ประวัติ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ กองหน้าขวัญใจ อินเตอร์ มิลาน

เผยแพร่ 15 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เปิดประวัติส่วนตัวของ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ กองหน้าทีมชาติอาร์เจนติน่า ขวัญใจแฟนบอล อินเตอร์ มิลาน ทีมยักษ์ใหญ่ในศึกกัลโช่ เซเรียอา อิตาลี มีเส้นทางชีวิตนักฟุตบอลอย่างไร ก่อนจะมายิ่งใหญ่กับทัพ

ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัย สโมสรอินเตอร์ มิลาน ยักษ์ใหญ่แห่งศึกกัลโช่ เซเรียอา อิตาลี เป็นทีมที่ไม่เคยขาดกองหน้าระดับโลกที่คอยสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาผลิตสกอร์ให้กับทีม

อย่างในช่วงปลายยุค 90 เข้าสู่ปี 2000 ถือเป็นยุครุ่งเรื่องของทัพ "งูใหญ่" สโมสรแห่งนี้เต็มไปด้วยดาวยิงระดับแถวหน้าของโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โรแบร์โต บาจโจ้, โรนัลโด้ R9, คริสเตียน ริเอรี่, อัลบาโร่ เรโคบา

หรือในช่วงที่โลกฟุตบอลผลัดใบ อินเตอร์ มิลาน ก็ไม่เคยขาดดาวยิงฝีเท้าดี ไล่มาตั้งแต่ เฮอร์นัน เครสโป, อาเดรียโน่, ซลาตัน อิบราฮิโมวิช, ดิเอโก้ มิลิโต้ หรือแม้แต่ เมาโร อิคาร์ดี้ และล่าสุดขวัญใจแฟน "งูใหญ่" อย่าง เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ที่ปักหลักกับทีมมาตั้งแต่ปี 2018

ไม่ว่าตลาดซื้อ-ขายนักเตะยุโรปจะเปิดและปิดตัวลงไปกี่รอบ ชื่อของเขามักจะถูกหยิบมาเชื่อมโยงกับบรรดาสโมสรยักษ์ใหญ่หลายต่อหลายทีม แต่บทสรุปสุดท้ายก็ไม่มีทีมใดที่สามารถกระชากดาวยิงรายนี้ไปล่าตาข่ายได้เลย

แฟนบอลยังคงเห็น เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ในสีเสื้อ อินเตอร์ มิลาน จนชินตา ซึ่งเจ้าตัวก็ยังคงรักษามาตรฐานการเล่นของตัวเองในระดับสูงเอาไว้ได้อย่างต่อเนื่อง เป็นเหมือนของรักของหวงที่ยากจะมีทีมไหนมาแตะต้อง แม้ในยุคที่โลกฟุตบอลขับเคลื่อนด้วยธุรกิจ อำนาจเงิน แต่ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนสถานะระหว่าง เลาตาโร่ กับสโมสร อินเตอร์ฯ ให้กลายเป็นอดีตได้เลย

เราขอพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับกองหน้ารายนี้กันดูว่ากว่าที่เขาจะเข้ามาเป็นขวัญใจแฟนบอลอินเตอร์ มิลาน จะมีเส้นทางชีวิตลูกหนังที่ผ่านอุปสรรค์และมีเรื่องราวอย่างไรบ้าง…

ประวัติ ลาตาโร่ มาร์ติเนซ

เลาตาโร่ ฆาบิเอร์ มาร์ติเนซ เกิดเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ค.ศ. 1997 ณ เมืองบาเอีย บลังกา ประเทศอาร์เจนตินา การเติบโตมาในครอบครัวที่มีคุณพ่อเป็นอดีตนักฟุตบอล แน่นอนว่าย่อมถูกปลูกฝังและถ่ายทอดศาสตร์ลูกหนังให้ตั้งแต่ยังเล็ก ทำให้เขาเริ่มมีใจหลงรักในกีฬาฟุตบอล

ในวัยเยาว์เขาได้โอกาสฝึกฟุตบอลกับทีมท้องถิ่นที่ชื่อลิเนียร์ส และด้วยพรสวรรค์บวกกับการฝึกฝนกับคุณพ่อ ส่งให้เขาเป็นเด็กที่ฝีเท้าเกินตัวและทำผลงานได้อย่างโดดเด่น จนไปเข้าตาโค้ชของทีมเรซซิ่ง คลับ คว้าตัวไปร่วมทีมในปี 2014

ในช่วงย้ายมาแรกๆ เลาตาโร่ มีปัญหาเรื่องการปรับตัว เขามีอาการโฮมซิก รู้สึกคิดถึงบ้าน เพราะต้นสังกัดใหม่อยู่ห่างไกลจากบ้านเกิดหลายร้อยกิโลเมตร ก่อนจะได้รับกำลังใจจากคนรอบข้าง โดยเฉพาะเพื่อนร่วมทีมที่คอยซัพพอร์ตทั้งในและนอกสนาม ทำให้เขาเริ่มปรับตัวได้ดีขึ้นและสนุกกับชีวิตที่นี่

ลาตาโร่ มาร์ติเนซ ได้รับความสนใจจาก เรอัล มาดริด

เมื่อไม่ต้องกังวลเรื่องนอกสนาม เด็กหนุ่มผู้นี้ก็สามารถพัฒนาฝีเท้าของตัวเองได้ต่อเนื่อง เขาโชว์ฟอร์มยิงกระจาย 53 ประตู จากการลงสนาม 64 นัด ในการลงเล่นกับทีมเยาวชน จนผลงานของเขาไปเตะตาแมวมอง เรอัล มาดริด ทีมยักษ์ใหญ่แห่งศึกลาลีกา สเปน เดินหน้าไล่ล่าตัวไปร่วมทีม

แต่สุดท้ายเจ้าตัวเลือกที่จะปักหลักอยู่ในประเทศบ้านเกิดต่อไป เพราะลำพังแค่ห่างจากอกพ่อ-แม่ด้วยระยะเวลาเดินทางด้วยรถยนต์ 8 ชั่วโมง ก็เพิ่งจะทำใจยอมรับได้ไม่นาน หากตัดสินใจย้ายข้ามทวีปก่อนวัยอันควร มีหวังคงได้เล่นฟุตบอลด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา ซึ่งเรื่องนี้คุณพ่อของเขาได้เปิดเผยภายหลังถึงสาเหตุการตัดสินใจตอนนั้นเพราะความไม่พร้อมของลูกชายนั่นเอง

และก็เหมือนเป็นการตัดสินใจที่ถูก เพราะหลังจากที่ได้โอกาสก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของสโมสรเรซซิ่ง คลับ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ก็ระเบิดฟอร์มเก่งและสร้างชื่อในวงกว้างมากขึ้น ชื่อของเขาเริ่มเป็นที่จับตามองของบรรดาทีมชั้นนำในยุโรป ที่ต่างอยากได้ลายเซ็น

ลาตาโร่ มาร์ติเนซ เกือบได้ย้ายไป แอตเลติโก้ มาดริด

เดือนธันวาคม ปี 2017 เขาเกือบที่จะได้ย้ายไปเล่นในลาลีกา สเปน กับ แอตเลติโก้ มาดริด ที่เดินหน้าไปถึงขั้นตอนการตรวจร่างกายกันแล้ว แต่สุดท้ายดีลต้องล่มลง เนื่องจากสโมสรเรซซิ่ง คลับ ให้เหตุผลว่าไม่รู้เห็นเรื่องการเจรจาครั้งนี้และเป็นการตกลงกันเองของบุคคลบางกลุ่มเท่านั้น ก่อนจะจับนักเตะต่อสัญญาพร้อมใส่รายละเอียดที่มีค่าฉีกสัญญาเพิ่มเข้าไป

ลาตาโร่ มาร์ติเนซ ย้ายร่วมทีม อินเตอร์ มิลาน

เข้าสู่ช่วงซัมเมอร์ปี 2018 เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับ อินเตอร์ มิลาน ทีมในศึกกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ก่อนที่ดีลจะลุล่วงในวันที่ 4 กรกฎาคม เมื่อ เรซซิ่ง คลับ ตัดสินใจปล่อยตัวในราคา 22.7 ล้านยูโร ในวันที่เขาพร้อมกับการย้ายข้ามทวีปครั้งแรกในชีวิต โดยเซ็นสัญญากับต้นสังกัดใหม่นานถึง 5 ปีเต็ม

มาร์ติเนซ เบิกประตูแรกอย่างไม่เป็นทางการในเกมปรีซีซั่นที่เอาชนะ ลูกาโน่ ทีมจากสวิตฯ 3-0 ก่อนจะได้โอกาสประเดิมสนามในกัลโช่ เซเรีย อา ครั้งแรก เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2018 แต่ก็ยังทำอะไรได้ไม่มาก สุดท้ายเขาเริ่มต้นกับต้นสังกัดใหม่ด้วยความพ่ายแพ้ต่อ ซาสซูโอโล่ 0-1

หลังจากเริ่มปรับตัวได้ เขาก็สามารถเบิกสกอร์แรกบนแผ่นดินอิตาลี ในเกมที่เปิดบ้านเอาชนะ กายารี่ 2-0 เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2018 ยิ่งส่งให้เขาเริ่มมั่นใจมากขึ้น ก่อนจะได้รับโอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่อง

ช่วงครึ่งซีซั่นต่อมา อินเตอร์ มิลาน ที่กำลังมีปัญหากับ เมาโร อิคาร์ดี้ กองหน้าตัวเก่ง ทำให้โอกาสแรกเป็นของ มาร์ติเนซ ซึ่งเขาก็ไม่ปล่อยโอกาสทองให้หลุดลอยไป ก่อนจะค่อยๆเค้นศักยภาพของตัวเองออกมาเรื่อยๆ จบฤดูกาลแรกเขายิงไป 6 ประตู จากการลงสนาม 27 นัด

ฟอร์มของ มาร์ติเนซ ในฤดูกาลที่ 2 กับอินเตอร์ มิลาน ยกระดับขึ้นแบบก้าวกระโดด เมื่อได้โอกาสผนึกกำลังกับ โรเมลู ลูกากู การเล่นของทั้งคู่ส่งเสริมกันโดยตรง ฤดูกาลนั้นเขากดไป 14 ประตู กับอีก 5 แอสซิสต์ จากการลงเล่นไป 35 นัด แถมพาต้นสังกัดเข้าชิงชนะเลิศศึกยูโรปา ลีก ก่อนจะจบด้วยรองแชมป์ เช่นเดียวกับในศึกกัลโช่ เซเรีย อา ที่เข้าป้ายในฐานะพระรองเช่นกัน

ลาตาโร่ มาร์ติเนซ คว้าแชมป์ครั้งแรกกับ อินเตอร์ มิลาน

เข้าสู่ซีซั่นที่ 3 บนแผ่นดินอิตาลี ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาบวกกับอายุและร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้น มาร์ติเนซ แจ้งเกิดเต็มตัวกับ อินเตอร์ มิลาน เขาลงสนามครบทุกนัดตลอดทั้งซีซั่นและเดินหน้ายิงกระจายด้วยการซัดไป 17 ประตู กับอีก 10 แอสซิสต์ พาต้นสังกัดผงาดคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ และนับเป็นการคว้าแชมป์ครั้งแรกในฐานะนักฟุตบอลอาชีพของตัวเองอีกด้วย

เส้นทางชีวิตนักเตะในสีเสื้อ "งูใหญ่" เหมือนกำลังไปได้สวย แต่แล้วต้นสังกัดก็ต้องมาเจอกับการเปลี่ยนแปลงสำคัญ เมื่อแนวทางของบอร์ดบริหารขัดกับแนวทางการทำทีมของ อันโตนิโอ คอนเต้ เป็นเหตุให้กุนซือใหญ่ของพวกเขาต้องแยกทางกับทีม ก่อนจะได้ตัว ซิโมเน่ อินซากี้ เข้ามาเป็นกุนซือคนใหม่ เท่านั้นยังไม่พอทีมยังตัดสินใจปล่อยตัว โรเมลู ลูกากู กองหน้าคู่หูของเขาที่ไล่ล่าความสำเร็จมาด้วยกัน

ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป แม้ไม่มีโค้ชและคู่หูคนเดิมอยู่เคียงข้าง แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกับฟอร์มของเขาเลย มาร์ติเนซ แบกทีมด้วยการซัดไป 21 ประตู กับอีก 3 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 35 นัด แม้จะไม่สามารถพาทีมป้องกันตำแหน่งแชมป์ลีกเอาไว้ได้ แต่ก็ยังสร้างความสุขให้แฟนๆกับการคว้าแชมป์บอลถ้วยในประเทศอย่างศึกโคปปา อิตาเลีย มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่

ผลงานของ มาร์ติเนซ เริ่มตกเป็นที่หมายตาของบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรป ชื่อของเขาถูกหยิบยกขึ้นมาแทบจะทุกช่วงของตลาดซื้อ-ขาย แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีทีมไหนที่กระชากตัวดาวยิงรายนี้ไปร่วมทีมได้เลย ในขณะเดียวกันไม่ว่าใครจะย้ายออกไป หรือใครจะย้ายจะมาสู่ทีมคนแล้วคนเล่า มาร์ติเนซ ก็ไม่เคยปริปากหรือออกอาการอยากย้าย กลับกันเขายังคงก้มหน้าก้มตายิงประตูให้ทีมอยู่เรื่อยๆโดยไม่สนใจเรื่องนอกสนาม

ฤดูกาล 2022/23 ฟอร์มของ มาร์ติเนซ ยังคงเส้นคงวา เขาซัดไป 21 ประตู กับอีก 7 แอสซิสต์ จากการลงเล่นไป 38 นัด แม้จะพาทีมจบแค่อันดับ3 ในกัลโช่ เซเรีย อา แต่กลับติดลมบนในศึกฟุตบอลถ้วยใหญ่ของยุโรป เมื่อสามารถพา อินเตอร์ มิลาน เข้าชิงชนะเลิศศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ก่อนจะอกหักพ่ายให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในนัดชิงชนะเลิศ แต่ก็ยังปลอบใจให้แฟนๆด้วยการป้องกันแชมป์ โคปปา อิตาเลีย เอาไว้ได้

ลาตาโร่ มาร์ติเนซ กับผลงานที่ร้อนแรงที่สุดในฤดูกาล 2023/24

เข้าสู่ฤดูกาล 2023/24 มาร์ติเนซ ขึ้นสู่จุดพีคของอาชีพ เขาพาทีมกลับมาทวงบัลลังก์ด้วยการคว้าถ้วยแชมป์สคูเด็ตโต้เป็นสมัยที่ 2 ของตัวเอง พ่วงด้วยตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดของกัลโช่ เซเรีย อา ด้วยผลงาน 26 ประตู กับอีก 6 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 33 นัด

ผลงานที่สุดยอดของเขา ยิ่งทำให้บรรดาสโมสรอื่นๆจ้องตาเป็นมัน แต่สุดท้ายเขาเลือกที่จะต่อสัญญาฉบับใหม่กับทีมออกไปยาวนานถึงปี 2029 ก่อนจะเดินหน้าออกสตาร์ทฤดูกาล 2024/25

มาร์ติเนซ มีซีซั่นที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ซึ่งปัญหาสำคัญมาจากเรื่องอาการบาดเจ็บ ทำให้เขาไม่ได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ จนสุดท้ายเขายิงให้ทีมไปได้เพียงแค่ 12 ประตู ในลีก ไม่สามารถป้องกันตำแหน่งแชมป์เอาไว้ได้

อย่างไรก็ตามฟอร์มของ มาร์ติเนซ กลับทำได้ดีในเวทียุโรป แม้จะมีอาการบาดเจ็บรบกวนแต่ก็ยังซัดให้ทีมในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ไปได้ถึง 9 ประตู กับอีก 2 แอสซิสต์ ดีพอที่จะพาต้นสังกัดเข้าชิงชนะเลิศได้อีกครั้ง ก่อนจะถูกดับฝันโดย ปารีส แซงต์ แชร์กแม็ง กลายเป็นการพลาดแชมป์ยุโรปอีกครั้งในรอบ 3 ฤดูกาล

และในฤดูกาล 2025/26 ที่กำลังจะเปิดฉากขึ้น ก็ถึงการเปลี่ยนแปลงภายในสโมสรอินเตอร์ มิลาน อีกครั้ง เมื่อทีมแยกทางกับ ซิโมเน่ อินซากี้ ที่ไปรับงานคุมทัพอัล ฮิลาล ในลีกซาอุฯ ก่อนที่สโมสรจะแต่งตั้ง คริสเตียน คิวู อดีตนักเตะของทีมเข้ามาทำหน้าที่เฮดโค้ชคนใหม่

นับเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่สุดในชีวิตนักฟุตบอล เพราะจะเป็นฤดูกาลที่แฟนๆกลับมาคาดหวังสกอร์จากเขาอีกครั้ง หลังหายจากอาการบาดเจ็บ ในวัยกำลังจะเข้า 28 ปีเต็ม แม้เส้นทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล แต่ในฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะมาถึง จะกลายเป็นตัวกำหนดทิศทางของตัวเองว่าในช่วงครึ่งหลังของอาชีพนักฟุตบอลจะเป็นอย่างไร ทุกอย่างจะถูกตัดสินด้วยผลงานในสนาม

ในขณะเดียวกันตัวนักเตะเองก็อยากจะพาต้นสังกัดกลับมาทวงบัลลังก์คว้าสคูเด็ตโต้ให้ได้อีกครั้ง รวมถึงการไล่ล่าแชมป์ยุโรป เพื่อลบฝันร้ายกับความผิดหวัง 2 ครั้ง ในรอบ 3 ฤดูกาล หากทำได้เช่นนั้น เรื่องราวของ ลาตาโร่ มาร์ติเนซ กับสโมสรอินเตอร์ มิลาน ก็จะเป็นเส้นทางที่ออกมาสมบูรณ์แบบ

อ่านเรื่องราวอื่นๆที่น่าสนใจ

ลงเล่น 100 นัดให้ บาร์เซโลน่า ในวัย 17 ปี ประวัติ ลามีน ยามาล เด็กมหัศจรรย์คนใหม่

ประวัติ ลูก้า โมดริช ปิดฉาก 13 ปี กับ เรอัล มาดริด

ประวัติ "แม็กซ์ เวอร์สเตปเปน" แชมป์โลกF1 4สมัยซ้อนที่กำลังโดนท้าทาย!

ข่าวที่เกี่ยวข้อง