ผลงาน 2 ปี รัฐบาลเพื่อไทย ปิดดีลภาษีทรัมป์ ดึงลงทุน แก้หนี้-แก้จน
รัฐบาลเพื่อไทยเข้าสู่อำนาจ จะครบ 2 ปี เผชิญวิกฤตทั้งการเมืองในประเทศ และการเมืองระหว่างประเทศ
ตั้งแต่การเผชิญหน้ากับประเทศเพื่อนบ้าน คือ กัมพูชา ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ เมื่อ “โดนัลด์ ทรัมป์” ขึ้นมารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ นำมาสู่การประกาศการขึ้นภาษีนำเข้ากว่า 180 ประเทศทั่วโลก เป็นโจทย์ใหญ่ที่สุดของรัฐบาลเพื่อไทย ในรอบ 2 ปี
ปิดดีลเจรจาภาษีทรัมป์
ย้อนไปเมื่อ 3 เมษายน 2568 โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประกาศเก็บภาษีนำเข้าพื้นฐาน 10% และเพิ่มภาษีนำเข้าเป็นการตอบโต้ประเทศต่าง ๆ อีก 180 ประเทศ ซึ่งไทยถูกจัดเก็บที่ 36% รัฐบาลจึงต้องตั้งทีมเจรจา ภายใต้ชื่อว่า คณะกรรมการติดตามมาตรการภาษีสหรัฐอเมริกา นำโดย “พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกฯ และ รมว.คลัง ทำงานคู่กับ “ทีมที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก” ที่มี พันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นหัวหอก ในการวางแผนต่อรองขอลดภาษีกับสหรัฐ
ต้นเดือนกรกฎาคม 2568 “พิชัย” บินตรงไปยังกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา เพื่อเจรจากับคณะผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐ อย่างไรก็ตาม แม้อยู่ในช่วงการเมืองในประเทศกำลังผันผวน “แพทองธาร ชินวัตร” ถูกศาลรัฐธรรมนูญ สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่กรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน และเกิดการปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา
แต่ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ทำหน้าที่รักษาราชการแทนนายกฯ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย แต่มี “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย ทำหน้าที่รักษาราชการแทนนายกฯ โดยวันที่ 26 กรกฎาคม ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ต่อสายหา “ภูมิธรรม” และ“ฮุน มาเนต” นายกฯกัมพูชา และขอให้ทั้งสองฝ่ายหยุดยิง ไม่เช่นนั้นจะไม่มีการเจรจาภาษี
ซึ่งสุดท้ายทั้งสองฝ่ายได้เจรจาหยุดยิงที่มาเลเซีย และ “ทรัมป์” ได้โทร.หา “ภูมิธรรม” และ “ฮุน มาเนต” อีกครั้ง ในวันที่ 27 กรกฎาคม ก่อนประกาศปิดดีลเจรจา-ต่อรองภาษี ในที่สุดรัฐบาลไทยได้ลดภาษีนำเข้า 19% เท่ากับกัมพูชา คู่กรณี และมาเลเซีย ประเทศเจ้าภาพในการเจรจา ในฐานะประธานอาเซียน โดยมี “พิชัย” ในฐานะรองนายกฯและ รมว.คลัง เป็นกลไกสำคัญในการเจรจา
แจกเงินหมื่น 2 ลอต
อย่างไรก็ตาม ในแง่ผลงาน 1 ปี นับตั้งแต่แถลงนโยบายต่อรัฐสภา 11 กันยายน 2567-เดือนสิงหาคม 2568 มีนโยบายสำคัญ ๆ ของรัฐบาลแพทองธาร เดินหน้าแผนเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ มีการดำเนินโครงการที่สำคัญ อาทิ โครงการดิจิทัลวอลเลต (Digital Wallet) ให้กลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และกลุ่มผู้มีบัตรประจำตัวคนพิการ จำนวน 14,450,168 คน คิดเป็นเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจจำนวน 144,501,680,000 บาท และกลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 2,990,382 คน คิดเป็นเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจ จำนวน 29,903,820,000 บาท
คุณสู้ เราช่วย แก้หนี้ครัวเรือน
อีกด้านมีการปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ ผ่านโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” และมาตรการพักชำระหนี้ให้กับลูกหนี้รายย่อยตามนโยบายรัฐบาล ระยะที่ 2 และ 3 โดยมีลูกหนี้ได้รับความช่วยเหลือรวม 3,628,304 ราย รวมมูลหนี้ 736,409,260,000 บาท และให้ความช่วยเหลือปัญหาหนี้นอกระบบ จำนวน 77,929 ราย รวม 2,400,980,000 บาท รวมทั้งดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) โดยทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้จำนวน 598,334 ราย ยอดหนี้ 82,146,921,793.22 บาท
อุ้ม SMEs เข้าถึงสินเชื่อ 4.2 หมื่นล้าน
ด้านการดูแลภาคธุรกิจ SMEs รัฐบาลออกมาตรการ “บสย. พร้อมค้ำ” เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น โดยมีผู้ได้รับสินเชื่อจำนวน 47,052 ราย เข้าถึงสินเชื่อรวม 42,693,949,183 บาท มาตรการ “บสย. พร้อมช่วย” ปรับโครงสร้างหนี้ให้ลูกหนี้กว่า 5,000 ราย กลับมาเป็น ลูกหนี้ปกติ โครงการ “เสือติดปีก” และ “คงกระพัน” ที่ส่งเสริมศักยภาพและสภาพคล่องแก่ SMEs รวม 1,412,040,000 บาท
รถไฟฟ้า 20 บาท-บ้านเพื่อคนไทย
ส่วนมาตรการแก้ปัญหาค่าครองชีพของประชาชน รัฐบาลเดินหน้าโครงการรถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย ครบทุกสาย ในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 นอกจากนี้ รัฐบาลยังเดินหน้าโครงการ โครงการบ้านเพื่อคนไทย (Public Housing) การสร้างที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพ โดยให้สิทธิอยู่อาศัย 99 ปี รวมถึงส่งเสริมและผลักดันการพัฒนาคนไทยทุกช่วงวัย รัฐบาลได้เดินหน้าโครงการสำคัญ อาทิ โครงการทุนการศึกษาเพื่อขยายโอกาสและพัฒนาประเทศ (ODOS) โครงการยกระดับระบบสาธารณสุข “30 บาท รักษาทุกที่” เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพได้อย่างเท่าเทียม
ดึงเงินใต้ดินขึ้นบนดิน
การนำเศรษฐกิจนอกระบบภาษีและเศรษฐกิจใต้ดินเข้าสู่ระบบภาษี อาทิ การแก้ไขปัญหาหวยใต้ดิน โดยจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลขสามหลัก (หวย N3) ในระบบทดสอบ Sandbox เป็นเวลา 6 เดือน ให้กับประชาชนทั่วไป ทำให้มีรายได้เข้ารัฐรวม 215,034,840 บาท การจัดทำร่างกฎกระทรวงการผลิตสุรา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. เพื่อส่งเสริมการผลิตสุราพื้นถิ่นให้สะดวกยิ่งขึ้น จากข้อกำหนดตามกฎกระทรวงการผลิตสุรา พ.ศ. 2565
เดินหน้านโยบายหวยเกษียณ ผ่าน พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. … เงินซื้อสลากทุกบาทจะถูกสะสมไว้เป็นเงินออม เมื่ออายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ และสามารถถอนบางส่วนออกมาได้ก่อนอายุ 60 ปี
ดึงนักท่องเที่ยวตลาดระยะไกล
ด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวและแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้าง มีการดำเนินการที่สำคัญ อาทิ นโยบายวีซ่าฟรี (VISA Free) โดยเพิ่มประกาศยกเว้นการตรวจลงตรา (Visa Exemption) จากเดิม 53 ประเทศ เป็น 93 ประเทศ ส่งผลให้ในปี 2567 มีการขยายตัวของนักท่องเที่ยวจากตลาดระยะใกล้ เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวยังประเทศไทยมากขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากอินเดีย จำนวน 2,129,149 คน และไต้หวัน จำนวน 1,089,910 คน และคาดว่า ในปี 2568 นักท่องเที่ยวจากอินเดียจะขยายตัวถึง 2,325,213 คน
นอกจากนี้ ได้เพิ่มการตรวจลงตราประเภทใหม่ เรียกว่า Destination Thailand Visa (DTV) สำหรับชาวต่างชาติกลุ่ม Digital Nomads ที่จะอยู่ในไทยเพื่อทำงานและท่องเที่ยวไปพร้อมกัน (Workcation) ซึ่งการเพิ่มของมาตรการดังกล่าวจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวจากตลาดอเมริกา เยอรมัน สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์
ปราบยาเสพติด-อาชญากรรมไซเบอร์
ด้านการแก้ปัญหายาเสพติดรัฐบาล ต้องการปราบปรามอย่างเด็ดขาดและครบวงจร มีการดำเนินการที่สำคัญ อาทิ สำคัญนักงาน ป.ป.ส. ได้ประสานความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อลดศักยภาพการผลิตยาเสพติดในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ เพื่อควบคุมยาเสพติดใน 6 ประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมกับกำชับกลไกปกครอง ทั้งตำรวจ และมหาดไทย เดินหน้าปราบปรามอย่างจริงจัง
อีกหนึ่งที่รัฐบาลแพทองธารเร่งแก้ปัญหา คือ ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ มิจฉาชีพและอาชญากรรมข้ามชาติ มีการดำเนินการที่สำคัญ ตัดไฟ ตัดอินเทอร์เน็ต ตัดการขนส่งน้ำมันและเชื้อเพลิง โดยงดจ่ายกระแสไฟฟ้าไปยังพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ซึ่งเป็นที่ตั้งของฐานทำงานของผู้ก่ออาชญากรรมออนไลน์
1 ปี นายกฯเซลส์แมน
ขณะที่ในยุครัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” ได้รับเสียงโหวตเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ด้วยเสียง 482 ต่อ 165 เสียง มีผลงานเชิงรุกด้านการต่างประเทศ ฟื้นความเชื่อมั่น เร่งกระชับความสัมพันธ์ เจรจา FTA และเพิ่มการค้าขาย ชักชวนการลงทุน มีการเยือนสหรัฐอเมริกา ในการประชุม UNGA ไปเยือนจีนร่วมประชุม Belt and Road Forum for International Cooperation พบทั้งประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย
เยือนซาอุดีอาระเบีย ประชุมอาเซียน-รัฐอ่าวอาหรับ เยือนญี่ปุ่น ประชุมอาเซียน-ญี่ปุ่น ข้ามทวีปไปประชุม World Economic Forum ที่สวิตเซอร์แลนด์ เยือนฝรั่งเศส เยอรมนี ออสเตรเลีย และอีกหลายประเทศ
ในช่วงนั้นมูลค่าการขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ปี 2566 สูงถึง 8.5 แสนล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 72% เฉพาะไตรมาส 4 ของปี 2566 ปรับเพิ่มขึ้น 145% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ของปี 2565 ขณะที่สถานการณ์การส่งออกไทยไปสู่ประเทศคู่ FTA ตั้งแต่เดือนมกราคม-เมษายน 2567 มีมูลค่า 55,261 ล้านบาท ขยายตัว 0.4% จากช่วงเดียวกันของปี 2566
ปั้น Data Center
เน้นอุตสาหกรรมที่เป็นยุทธศาสตร์เพื่ออนาคต ทั้งผลิตรถ EV, Data Center, Semiconductor ผลิตอาหารจากผลิตภัณฑ์เกษตร จากทุกภูมิภาค ทั้งฝรั่งเศส ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน ซาอุดีอาระเบีย สวิตเซอร์แลนด์ โดยบริษัทที่ไปหารือ อาทิ AWS-Amazon Web Service, Supernap, NextDC Ctral Data Center, Telehouse, Microsoft, Google ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเปิดดีลเจรจาในยุครัฐบาลเศรษฐา
อีกทั้งมีนโยบายขับเคลื่อนการท่องเที่ยว ผ่านมาตรการต่าง ๆ อาทิ ยกเว้นวีซ่า 60 วัน 93 ประเทศ พาสปอร์ตไทยขยับขึ้น 5 อันดับ ยอดสะสมจำนวนนักท่องเที่ยวไทยเที่ยวไทย เพิ่มขึ้น 10% หรือ 84 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 4.01 แสนล้านบาท
คิกออฟแก้หนี้ประชาชน
ขณะที่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจในประเทศ มีการคิกออฟแก้หนี้ประชาชน โดยตั้ง “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” อดีตรองนายกฯและ รมว.คลัง ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาเป็นประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย
โดยมีการแก้หนี้ทั้งในและนอกระบบ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ แบ่งเป็น หนี้ กยศ. 36 ล้านคน ผ่านมาตรการ อาทิ ลดเบี้ยปรับ 18% เป็น 0.5% ต่อปี ปรับลำดับการตัดเงินต้น ยุติการฟ้องร้องบังคับคดี ปรับโครงสร้างหนี้ หนี้ SMEs เข้าถึงสินเชื่อ-เติมสภาพคล่องผ่านสินเชื่อซอฟต์โลน 1 แสนล้านบาท ลูกหนี้รหัส 21 จำนวน 11 ล้านคน ชำระหนี้ ปิดบัญชีไม่เสียประวัติ
หนี้ข้าราชการ ซึ่งมียอดมูลหนี้ 3 ล้านล้านบาท (20% ของหนี้ครัวเรือน) โดยมีการลดดอกเบี้ยสอดคล้องความเสี่ยง หักเงินเดือนให้มีเงินคงเหลือเพียงพอต่อการครองชีพ กำหนดจำนวนงวดและจำนวนเงินให้เป็นไปตามศักยภาพของผู้กู้ ลดฐานเงินกู้ด้วยทุนเรือนหุ้นของตนเอง เพื่อบรรเทายอด เงินผ่อนชำระหนี้รายเดือนตามความจำเป็น
พร้อมกับประกาศลดรายจ่ายให้กับประชาชน เช่น นำร่อง 20 บาทตลาดสาย นำร่อง 2 สาย MRT สายสีม่วง ช่วงเตาปูน-คลองบางไผ่ รถไฟฟ้าชานเมือง สายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ผู้ใช้รถไฟฟ้าสายสีแดง และ MRT สายสีม่วง เพิ่มขึ้น 17.94% เดินหน้ารถไฟฟ้าสายสีส้ม ปิดจบการประมูลที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ปี 2563 ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) 16 กรกฎาคม 2567 รฟม.-เอกชน ลงนามร่วมลงทุน ตั้งเป้าเปิดเดินรถภายในมกราคม 2571
เป็นผลงาน 2 ปี 2 นายกฯเพื่อไทย
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ผลงาน 2 ปี รัฐบาลเพื่อไทย ปิดดีลภาษีทรัมป์ ดึงลงทุน แก้หนี้-แก้จน
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net