จากห้องเรียนสู่อนาคตการทำงาน : 5 ทักษะคนรุ่นใหม่ต้องมีเพื่อความก้าวหน้าอย่างยั่งยืน

หากไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้แก้ปัญหาในสถานการณ์จริง ความรู้ก็จะไม่สร้างมูลค่า แรงกดดันไม่ได้มาจากเทคโนโลยีดิจิทัลเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงความคาดหวังของลูกค้า สังคม และความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม ทำให้องค์กรไม่สามารถพึ่งพา “กำไร” อย่างเดียว แต่ต้องใช้กรอบคิดESG - Environment, Social, Governance เป็นแนวทางเติบโตอย่างยั่งยืน

ขณะเดียวกัน งานวิจัยด้านการจัดการยังย้ำว่า คนทำงานที่มีแนวคิดLifelong Learning และ ESG Awareness ฝังอยู่ในการทำงาน มักถูกมองว่า “มีความพร้อมมากกว่า” เพราะปรับตัวเร็ว และเชื่อมการทำงานกับเป้าหมายใหญ่ขององค์กรเมื่อองค์กรเดินหน้าในทิศทางใหม่ คนทำงานเองก็ต้องพัฒนาไปด้วย

และนี่คือ 5 ทักษะสำคัญที่สะท้อนความพร้อมของคนรุ่นใหม่ในยุคนี้

1.ทำได้จริง ไม่ใช่แค่รู้

สิ่งที่องค์กรคาดหวังคือการลงมือทำได้จริง ไม่ว่าจะเป็น เด็กจบใหม่หรือคนทำงานที่ต้องเจอโจทย์ใหม่ๆ การเรียนทฤษฎีเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่สิ่งที่สร้างความแตกต่างคือ การนำไปใช้แก้ปัญหาในสถานการณ์จริง เช่น Case Study, Simulation, Internship หรือ Hackathon ที่บังคับให้คิด วิเคราะห์ และนำเสนอทางออก

สิ่งเหล่านี้คือสนามซ้อมที่ทำให้เรา “พร้อมทำงาน” ไม่ใช่แค่ “พร้อมสอบ”

การเปิดใจรับโจทย์ใหม่ๆ นอก comfort zone ช่วยเปลี่ยน mindset จากผู้เรียนสู่ผู้ปฏิบัติ และนี่คือทักษะที่องค์กรต้องการเห็นทันทีเมื่อเราก้าวเข้าสู่ที่ทำงาน

2.เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน - ลึกมากกว่ากว้าง

การมีความรู้รอบด้านเป็นข้อได้เปรียบ แต่สิ่งที่ทำให้คนหนึ่งโดดเด่นกว่าหลายร้อยใบสมัครคือความเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่ลึกจริงและนำไปใช้ได้ทันที เช่น Data Analytics, Digital Marketing, Supply Chain หรือ Sustainable Business Development

สำหรับเด็กจบใหม่การมีทักษะเชิงลึกในสาขาที่ตลาดต้องการทำให้มั่นใจขึ้นเมื่อเข้าสู่ตลาดงาน ส่วนสำหรับคนทำงาน การ Upskill และ Reskill ผ่านคอร์สสั้นๆ หรือ Certificate คือการลงทุนที่ป้องกันไม่ให้ถูกทิ้งไว้ข้างหลังในยุคที่ความรู้ล้าสมัยเร็วขึ้นเรื่อยๆ

หัวใจสำคัญ คือ Lifelong Learning เพราะความเชี่ยวชาญไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว แต่ต้องต่อยอดอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นจุดแข็งที่ใครก็แทนไม่ได้

3.พร้อมทำงานทุกๆ วัน - เข้าใจโลกงานและผู้คนที่หลากหลาย

ความพร้อมในการทำงานไม่ใช่แค่วันแรกที่ก้าวเข้าสู่องค์กร แต่คือ การรักษามาตรฐานความเป็นมืออาชีพทุกวัน ทั้งการสื่อสารที่ชัดเจน การบริหารเวลา และการทำงานร่วมกับทีมที่หลากหลายทั้งวัฒนธรรมและ Generation

แนวคิด DEIB - Diversity, Equity, Inclusion & Belonging ได้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ขององค์กรชั้นนำทั่วโลก ทีมที่แตกต่างกันทั้งความคิดและประสบการณ์ช่วยสร้างนวัตกรรมและความแข็งแรงในระยะยาว คนทำงานยุคใหม่จึงต้องเข้าใจทั้งงานและผู้คนไปพร้อมกัน

สำหรับเด็กจบใหม่ การฝึกงานกับทีมที่มีความหลากหลาย หรือเข้าร่วมโครงการกับองค์กรระดับสากลคือ โอกาสทองในการเรียนรู้ ส่วนคนทำงานก็สามารถพัฒนาทักษะนี้ผ่านการทำโปรเจกต์ข้ามสายงานหรือการทำงานร่วมกับหลายฝ่าย ซึ่งนอกจากจะสร้างความพร้อมแล้ว ยังช่วยเสริม DEIB ให้ฝังรากในวัฒนธรรมองค์กร

4.ความตระหนักเรื่อง ESG ให้เป็น DNA

ถ้าเมื่อก่อน CSR ยังถูกมองว่าเป็นเพียง “กิจกรรมเสริม” วันนี้ ESG ได้กลายเป็น กลยุทธ์หลัก ที่ขับเคลื่อนองค์กร หลายองค์กรชั้นนำทั้งในและต่างประเทศต่างประกาศชัดว่าการดำเนินงานที่สอดคล้องกับ ESG ไม่ใช่เพียงการสร้างภาพลักษณ์ แต่คือ เส้นทางการอยู่รอดในอนาคต

สำหรับคนทำงาน การมี ESG Awareness ไม่ได้หมายถึงการรู้คำย่อ แต่คือการนำแนวคิดนี้มาใช้จริงในทุกมุมงาน ไม่ว่าจะเป็น การตลาดที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสังคม การปฏิบัติการที่ลดคาร์บอน หรือการจัดซื้อที่เลือกพันธมิตรที่มีธรรมาภิบาล

สำหรับเด็กจบใหม่ การสื่อสารให้เห็นว่าเราเข้าใจเรื่อง ESG ตั้งแต่ช่วงสมัครงาน ก็อาจเป็นแต้มต่อที่สร้างความแตกต่างทันที

5.Soft Skills ที่เทคโนโลยีแทนไม่ได้

แม้ AI และ Automation จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น แต่งานบางอย่างไม่อาจถูกแทนที่ได้ นั่นคือ Soft Skills ของมนุษย์ โดยเฉพาะ “ความเข้าอกเข้าใจผู้อื่น (Empathy)” ที่ทำให้การทำงานร่วมกันมีคุณค่า จาก Empathy ยังต่อยอดสู่ Critical Thinking ที่ช่วยวิเคราะห์ปัญหาอย่างรอบด้าน และ Creative Problem-Solving ที่ทำให้องค์กรได้คำตอบใหม่ ๆ ซึ่งเครื่องจักรไม่สามารถคิดแทนได้

สำหรับเด็กจบใหม่ Soft Skills คือ กุญแจลับที่ทำให้โดดเด่นกว่าใบสมัครอื่น ส่วนสำหรับคนทำงาน Soft Skills อย่างการเคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกันคือหัวใจที่ช่วยให้ทีมก้าวไปพร้อมกัน

ที่สำคัญ Soft Skills ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเรา “เป็นคนแบบนั้น” แต่ต้องมาจาก การฝึกฝนต่อเนื่อง ผ่านการทำงานจริง การรับฟัง Feedback และการเรียนรู้จากผู้คนรอบตัว นี่คือการเชื่อมกลับไปสู่ Lifelong Learning ทักษะที่แท้จริงไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว แต่คือการพัฒนาตัวเองไม่หยุดนิ่ง

บทสรุป

ทั้ง 5 ทักษะนี้สะท้อนชัดว่า โลกการทำงานไม่อาจหยุดรอใครได้ คนที่ “ทำได้จริง”, “เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน”, “พร้อมทำงานทุกวัน”, “คิด ESG เป็น DNA” และมี “Soft Skills ที่เทคโนโลยีแทนไม่ได้” คือคนที่องค์กรต้องการในวันนี้และอนาคต

สิ่งสำคัญคือ ทักษะเหล่านี้ไม่จำกัดอยู่ที่เด็กจบใหม่ แต่คือสิ่งที่คนทำงานทุกระดับต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง หัวใจจึงอยู่ที่Lifelong Learning และ ESG Awareness ซึ่งทำให้การทำงานมีความหมายมากกว่าแค่ผลลัพธ์ทางธุรกิจ แต่คือการสร้างคุณค่าต่อสังคมและโลกไปพร้อมกัน

เพราะคนทำงานที่องค์กรต้องการ ไม่ใช่เพียงผู้มีทักษะครบ แต่คือผู้ที่ “เติบโตไปพร้อมกับองค์กรและโลก” ได้อย่างยั่งยืน

ที่มา : From Classroom to Boardroom: Assessing Curriculum Development for International Business Major Gaps in Undergraduate Business Education.Journal of Curriculum and Teaching, 14 (1), 257-282. https://doi.org/10.5430/jct.v14n1p257