อดีตแอร์โฮสเตสสาวร้องสายไหมต้องรอด ถูก ‘ตลกดัง’ ขับเก๋งชนเสียหายไม่รับผิดชอบ
เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนสายไหมต้องรอด เขตสายไหม กทม. น.ส.หทัยพัชร วสุศักดิ์ศิริ อายุ 30 ปี ผู้เสียหาย เดินทางเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กรณีถูกดาราตลกชายท่านหนึ่งซึ่งเป็นคู่กรณี ขับรถยนต์เฉี่ยวชนรถยนต์ของผู้เสียหายจนได้รับบาดเจ็บ โดยไม่ลงมาให้การช่วยเหลือ แถมภรรยาของดาราตลกดังกล่าว ได้ติดต่อมาอ้างว่าจะชดใช้แต่ขอไม่ให้แจ้งความดำเนินคดี ภายหลังผู้เสียหายถูกศูนย์เคลมเรียกเก็บเงินค่าซ่อมกว่าแสนบาท และไม่สามารถติดต่อคู่กรณีได้ เหตุเกิดบริเวณสามแยกไฟแดงจ่าเฉย ถนนหทัยราษฎร์ แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กทม.
น.ส.หทัยพัชร กล่าวว่า เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 68 เวลาตีประมาณตี 4 ตนเองขับรถยนต์มาตามถนนเลียบคลองสอง กลางถนนคู้บอนมุ่งหน้าถนนหทัยราษฎร์ พอถึงจุดเกิดเหตุบริเวณแยกจ่าเฉย ขณะจอดรถอยู่ช่องทางขวาสุดเพื่อรอไฟแดง จากนั้นมีรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่น CRV มาเลนที่สอง แล้วมาเฉี่ยวชนทางด้านซ้ายจากท้ายไปถึงหน้ารถของตน จากนั้นชายคนดังกล่าวได้ลดกระจกแล้วหันมามอง ทำให้ตนเองจำหน้าได้ทันที เนื่องจากคู่กรณีเป็นตลกชื่อดัง และยังเคยไปทานข้าวร้านอาหารที่ตนเองเปิดให้บริการ ตอนแรกตนคิดว่าจะลงมาเคลียร์และเรียกประกัน แต่สุดท้ายเขาปิดกระจกแล้วขับรถออกไป รถของตนไม่สามารถขับต่อไปได้ ตนจึงลงจากรถแล้ววิ่งตามไป คู่กรณีเห็นจึงจอดรถที่หน้าตลาดหทัยมิตรและเดินลงมาจากรถ โดยใส่หมวกแก๊ปลงมาดูบริเวณรอบรถของตัวเอง จากนั้นก็รีบขึ้นรถแล้วรีบขับรถออกไป
ตนจึงโทรฯ เรียกรถสไลด์เพื่อมาย้ายรถไปที่อู่ หลังจากนั้นตนเองได้เข้าแจ้งความในทันทีที่ สน.นิมิตรใหม่ และได้นำรถเข้าไปประเมินราคาค่าซ่อมที่ศูนย์บริการ ในราคา 240,000 บาท
ต่อมาวันที่ 10 มี.ค. 68 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นิมิตรใหม่ ได้เรียกคู่กรณีเข้ามาเจรจา ซึ่งในวันนั้น ตลกชื่อดังคนขับไม่ได้เข้ามาเจรจาด้วยตัวเอง แต่เป็นภรรยาของเขาที่เข้ามาเจรจา หลังจากที่ได้คุยกัน ทางคู่กณีบอกว่าไม่อยากให้แจ้งความ ไม่อยากเป็นข่าว แต่จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่าง และยอมรับว่าผิดจริง ด้วยความที่เห็นว่าคู่กรณีเป็นตลกชื่อดัง จึงยอมไม่แจ้งความ ซึ่งตนเองได้ยื่นใบเสนอราคาจากศูนย์บริการ ที่ตนเองได้ประเมินมาให้ทางคู่กรณีดู ซึ่งเป็นราคาค่าซ่อม ในราคา 240,000 บาท แต่ทางของคู่กรณีแนะนำให้ไปซ่อมที่อู่ที่เขารู้จัก บอกว่าซ่อมไวกว่า ได้รับรถไวกว่า และราคาถูกกว่า คุณภาพดี ตนจึงยอมไปซ่อมที่อู่นั้น
ต่อมาตนเองจึงนำรถยนต์เข้าไปใช้บริการที่อู่ที่คู่กรณีรู้จัก โดยอู่ของคู่กรณีตีราคามา 170,000 บาท แต่รถของตนก็ยังไม่ได้ซ่อมเนื่องจากทางคู่กรณี ไม่ยอมจ่ายเงินให้กับอู่ซ่อมทำสี อู่ทำสีจึงไม่สามารถนำรถเข้าซ่อมได้ เช่น ทางคู่กรณีจ่ายเงินให้อู่สี 20,000 บาท ทางอู่ก็จะไปซื้ออะไหล่และทำตามวงเงินที่ได้รับ ซึ่งทางคู่กรณีได้แบ่งจ่ายเป็นงวดงวดละ 20,000 บาท จนครบ 80,000 บาท ก็หยุดจ่าย ขาดอีก 67,000 บาท ทางอู่จึงสำรองจ่ายส่วนที่เหลือไปก่อน เพื่อที่จะได้รีบเร่งซ่อมรถให้เสร็จ เพราะรถของตนเองก็จอดทิ้งไว้ที่อู่ซ่อมสีนานแล้วจนไม่มีที่จอด
ปัจจุบันซ่อมรถเสร็จแล้ว แต่ทางอู่ยังต้องเรียกรับเงินจากตนเองจำนวน 67,000 บาท ซึ่งตนเองก็ติดต่อไปยังคู่กรณี ทางคู่กรณีบอกว่าจะรีบนำเงินมาปิดให้ แต่สุดท้ายก็เลื่อนจ่ายมาโดยตลอด ทำให้ตนเองยังไม่ได้รับรถมาใช้งาน ตอนนี้ระยะเวลาผ่านมา 4 เดือนแล้ว ทำให้ตัวเองเดือดร้อนเป็นอย่างมาก จึงตัดสินใจเดินทางมาร้องที่เพจสายไหมต้องรอด
ด้าน นายเอกภพ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เปิดเผยว่า เคสดังกล่าว ไม่เกี่ยวว่าคู่กรณีจะเป็นดาราตลกดัง แต่เมื่อมีการขับรถเฉี่ยวชนผู้อื่น ก็ควรจะรับผิดชอบ วันนี้รถผู้เสียหายเสร็จแล้ว ก็เอาเงินมาจ่าย ให้ได้รถออกมาใช้ เนื่องจากเป็นเวลาเกือบหลายเดือนแล้ว ที่ผู้เสียหายเดือดร้อน หลังจากนี้จะประสาน ผกก.สน.นิมิตรใหม่ เพื่อเรียกคู่กรณีมาพบ ให้เป็นไปตามขั้นตอน เพราะเท่าที่ทราบยังไม่เคยมาพบตำรวจ ให้ภรรยามาพบแทน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับ น.ส.หทัยพัชร วสุศักดิ์ศิริ หรือ พลอย ผู้เสียหาย ก่อนหน้านี้เคยทำงานเป็นแอร์โฮสเตสอยู่สายการบินแห่งหนึ่ง แต่เนื่องจากสถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาด ก่อนตัดสินใจออกมาช่วยธุรกิจร้านอาหารของครอบครัวอย่างเต็มตัว.