“บีโอไอ” รุกดันไทยขึ้นแท่นฐานการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ – PCB โลก
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอ (BOI) เปิดเผยผ่านการกล่าวในหัวข้อ Vision for Thailand: Becoming a Regional Hub for Smart Electronics Production ว่า การลงทุนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงในประเทศไทยยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ปี 2565 - มิถุนายน 2568 มีการลงทุนรวมกว่า 500 โครงการ มูลค่าลงทุนกว่า 7 แสนล้านบาท เฉพาะกลุ่มแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (Printed Circuit Board: PCB) มี 180 โครงการ มูลค่าลงทุนกว่า 2 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ ถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ของ PCB ที่ผู้ผลิตระดับโลกให้ความเชื่อมั่นและตัดสินใจเข้ามาลงทุนตั้งฐานการผลิตใหญ่ในประเทศไทย ทำให้เกิดเป็นคลัสเตอร์อุตสาหกรรมใหม่ที่จะสร้างการเติบโตให้กับเศรษฐกิจไทยในระยะยาว
สำหรับปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในตลาดโลกขยายตัวสูง คือ การเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะดิจิทัล และปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ (AI) ที่เข้ามาเปลี่ยนพฤติกรรมและความต้องการสินค้าของผู้บริโภคภาคอุตสาหกรรมใหม่ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี (EV) ทุกประเภท แบตเตอรี่ ดาต้าเซนเตอร์ ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์
ซึ่งทำให้ความต้องการชิปและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มสูงขึ้นมาก รวมถึงปัจจัยด้านสงครามการค้าโลกและสงครามเทคโนโลยี (Trade War & Tech War) ทำให้อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์กลายเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของโลกที่มีผลต่อความมั่นคงและเศรษฐกิจ หลายประเทศแย่งชิงการลงทุน
ขณะที่หลายบริษัทต้องปรับห่วงโซ่อุปทานเพื่อกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ โดยเป็นโอกาสของไทยที่จะช่วงชิงการลงทุนในกลุ่มดังกล่าวนี้ ซึ่งจะนำไปสู่การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมครั้งใหญ่ที่จะสร้างประโยชน์ให้กับประเทศในระยะยาว
นายนฤตม์ กล่าวอีกว่าประเทศไทยมีจุดแข็งหลายด้านที่สามารถเป็นฐานการผลิตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงรวมทั้ง PCB ได้ ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งน้ำ ไฟฟ้าที่มีความเสถียร พลังงานสะอาด นิคมอุตสาหกรรม ระบบโลจิสติกส์ และซัพพลายเชนครอบคลุมต้นน้ำถึงปลายน้ำ และการสนับสนุนจากภาครัฐ ทำให้ไทยกลายเป็นแหล่งลงทุนที่โดดเด่นในภูมิภาค และมีศักยภาพที่จะเป็นฐานผลิตอันดับต้นของโลก
“บีโอไอและหน่วยงานภาครัฐมีความมุ่งมั่นในการสนับสนุนอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง โดยมีการตั้งบอร์ดเซมิคอนดักเตอร์ เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ เป้าหมายที่ชัดเจน การพัฒนาบุคลากรทักษะสูงรองรับอุตสาหกรรมการออกมาตรการสนับสนุนที่ตรงจุด และการปรับปรุงกฎระเบียบต่าง ๆให้เอื้อต่อภาคธุรกิจ“
อย่างไรก็ดี แผนยุทธศาสตร์ที่บีโอไอทำร่วมกับบริษัทที่ปรึกษาระดับโลกและคณะผู้เชี่ยวชาญใกล้เสร็จ โดยเตรียมเสนอบอร์ดภายใน 1-2 เดือนนี้ ซึ่งจะช่วยความพร้อมที่ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงอย่างครบวงจร
ซึ่งไม่ใช่แค่ฐานผลิต แต่รวมถึงการเป็นศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนา ศูนย์กลางการพัฒนาบุคลากรทักษะสูงและซัพพลายเชนหลักของภูมิภาค
นายนัยวุฒิ วงษ์โคเมท ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการบริษัท ซิลิคอน คราฟท์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ผู้ออกแบบชิป (IC Design) กล่าวว่า หากอุตสาหกรรม IC Design ได้รับการสนับสนุนที่เหมาะสมจากภาครัฐ ภายในปี 2573 ประเทศไทยน่าจะมีบริษัท IC Design ทั้งไทยและต่างชาติเพิ่มได้อีก5 ราย และอีก 10 ราย ภายในปี 2578 ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดที่ภาครัฐควรเร่งสนับสนุน คือการใช้ไมโครชิพของคนไทยทั้งในภาคการผลิตของเอกชนและการจัดซื้อภาครัฐ นอกจากนี้ ภาครัฐต้องเริ่มแผนลงทุน Wafer Fabrication ซึ่งมีความเป็นไปได้ 2 แบบ คือ โรงงานมาตรฐาน(Legacy Standard CMOS Fab) ใช้เงินลงทุนประมาณ 50,000 ล้านบาท
และโรงงานอุปกรณ์พิเศษ เช่น Micro Electro-Mechanical Systems (MEMS), Power Devices, Photonics เงินลงทุน 10,000 – 20,000 ล้านบาท โดย Wafer Fabrication จะเป็นปัจจัยช่วยเสริมความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมไทยอื่น ๆ ได้แก่อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน
นายณัฏฐพงษ์ สุทธิวงศ์สุนทร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ยูแทค ไทย จำกัด ผู้ให้บริการประกอบชิป (IC Packaging) กล่าวว่า ไทยมีความพร้อมสำหรับการผลิตอุปกรณ์อัจฉริยะ ยูแทคมีความพร้อมในการผลิต MEMS ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Smart Devices และเซ็นเซอร์ขั้นสูง เช่น MEMS Accelerometer, Gyroscope, Pressure Sensor, Timing Devices และ Humidity Sensors โดยเชื่อว่าไทยจะรองรับแนวโน้มการผลิตอุปกรณ์อัจฉริยะในอนาคตได้