เมืองที่เดินได้: ทำไมการเดินในเมืองถึงทำให้เรามีความสุขขึ้น?
คุณเคยรู้สึกมั้ยว่าแค่ได้เดินเล่นในเมืองสวย ๆ ถนนร่มรื่น มีต้นไม้ มีร้านเล็ก ๆ ข้างทาง — ใจก็เบาขึ้นโดยไม่รู้ตัว
นี่ไม่ใช่แค่ความบังเอิญ แต่เป็นผลจาก “เมืองที่ออกแบบมาให้คนเดินได้” หรือที่เรียกว่า Walkable City
และเชื่อมั้ยว่า เมืองแบบนี้ไม่ได้ดีแค่กับนักท่องเที่ยว แต่มันส่งผลจริง ๆ ต่อความสุขของคนในเมืองเองด้วย
เมืองที่เดินได้คืออะไร?
เมืองที่เดินได้ (Walkable City) ไม่ใช่แค่มีทางเท้าเท่านั้น
แต่มันหมายถึงเมืองที่มีสิ่งเหล่านี้ครบ:
– ทางเท้าที่กว้าง ปลอดภัย และต่อเนื่อง
– มีร่มเงา ต้นไม้ หรือหลังคากันแดด
– ร้านค้า ร้านอาหาร ที่กระจายอยู่พอประมาณ ทำให้เดินแล้วมีอะไรให้ดู
– จุดข้ามถนนที่ปลอดภัย
– ระบบขนส่งสาธารณะที่เข้าถึงง่าย ทำให้ไม่ต้องพึ่งรถส่วนตัวตลอดเวลา
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับ "ความสุข"?
- การเดินทำให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุข
เช่น endorphins และ serotonin แค่เดินวันละนิดก็ช่วยลดความเครียดได้แล้ว - การเดินในเมืองที่น่าเดิน ทำให้เรารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคม
เราได้สบตาคนอื่น แวะคุยกับร้านกาแฟข้างทาง หรือแค่รู้สึกว่าเมืองนี้ “มีชีวิต” - ช่วยให้ใจช้าลงโดยไม่ต้องพยายาม
ต่างจากเมืองที่ต้องขับรถทุกที่ เมืองที่เดินได้ทำให้เรารู้สึกว่าไม่ต้องเร่งรีบตลอดเวลา - รู้สึกปลอดภัยและมั่นคง
ทางเท้าที่ดี + การออกแบบเมืองที่ใส่ใจคนเดิน = เมืองที่คนทุกวัยเดินแล้วรู้สึกปลอดภัย โดยเฉพาะเด็ก คนสูงวัย และคนพิการ
เมืองดี = คนมีคุณภาพชีวิตที่ดี
หลายเมืองทั่วโลก เช่น โคเปนเฮเกน, เวียนนา, โตเกียว หรือแม้แต่บางย่านในกรุงเทพฯ เอง (เช่น อารีย์ หรือเจริญกรุง) เริ่มเข้าใกล้แนวคิด Walkable City มากขึ้น
และพบว่า ย่านที่เดินได้แบบนี้
– มีเศรษฐกิจในระดับชุมชนที่ดีขึ้น
– คนอยากออกมาใช้ชีวิตมากขึ้น
– คนสุขภาพดีขึ้น และลดปัญหาสุขภาพเรื้อรัง
สรุป:
เมืองที่เดินได้ ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ของคนไม่อยากขับรถ แต่มันคือ “รากฐานของเมืองที่น่าอยู่”
เพราะเมื่อคนออกมาเดินได้ เมืองก็กลายเป็นของคนอีกครั้ง — ไม่ใช่ของรถ
และเมื่อเมืองเป็นของคน… ความสุขเล็ก ๆ ก็กลับมาอยู่ในชีวิตประจำวันของเราโดยไม่รู้ตัว
อย่าลืมกดติดตาม Tojo News เพื่อพบกับข่าวสาร และบทความใหม่ ๆ จากเรา
Line Today TOJO NEWS , ToJoNews
#โตโจนิวส์ #TOJONEWS #สำนักข่าวโตโจนิวส์ #เมือง #ผ่อนคลาย