เช็ก 5 สัญญาณเตือนเสี่ยงโรคเบาหวาน ที่หลายคนไม่รู้ตัว
โรคเบาหวาน เป็นหนึ่งในโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCD) ที่คุกคามชีวิตคนไทยจำนวนมาก ที่สำคัญคือหลายคนมักไม่รู้ตัวว่าอาการบางอย่างในร่างกายคือสัญญาณเตือนว่าเรามีความเสี่ยงที่จะป่วยด้วยโรคนี้
เนื่องในเดือนสิงหาคมของทุกปี เป็นเดือนแห่งการยกระดับสุขภาพและสุขภาวะ (National Wellness Month) ซิลลิค ฟาร์มา (Zuellig Pharma) ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพในเอเชีย เห็นถึงความสำคัญของสุขภาพชายไทยที่อาจไม่ได้มีการพูดถึงเป็นวงกว้าง อยากชวนชายไทยตระหนักรู้สัญญาณเตือนจากอาการเจ็บป่วย ภัยเงียบที่หากไม่หมั่นสังเกตร่างกายตัวเองอาจทำให้สายเกินไป ควรพบแพทย์หากมีสัญญาณเตือน
โดยปัจจุบันรอบตัวเราในตอนนี้เต็มไปด้วยเทรนด์สุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการทำ IF (intermittent fasting) ทานเมนูซูเปอร์ฟู้ด (อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง) หรือเข้ายิม แต่ก็ยังเกิดคำถามว่าไลฟ์สไตล์เหล่านี้เพียงพอแล้วหรือยัง เมื่อตัวเลขผู้ป่วยโรคอ้วนและโรคเบาหวานยังคงเพิ่มสูงขึ้น 20.7% และ 37.9% ตามลำดับ โดยเฉพาะในเพศชาย
พฤติกรรมของวัยทำงานที่ต้องรับผิดชอบหลายสิ่งอย่างในเวลาที่จำกัด ส่งผลให้การไปออกกำลังกายหรือดูแลสุขภาพลดลงไป เปลี่ยนมาเป็นการติดหน้าจอพร้อมรับประทานอาหารโปรดที่ทำลายสุขภาพ เพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้าในชีวิตประจำวัน เมื่อสะสมไปนานๆ พฤติกรรมเหล่านี้อาจนำไปสู่โรคความดันสูง ภาวะคอเลสเตอรอลสูง ภาวะดื้ออินซูลิน และโรคเบาหวานชนิดที่ 2
5 สัญญาณเตือน อาจเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน
ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 หลายคนใช้ชีวิตอยู่กับอาการป่วยก็ไม่ใช่ แข็งแรงก็ไม่เชิง ผลสำรวจพบว่าผู้ชายไทยที่ป่วยเป็นเบาหวานกว่า 51% ไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคนี้ สัญญาณเตือนเหล่านี้มักถูกมองข้ามไปเพราะคิดว่าเป็นอาการจากความเครียด อายุที่เพิ่มขึ้น หรืออาจจะแค่นอนไม่พอ คล้ายกับการที่ผู้คนบนโลกโซเชียลต่างคิดว่าตนเป็นโรคบ้านหมุนในขณะที่เกิดเหตุแผ่นดินไหว ลองสังเกตสัญญาณเตือนจากร่างกาย ได้แก่
- รู้สึกกระหายน้ำ และเข้าห้องน้ำบ่อยกว่าปกติ อาจเป็นเพราะร่างกายพยายามขับน้ำตาลส่วนเกินออกจากร่างกาย
- รู้สึกอ่อนเพลีย และน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ หากรู้สึกเหนื่อยตลอดเวลาทั้งๆ ที่นอนหลับเต็มอิ่ม อาจเกิดจากเซลล์ไม่ได้รับน้ำตาลที่เพียงพอจะนำไปใช้เป็นพลังงาน ร่างกายจึงดึงเอาโปรตีนและไขมันไปใช้
- ภาพเบลอ ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงอาจส่งผลต่อเลนส์ตา ทำให้ตาพร่ามัว
- แผลหายช้า หรือใช้เวลานานผิดปกติกว่าจะหายสนิท อาจเป็นสัญญาณที่บอกถึงน้ำตาลในเลือดสูงไปทำลายเนื้อเยื่อ รวมถึงส่งผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
- ชาตามปลายมือและเท้า เกิดจากระดับน้ำตาลสูงไปทำลายเส้นประสาทส่วนปลาย
หากพบว่ามีอาการเหล่านี้ อย่าเพิ่งตกใจว่าเป็นโรคเบาหวาน แต่ควรพิจารณาว่าถึงเวลาที่ต้องไปตรวจสุขภาพประจำปี เพราะเมื่อยิ่งตรวจพบโรคแต่เนิ่นๆ ก็ยิ่งมีทางเลือกในการรักษามากขึ้น ตั้งแต่การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการพบแพทย์เพื่อรับการรักษา
โรคเบาหวาน แค่คุมอาหารอย่างเดียวไม่พอ
มีความเชื่อที่ว่าหากควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย และลดน้ำหนักเพียงอย่างเดียวจะสามารถหายขาดจากโรคเบาหวานได้ แต่ในผู้ป่วยบางราย ที่มีปัจจัยต่างๆ เช่น กรรมพันธุ์ ระดับไขมันในเลือด โรคอ้วน หรือผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ต้องการตัวช่วยนอกเหนือไปจากไลฟ์สไตล์ที่เหมาะสม โดยควรเข้าพบแพทย์เพื่อร่วมกันหาแนวทางรักษา
ปัจจุบัน เทคโนโลยีทางการแพทย์มีการพัฒนายาที่จะเป็นตัวช่วยในการดูแลรักษาสุขภาพ ควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ เช่น นวัตกรรมยาที่มีสารออกฤทธิ์ Tirzepatide (เทอเซพาไทด์) เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ไปจนถึงควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
เนื่องในเดือนแห่งการดูแลสุขภาพ จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่ทุกคน โดยเฉพาะชายไทยที่อาจหลงลืมดูแลสุขภาพของตนเอง ได้หันกลับมาดูแลและควบคุมน้ำหนักและน้ำตาล นอกจากการทานให้น้อยลงและออกกำลังกายมากขึ้น ยังมีตัวเลือกในการปรึกษาแพทย์เพื่อดูว่าการใช้ยาจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมยิ่งขึ้นในการดูแลรักษาสุขภาพหรือไม่
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เช็ก 5 สัญญาณเตือนเสี่ยงโรคเบาหวาน ที่หลายคนไม่รู้ตัว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- คนไทยเกือบ 40% ไม่รู้ตัวว่าป่วยโรคเบาหวาน ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพในอนาคต
- ภาวะไขมันในเลือดสูง จุดเริ่มต้นสู่โรคร้ายนานาชนิด
- โรคเบาหวาน อย่าชะล่าใจ สัญญาณเตือนไม่ใช่แค่ค่าน้ำตาลสูง
- รู้จักภาวะน้ำตาลในเลือดสูง อาการเป็นแบบไหน จะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายได้บ้าง
- เช็ก 5 สัญญาณเตือนเสี่ยงโรคเบาหวาน ที่หลายคนไม่รู้ตัว
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath