คุณจือ : “จือเดินทางไปงาน Milan Design Week ที่อิตาลี แต่ดันป่วยและออกไปไหนไม่ได้ อยู่แต่ในโรงแรม ไม่มีอะไรทำเลยเลยปัดแอพเล่นๆ ปรากฏว่าแมตช์กับพี่เต้ยที่ออนไลน์อยู่ที่เมืองไทย ได้คุยและ facetime กันแล้วรู้สึกว่าคลิกทันที พอบินกลับไทย จือตรงไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล พี่เต้ยก็เริ่มดูแลจือมาตั้งแต่วันนั้น เดตแรกของเราคือร้านชาบูใกล้ๆ กับโรงพยาบาล”
คุณเต้ย : “เจอกันครั้งแรกจือหน้าสดมาโรงพยาบาลเลย ในใจตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร แค่อยากให้เขาหายป่วยเร็วๆ ในเรื่องความรู้สึกมันเดินไปข้างหน้าเร็วมาก เพราะเราได้คุยออนไลน์มาเป็นอาทิตย์ ได้เรียนรู้ว่าชอบอะไรคล้ายๆ กัน ทำงานที่เกี่ยวข้องกับศิลปะและดีไซน์เหมือนกัน แต่ความต่างก็มีอยู่บ้าง ผมอายุเลข 4 แล้ว ส่วนจือยังเลข 3 อายุค่อนข้างห่างกันพอสมควร ช่วง 3 เดือนแรกที่เริ่มคบหาดูใจ ต้องปรับตัวเข้าหากันค่อนข้างหนัก แต่สุดท้ายก็ผ่านมาจนเราได้แต่งงานกันในที่สุด”
ได้เรียนรู้ว่าชอบอะไรคล้ายๆ กัน ทำงานที่เกี่ยวข้องกับศิลปะและดีไซน์เหมือนกัน แต่ความต่างก็มีอยู่บ้าง
คุณเต้ย
ชีวิตคู่ที่ซัพพอร์ตและเติมเต็มซึ่งกันและกัน
ด้วยบทบาทการทำงานในฐานะผู้นำองค์กร ทั้งสองไม่เพียงทำหน้าที่คู่ชีวิตที่ดี หากยังเป็นแรงสนับสนุนในการผลักดันความสำเร็จของกันและกัน
คุณจือ : “ย้อนไปปี 2023 จือเจอกับความยากลำบากในการทำธุรกิจ อยู่ตรงทางแยกว่าจะ Go Big หรือ Go Home แต่โชคดีมากที่มีพี่เต้ยอยู่เคียงข้าง มีคำพูดหนึ่งจากเขาที่ Powerful มากๆ ‘ต่อให้จือออกมาขายขนมจีน พี่ก็ยังจะรักจือ’ ทำให้รู้ว่าแม้เราจะไม่เหลืออะไรเลย คนนี้ก็พร้อมจะอยู่ข้างๆ กัน พอรู้ว่าไม่มีอะไรจะเสีย จือเลือกจะมุ่งหน้าไปอย่างเดียว จนตอนนี้มีบริษัทในเครือทั้งหมด 5 บริษัท รู้สึกขอบคุณพี่เต้ยมากๆ ที่พร้อมเป็นแบ็กอัพที่แข็งแรงให้กันเสมอ”
คุณเต้ย : “ความสุขของผมคือการได้เห็นเขามีความสุข คำพูดที่บอกไปผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ถ้าทำบริษัทแล้วเครียด ก็ไม่ต้องทำ หาอย่างอื่นที่ทำแล้วมีความสุขดีกว่า แต่จือก็เลือกจะไปต่อ ซึ่งในเวลานั้นต้องใช้ความกล้าสูงมาก ผมนับถือเขาในเรื่องนี้ อีกมุมหนึ่งจือก็ซัพพอร์ตผมเหมือนกัน กลับบ้านมาจะพยายามทำให้ผมอารมณ์ดีที่สุด หายเหนื่อย ดูแลดีทุกอย่าง”
โจทย์งานแต่งสุดชิลล์ Stress Free Wedding
เมื่อช่วงเวลาแห่งการใช้ชีวิตคู่อย่างเป็นทางการเดินทางมาถึง คุณเต้ยและคุณจือเลือกจะจัดงานแต่งงานเล็กๆ อย่างเรียบง่าย และให้สัญญากันว่าทุกขั้นตอนของการเตรียมงานจะผ่านไปอย่างมีความสุข ไร้ซึ่งความกังวลใดๆ
คุณเต้ย : “ผมบอกจือว่าไม่อยากจัดงานใหญ่โต แค่กินข้าวกันในครอบครัวก็พอ ไม่อยากรบกวนใครด้วยความที่เกรงใจ แต่สุดท้ายเราก็อยากให้เพื่อนๆ ได้มาแชร์โมเมนต์ด้วยกัน สำหรับสถานที่ต้องเป็นเชียงใหม่เท่านั้น เพื่อให้คุณแม่ของจือสะดวกที่สุด เพราะท่านไม่ค่อยสบายด้วย ส่วนจำนวนแขกวางไว้ประมาณ 20 คน”
คุณจือ : “พอรู้ตัวเลข 20 คนจากพี่เต้ย จือคิดว่าคงจะเป็นงานในหมู่ญาติเท่านั้น แต่สุดท้ายก็ได้โควต้าสำหรับเพื่อนมาอีก 10 คน รวมเป็น 30 คน ความรู้สึกแรกมองว่าน้อยไปหรือเปล่า ตอนหลังต้องขอบคุณเขาเลย เพราะแขกทุกคนที่มาร่วมเป็นสักขีพยานเป็นคนที่สำคัญกับพวกเราจริงๆ ตั้งใจอยากให้มองกลับมาแล้วเห็นแต่ความสุข ความใกล้ชิด ความอบอุ่น ซึ่งทุกขั้นตอนในการเตรียมงาน พี่เต้ยปล่อยให้จือตัดสินใจด้วยตัวเองเต็มที่ โจทย์ที่ตั้งไว้คือ Stress Free Wedding ไม่เครียด ไม่ทะเลาะ ห้ามร้องไห้ ห้ามเลิกกัน แค่นี้คือจบเลย”
สถานที่จัดงานที่เต็มไปด้วยเรื่องราวน่าประทับใจ
ทั้งคู่ได้เล่าเสริมถึงเรื่องราวเบื้องหลังในการจัดหาสถานที่ ก่อนจะมาลงตัวที่โรงแรมเสล จังหวัดเชียงใหม่
คุณจือ : “เราตัดสินใจเปลี่ยนสถานที่จัดงานก่อนจัดงาน 2 อาทิตย์ การ์ดแจกไปแล้ว คุณพ่อเลยไปเซอร์เวย์ตามการ์ดเชิญ แล้วรู้สึกว่าการเดินทางค่อนข้างลำบากไปหน่อย เราเลยตัดสินใจบินไปเชียงใหม่แบบไปเช้าเย็นกลับเพื่อดูสถานที่จริง โรงแรมอีกที่ที่เพื่อนแนะนำ และพอไปดูก็คิดว่าใช่แล้ว สวยดี แต่จุดเปลี่ยนอีกรอบ คือในช่วงเย็นเราได้ไปทานอาหารที่ร้านรสิก แล้วมีโอกาสได้พูดคุยกับเชฟ พอเขารู้ว่าเรามาดูสถานที่จัดงานแต่ง เลยแนะนำให้ลองไปดูที่โรงแรมเสล กินข้าวเสร็จเราก็เดินทางไปกันเลย ถึงโรงแรมช่วงประมาณสองทุ่ม ตอนนั้นฟ้ามืดหมดแล้ว แต่จือจินตนาการภาพการจัดงานในตอนกลางวันได้อย่างชัดเจน”
คุณเต้ย : “ที่นี่สวยมากจริงๆ เราตัดสินใจได้ทันทีก่อนบินกลับกรุงเทพฯ และโชคดีมากที่โรงแรมยังว่างในวันจัดงาน ทุกอย่างลงล็อก จือบอกว่าเราคงทำบุญมาดีแน่ๆ ซึ่งผมเห็นด้วย เพราะเรามีกัลยาณมิตรที่ช่วยแนะนำสิ่งที่ดีให้ตลอด”
สะท้อนตัวตนบ่าวสาวผ่านรายละเอียดชุดวิวาห์สุดประณีต
ขึ้นชื่อว่าเป็น Cool Couple ที่หลงใหลในศิลปะและแฟชั่น คุณเต้ยและคุณจือได้สะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะตัวผ่านชุดแต่งงานที่โดดเด่นด้วยดีไซน์และ Craftsmanship
คุณเต้ย : “งานนี้ใช้สูทชุดเดียวจาก Sartoria Raffaniello ซึ่งผมเคยตัดสูทกับ Noriyuki Higashi มาหลายครั้ง พอจะแต่งงานก็อยากให้เขาตัดให้อีก ครั้งนี้รอสูทประมาณ 4 เดือน เรียกว่าเฉียดวันงานมากๆ เป็นสูท Double Breasted ผ้าลินิน W.Bill สีออฟไวต์ เนกไทจาก Tie Your Tie รองเท้าเป็นของ John Lobb ส่วนแหวนแต่งงาน จือซื้อให้ผมตอนไปเที่ยวนอร์เวย์ด้วยกัน เป็นของแบรนด์ Tomwood”
คุณจือ : “จือใช้ชุดแต่งงาน 2 ชุด ลุคแรกเป็นผลงานของดีไซเนอร์ไทย แบรนด์ MONIQUE Wedding แขกในงานตะลึงกับความอลังการของลุคนี้มาก จุดเด่นคือลายปักที่ออกแบบสำหรับจือโดยเฉพาะและชายกระโปรงที่ยาวสวยมาก อีกลุคหนึ่งก็ชอบไม่แพ้กัน ได้ดีไซเนอร์รัสเซีย Ekaterina Borisova ออกแบบและตัดเย็บให้ โจทย์ของชุดนี้คือเผยช่วงไหล่ เน้นความเฟมินีน มาพร้อมกับฟังก์ชั่นน่ารักๆ สามารถใส่เป็นเดรสยาวได้ พอถอดส่วนชายกระโปรงออกก็กลายเป็นเดรสสั้น จือเลือกแมตช์กับชุดเครื่องประดับไข่มุกและบลูแซฟไฟร์จาก Matara Bridal และรองเท้า Jimmy Choo สำหรับแหวนแต่งงานจือได้รับความเมตตาจากครอบครัวพี่เต้ย เป็นแหวนวินเทจที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยคุณย่า ส่งต่อให้คุณพ่อสวมให้คุณแม่ จนมาถึงวันสำคัญของจือกับพี่เต้ย แหวนวงนี้มีคุณค่าทางจิตใจกับพวกเรามาก”
แหวนแต่งงานจือได้รับความเมตตาจากครอบครัวพี่เต้ย เป็นแหวนวินเทจที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยคุณย่า
คุณจือ
งานแต่งงานขนาดเล็กที่เปี่ยมล้นด้วยความสุข
วันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทั้งสองได้จัดงานแต่งงานเล็กๆ ทว่ายิ่งใหญ่ในความรู้สึก และเต็มเปี่ยมด้วยพลังงานแห่งความสุข
คุณจือ : “ช่วงดึกของคืนก่อนวันงาน จือเช็กความเรียบร้อยทุกอย่างจนสบายใจ ก่อนจะเข้าห้องไปพักผ่อน แล้วตื่นมาประมาณตีห้าเพื่อแต่งหน้าแต่งตัว ซึ่งเราสองคนจองห้อง President Suite ไว้ ทำให้มีพื้นที่เพื่อเตรียมตัวของแต่ละคน ด้วยความที่เราอยากจะเซอร์ไพรส์กัน เพื่อจะเห็นลุคเจ้าบ่าวเจ้าสาวเป็นครั้งแรกในวันนั้น ระหว่างทางจือกับพี่เต้ยจะไม่อัพเดตชุดให้กันดูเลย ต่างคนต่างเก็บเป็นความลับ ซึ่งก็เซอร์ไพรส์จริงๆ
“สำหรับพิธีการของเราเริ่มด้วยการเชิญแขกไปถ่ายรูปร่วมกันที่สนามหญ้าหน้าตึกสไตล์โคโลเนียล ภาพออกมาสวยและดูอบอุ่นมาก และมั่นใจได้เลยว่าทุกคนจะมีรูปที่ดี เพราะช่างภาพในงานมีมากถึง 5 คน ทั้งช่างภาพหลักของพี่เต้ย และช่างภาพของจือที่เน้นมุมแคนดิด ขอจัดเต็มไปเลย เพราะเราแต่งงานครั้งเดียว”
คุณเต้ย : “หลังจากถ่ายภาพร่วมกัน จะเป็นพิธียกน้ำชา เป็นช่วงที่ผู้ใหญ่จะมอบของมีค่าให้กับบ่าวสาว คุณพ่อจือมอบเงินก้นถุงให้เราเพื่อความเป็นศิริมงคล จากนั้นก็แลกกันสวมแหวน และเชิญแขกไปรับประทานอาหารร่วมกันที่ Window Restuarant เราจัดโต๊ะเรียงเป็นรูปตัวยู โดยมีโต๊ะของเราอยู่ตรงกลาง เรียกว่าเห็นหน้าเห็นตากันทุกคน ในงานเราเสิร์ฟอาหารไทยเพราะมีแขกผู้ใหญ่เยอะ ทุกอย่างรันไปได้ดีตลอดงาน ต้องขอบคุณทีมออร์แกไนเซอร์ Keep In Touch ด้วย มืออาชีพมากๆ รวมถึงเพื่อนของจือที่มาช่วยเรื่อง Wine Pairing ทำให้การจัดเลี้ยงสมบูรณ์แบบมากขึ้น”
แขกทุกคนที่มาร่วมเป็นสักขีพยานเป็นคนที่สำคัญกับพวกเราจริงๆ ตั้งใจอยากให้มองกลับมาแล้วเห็นแต่ความสุข ความใกล้ชิด ความอบอุ่น
คุณจือ
วันสำคัญที่ ‘คนที่เรารัก’ และ ‘คนที่รักเรา’ มารวมตัวกัน
เจ้าบ่าวเจ้าสาวหมาดๆ ได้เผยถึงโมเมนต์สุดประทับใจในวันสำคัญที่ได้อยู่ท่ามกลางคนที่พวกเขารักและคนที่รักพวกเขา
คุณเต้ย : “โมเมนต์ประทับใจสำหรับผม คงเป็นการได้เห็นคนที่เรารักและคนที่รักเราได้มานั่งกินข้าวด้วยกัน รู้สึกเหมือนอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง ทุกคนเป็นกันเองมาก บางคนไม่เคยเจอกันมาก่อน แต่ดูเข้ากันได้ดี ต้องยกความดีให้จือสำหรับการจัดที่นั่ง ให้แขกต่างชาตินั่งโต๊ะเดียวกับคนที่พูดภาษาอังกฤษเก่งๆ หรือคนที่พูดเก่งเหมือนกันได้ร่วมโต๊ะคุยกันอย่างสนุกสนาน ญาติผมกับญาติจือที่ไม่เคยเจอกันมาก่อนก็ได้มีโอกาสทำความรู้จักกันในงานนี้ด้วย”
คุณจือ : “จือตั้งใจจัด Seating มากๆ พยายามดูว่าใครมีคาแร็กเตอร์ใกล้ๆ กัน ก็จัดให้มานั่งด้วยกัน อยากให้แขกที่มาร่วมงานมีความสุข ได้เก็บเกี่ยวความรู้สึกดีๆ กลับไปด้วย ไม่อยากให้เกิดความรู้สึกว่าอุตส่าห์แต่งหน้าทำผม 3-4 ชั่วโมงมาร่วมงาน แต่กลายเป็น Nobody แต่ละคนจะมีป้ายชื่อประจำที่นั่ง ทุกคนสำคัญสำหรับพวกเราจริงๆ”
โมเมนต์ประทับใจสำหรับผม คงเป็นการได้เห็นคนที่เรารักและคนที่รักเราได้มานั่งทานข้าวด้วยกัน รู้สึกเหมือนอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง ทุกคนเป็นกันเองมาก
คุณเต้ย
ความรักสร้างความเปลี่ยนแปลง
อีกหนึ่งไฮไลต์ของงานแต่งงานครั้งนี้ คือพรีเซนเทชั่นที่ถ่ายทอดเรื่องราวความรักอันน่าประทับใจของ ‘คู่รัก’ ที่ได้แปรเปลี่ยนเป็น ‘คู่ชีวิต’ ให้กันและกัน
คุณจือ : “ช่วงเวลาก่อนกินข้าว เราเปิดพรีเซนเทชั่นที่บอกเล่าเส้นทางความรัก รวมถึงอุปสรรคที่เราสองคนผ่านมาด้วยกัน ตอนนั้นน้ำตาเริ่มปริ่มๆ แล้ว แต่พอได้ฟังสปีชจากเพื่อนเจ้าสาว น้ำตาไหลออกมาเลย เขาบอกว่าวันนี้เกิดขึ้นได้ด้วยความกล้าหาญของจือ กล้าที่จะเปิดใจให้พี่เต้ย กล้าที่จะปรับตัว ต้องเล่าว่ามีบางครั้งที่ทะเลาะกัน แต่นั่นคือช่วงเวลาที่ผ่านไปแล้ว ตอนนี้อารมณ์เย็นลงเยอะ มีอะไรก็ค่อยๆ พูดคุยกัน เรียนรู้กันไป เพราะเราอยู่ใต้ชายคาเดียวกันแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ต้องช่วยกันแก้ปัญหา คงไม่หนีกันไปไหนอีกแล้ว”
คุณเต้ย : “ที่ผ่านมาจือก็สอนผมหลายอย่าง อย่างเช่นเรื่องการเป็นทีมเดียวกัน เมื่อก่อนไม่เคยมีคอนเซปต์นี้ในชีวิตเลย เรามองเรื่องความถูกต้องเป็นหลักเสมอ เขาบอกว่าการเป็นแฟนกันต้องเป็นทีมเดียวกัน ซัพพอร์ตกัน จะเกิดอะไรขึ้นก็ลองเข้าข้างกันไว้ก่อน แล้วค่อยมาแก้ไขปัญหาทีหลัง พอจือพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ก็รู้สึกว่าจริง บางครั้งเราอาจทำสิ่งไม่ถูกต้อง แต่ก็ต้องการคนที่เข้าใจเราก่อน นี่เป็นอีกจุดเปลี่ยนสำคัญ ทำให้ผมไม่ด่วนตัดสินอะไรไปก่อน และพร้อมจะให้อภัยจือเสมอ”
ทริปฮันนีมูน ปารีส-นิวคาสเซิล-เอดินบะระ-ลอนดอน
คุณเต้ยและคุณจือได้เผยปิดท้ายถึงทริปฮันนีมูนที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนกันยายน เชื่อว่าการเดินทางครั้งนี้จะเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่มีคุณค่าและประทับอยู่ในใจของคู่ตลอดไป
คุณเต้ย : “เราจะไปฮันนีมูนกัน 2 อาทิตย์ เริ่มจากปารีสเป็นเมืองแรก แล้วต่อด้วยนิวคาสเซิล ผมอยากพาจือไปดูเมืองแห่งทีมฟุตบอล Newcastle United ที่ผมเชียร์มานานกว่า 30 ปี ที่สำคัญเมืองนี้อาจจะกลายเป็นสถานที่ที่เราจะใช้ชีวิตในช่วงเกษียณด้วย การได้มาสัมผัสประสบการณ์ตรงน่าจะทำให้เราเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น แต่ที่แน่ๆ นิวคาสเซิลเป็นเมืองน่ารัก และเป็นเมืองมหาวิทยาลัยด้วย ในอนาคตลูกก็สามารถมาเรียนต่อที่นี่ได้”
คุณจือ : “รู้สึกดีมากที่จะได้ไปนิวคาสเซิล จืออยากไปเห็นเมืองในฝันของพี่เต้ย จากนั้นจะเดินทางต่อไปที่เอดินบะระ และจบทริปที่ลอนดอนก่อนบินกลับไทยมาลุยงานกันต่อ ซึ่งเรายังมี Business Plan ที่คิดไว้อีกเยอะมาก หวังว่าโปรเจกต์ใหม่ๆ จะประสบความสำเร็จเหมือนที่ทำได้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา”