ช็อกทั้งโรงเรียน! นร.เก่งที่สุดของจังหวัด ผลสอบเข้ามหาลัยสุดแย่ ครูเห็นบ้านถึงเข้าใจ
นักเรียนชายเก่งที่สุดของจังหวัด ทำทั้งโรงเรียนตกตะลึง หลังคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยต่ำเกินคาด ครูไปบ้านถึงเข้าใจทุกอย่าง
ในปี 2015 เรื่องราวของ "หลี่ จินซาน" นักเรียนชายจากมณฑลหูหนาน ประเทศจีน กลายเป็นที่พูดถึงอย่างมาก หลังสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้คะแนนต่ำเกินคาด ทั้งที่เขาเคยเป็นนักเรียนระดับหัวกะทิของทั้งจังหวัด
หลี่ จินซาน เรียนอยู่ในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในพื้นที่ห่างไกล แต่คะแนนของเขากลับโดดเด่นไม่แพ้ใคร ผลสอบทดลอง ก่อนสอบจริงของเขาสูงติดอันดับหนึ่งของทั้งจังหวัดเสมอ ไม่เคยต่ำกว่า 650 จาก 750 คะแนนเต็ม
จนถึงจุดที่เพื่อนร่วมชั้นไม่คิดจะแย่งที่หนึ่ง เพราะรู้ว่าไม่มีใครล้มเขาได้ เขากลายเป็นความหวังของทั้งโรงเรียน ที่อยากเห็นเขาเป็นนักเรียนคนแรกของพื้นที่ที่สามารถสอบติดมหาวิทยาลัยระดับท็อปของประเทศ
ด้วยเหตุนี้เอง คะแนนสอบของหลี่จินซานที่ออกมาต่ำอย่างไม่น่าเชื่อ เพียงราว 200 จาก 750 คะแนน จึงสร้างความปวดหัวให้กับคุณครูทั้งโรงเรียน
ทั้งเพื่อนร่วมชั้นและอาจารย์ต่างมั่นใจว่า ต้องมีความผิดพลาดในการตรวจข้อสอบแน่ ๆ หลายคนพยายามปลอบใจเขา พร้อมแนะนำให้ยื่นขอให้มีการตรวจสอบใหม่
แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือ หลี่ จินซาน กลับนิ่งเฉย ไม่แสดงอาการเสียใจแม้แต่น้อยกับคะแนนที่ได้ และยืนยันชัดเจนว่า “จะไม่ยื่นขอทบทวนคะแนน และจะไม่สอบใหม่” ทำให้ครอบครัวยิ่งสับสนกับการตัดสินใจของเขา
หลังจากนั้นเขาย้ายไปทำงานส่งอาหารในเมืองใหญ่ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระทางบ้าน โดยได้ค่าแรงเดือนละประมาณ 5,000 หยวน (ราว 22,500 บาท) ทำให้คนรอบข้างต่างรู้สึกเสียดาย เพราะโอกาสในการเข้ามหาวิทยาลัยของเด็กหนุ่มผู้มีพรสวรรค์ กลับปิดลงอย่างไม่มีใครเข้าใจ
เหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจสุดคาดคิด
ครูหลิว อาจารย์ประจำชั้นของ หลี่ จินซาน รู้สึกว่าท่าทีของลูกศิษย์ผิดปกติอย่างมาก
สำหรับเขา หลี่ จินซาน ไม่ใช่เด็กธรรมดา แต่เป็นนักเรียนที่ขยัน มีสมาธิ และมีเป้าหมายชัดเจนมาตลอด ครูหลิวจึงตั้งใจสืบหาความจริงเบื้องหลังเรื่องนี้ และตัดสินใจยื่นเรื่องขอความร่วมมือจากทางสำนักงานการศึกษา เพื่อเปิดดูข้อสอบของจินซานและตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในห้องสอบ
ครูหลิวพบว่า หลี่ จินซาน เขียนเพียงชื่อของตัวเองลงบนกระดาษคำตอบ ทำแค่ไม่กี่ข้อแรก แล้วปล่อยกระดาษว่างเปล่าเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะในวิชาหลักทั้ง 3 วิชา ในช่วงสองวันของการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เขาทำข้อสอบเพียงแค่วิชาวิทยาศาสตร์เท่านั้น จึงไม่แปลกใจที่คะแนนออกมาต่ำจนน่าตกใจ
ครูหลิวเริ่มรู้สึกว่าเด็กคนนี้กำลังแบกความกดดันและความในใจบางอย่าง ที่ไม่สามารถพูดกับใครได้ เขาจึงตัดสินใจเดินทางไปเยี่ยมบ้านของหลี่จินซาน เพื่อหาคำตอบด้วยตัวเอง
บ้านของ หลี่ จินซาน เป็นบ้านเก่าเล็ก ๆ ที่มีลานหน้าบ้านคับแคบ ล้อมรอบด้วยกำแพงที่แตกร้าว ข้าวของภายในเต็มไปด้วยฝุ่นและความทรุดโทรม พ่อของ หลี่ จินซาน ออกมาต้อนรับครูหลิว แต่พูดได้เพียงไม่กี่คำก็เริ่มไอไม่หยุด ใบหน้าซีดเซียว เห็นได้ชัดว่าอาการไม่ดี
เมื่อครูหลิวถาม จึงทราบว่าพ่อของจินซานเคยทำงานก่อสร้างมาหลายปี และตอนนี้ป่วยเป็นวัณโรคปอด ในบ้านยังมีน้องชายของจินซานที่กำลังเรียนหนังสืออยู่เช่นกัน
หลังจากกล่าวลาพ่อแม่ของ หลี่ จินซาน ครูหลิวถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เขารีบโทรหาลูกศิษย์เพื่อพูดคุย และในที่สุด หลี่ จินซาน ก็เปิดใจ
เขาบอกว่า ที่เขาตั้งใจทำคะแนนสอบให้ตก เพราะไม่อยากเป็นภาระของครอบครัวที่ลำบากอยู่แล้ว
“ก่อนสอบประมาณ 1 เดือน ผมรู้ตัวว่า ถ้าจะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยดี ๆ ค่าเทอมไม่ใช่เรื่องเล็ก ไหนจะค่ากินอยู่ที่ต้องใช้ไปอีกหลายปี พ่อของผมก็ป่วย ผมไม่อยากเห็นพ่อทรมานไปมากกว่านี้ ผมแค่อยากรีบมีเงินมารักษาพ่อ ถ้าผมต้องสูญเสียพ่อไป การเรียนในมหาวิทยาลัยก็ไม่มีความหมายอะไรอีกแล้ว” หลี่ จินซาน กล่าวกับครูหลิว
แม้หลายคนจะมองว่าการกระทำของเขาเป็นความใจร้อน แต่สำหรับ หลี่ จินซาน นี่คือ “ทางเลือกที่ดีที่สุดในสถานการณ์ตอนนั้น”
ครูหลิวซาบซึ้งในความกตัญญูของลูกศิษย์ผู้ยากไร้ เขาจึงขออนุญาตฝ่ายบริหารของโรงเรียน เพื่อเปิดเผยเรื่องราวของ หลี่ จินซาน แก่สาธารณะ พร้อมทั้งจัดตั้งโครงการระดมทุนภายในโรงเรียน เพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการรักษาพ่อของเขา
ขณะเดียวกัน ครูหลิวยังพยายามโน้มน้าวให้ หลี่ จินซาน กลับมาเรียนต่อ โดยอธิบายว่า ด้วยความสามารถของเขา ไม่เพียงมีสิทธิ์ได้รับทุนการศึกษา ยังสามารถขอรับเงินสนับสนุนหรือกู้ยืมเพื่อการศึกษาได้ อีกทั้งยังสามารถเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วยได้เช่นกัน
เมื่อภาระทางการเงินเริ่มเบาบางลง หลี่ จินซาน ก็ตัดสินใจกลับมาติวหนังสืออีกครั้ง และสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้คะแนนถึง 710 จาก 750 คะแนน
เขาเลือกเข้าเรียนที่ มหาวิทยาลัยอู่ฮั่น ซึ่งเป็นสถาบันชั้นนำของจีน และอยู่ใกล้บ้าน เพื่อจะได้ใช้เวลาดูแลครอบครัวควบคู่ไปด้วย ขณะเดียวกัน อาการป่วยของพ่อเขาก็ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม
ในวันที่ได้รับจดหมายตอบรับเข้าศึกษา หลี่ จินซาน ถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เขากล่าวขอบคุณครูหลิวและทุกคนที่เคยยื่นมือช่วยเหลือเขา
ตลอดช่วงเวลาที่เรียนมหาวิทยาลัย เขาไม่เพียงตั้งใจเรียนเท่านั้น แต่ยังเข้าร่วมกิจกรรมอาสา ช่วยเหลือนักศึกษาที่ยากลำบากอีกจำนวนมาก
หลี่ จินซาน ยังกลับไปเยี่ยมโรงเรียนเก่าบ่อยครั้ง เพื่อพูดคุยและให้กำลังใจรุ่นน้อง แบ่งปันประสบการณ์ชีวิต พร้อมฝากข้อความสำคัญไว้ว่า “อย่ายอมแพ้ต่อความฝัน แม้หนทางจะยากแค่ไหนก็ตาม”