‘เพื่อไทย’ รู้ตัวบ้างมั้ย?
ทำไม “พรรคประชาชน” จึงเนื้อหอม?
เพิ่งเข้าใจตอนนี้เอง
ว่าชาติที่แล้ว “พรรคประชาชน” คือ “นางรจนา” ในวรรณคดีเรื่อง “สังข์ทอง”!
ตอนนี้ว้าวุ่นใจ เพราะคุณ “อนุทิน-ภูมิใจไทย” และคุณ “ภูมิธรรม-เพื่อไทย” รุมขอแต่งงานพร้อมๆ กัน
ไม่ว่าจะเสนอเงื่อนไขอะไรไป ทั้งสองพรรคยอมรับหมด คุณภูมิธรรมกลัวพรรคประชาชนเข็ดจากที่เคยถูกหลอก ถึงขนาดออกปากแถมโปร
จะ “ยุบสภา” ให้ก่อน ๔ เดือนตามเงื่อนไขด้วยซ้ำ!
เห็นคุณภูมิธรรมแบกหน้าเหี่ยวๆ แห้งๆ เหมือนอีแร้งขาดเหยื่อก็เวทนา ชาติที่แล้วคุณภูมิธรรมคงเป็นเศรษฐีใหญ่
ส่วนทักษิณเป็นทาสผู้ภักดี คอยหมอบรับใช้อยู่ปลายตีน
เกิดมาชาตินี้ ด้วยวาสนาผูกพันตามชาติเวร ทั้งสองจึงต้องชดใช้กรรมซึ่งกันและกัน…..
ทักษิณเสวยชาติเป็นเศรษฐีใหญ่ ส่วนภูมิธรรมกลับชาติมาเกิดเป็นทาสรับใช้อยู่ปลายตีนทักษิณบ้าง!
เขาสั่งให้ทำอะไร ก็ต้องงกๆ เงิ่นๆ ไปทำตามเขาสั่ง!
ถ้าหนังไม่หนา-หน้าไม่ด้านพอละก็นะ….
ไม่กล้าไปขอเสียงพรรคประชาชนให้สนับสนุน “นายชัยเกษม นิติสิริ” เป็นนายกฯ ให้ “พรรคเพื่อไทย” เป็นรัฐบาลอีกหรอก
นี่ยังดีนะ….
ที่พรรคประชาชนเขายังมีมรรยาท เปิดพรรคแล้วหัวหน้าพรรคออกมาต้อนรับ แทนการปิดประตูใส่หน้า แล้วเอาน้ำสาดล้างเสนียด!
ก็ทำเขาเจ็บแสบคราวที่แล้ว ตกลงตั้งรัฐบาลร่วมกันดิบดี ก็หักหลัง ถีบหัวเขาไปเป็นฝ่ายค้าน แล้วไปตั้งรัฐบาลกับพรรคอื่น
ทุกวันนี้ คงยังตีค่าพรรคประชาชนเป็น “นางทาส” ของตระกูลชินอยู่กระมัง?
ยามหื่นกระหายก็จะจิกหัวเขาไปเป็นนางบำเรอ
ครั้นมีเอ๊าะๆ หน้าใหม่มาให้เชยชม ก็เฉดหัวเขา เฉดหัวยังไม่พอ ยังเยาะเย้ยว่าพรรคประชาชนเป็นพวก “ละอ่อน”
จำไม่ได้หรือ ที่เชียงใหม่ เมื่อ ๔-๕ เดือนก่อน ทักษิณไปช่วยหาเสียงเลือกตั้งเทศบาลให้ลูกพรรคนั่นน่ะ
พูดหยามพรรคประชาชนบนเวทีปราศรัยว่า……
“ก่อนมาบอกว่า จะมีเงื่อนไข ถ้าเป็นรัฐบาลร่วมกับพรรคเพื่อไทย ถามว่า พรรคเพื่อไทยจะเอามารวมด้วยไหม ยังไม่ได้บอกซักคำว่าจะเอามารวม”
เยี่ยวรดหัวใจกันขนาดนั้น ใครล่ะจะไม่จำ
ฉะนั้น ไม่แปลกใจ ที่เห็นคนพรรคประชาชนตะโกนด่าและขับไล่คุณภูมิธรรมกับคณะพรรคที่ตากหน้าไปหลอกเขา หวังเอาไปชำเราอีก!
เห็นแต่ละคนที่ไป ได้แต่หัวเราะแห้งๆ กับเสียงด่าทอ ถ่มถุย ก็นึกในใจ เออหนอ….ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น
ถึงต้องคลานเลียน้ำลายตัวเองที่พื้น ก็พร้อมยอมทำ
เห็นประธานรัฐสภา “นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา” นัดประชุม ๓-๕ กันยา. น่าจะมีการโหวตเลือกตั้งนายกฯ แทนอุ๊งอิ๊งที่ตกเก้าอี้ครางอิ๋งๆ ไปแล้ว
ดังนั้น วันนี้-พรุ่งนี้ นางรจนา “พรรคประชาชน” ต้องตัดสินใจแล้วละว่า จะมอบ “พวงมาลัย” ให้คุณอนุทิน-ภูมิใจไทย หรือจะมอบให้ อังเคิลอ้วน-เพื่อไทย?
เมื่อวันเสาร์ ตลาดเขาต่อ “อนุทิน-นายกฯ” ๕ เอา ๑
ถึงตอนนี้ ราคาพุ่งเป็น ๑๐ เอา ๑ ไปแล้ว!
ในความที่ทั้ง ๒ พรรค “รับ ๓ เงื่อนไข” ของพรรคประชาชนชนิด “ไร้ข้อต่อรอง” นั้น
เครดิตด้าน “ไม่ตระบัดสัตย์” พรรคภูมิใจไทย เชื่อถือได้มากกว่า
ส่วนพรรคเพื่อไทย “งับไว้ก่อน พ่อสอนไว้” แต่ในวันต่อไป คำว่า “พรรคส้มมันละอ่อน” มีโอกาสย้อนมาอีก!
แต้มต่ออีกด้าน พรรคภูมิใจไทย เป็นพรรค “ฝ่ายค้าน” ร่วมกับพรรคประชาชนอยู่แล้ว เมื่อต้องตัดสินใจเลือก
พรรคประชาชนคง “ไม่เห็นขี้ดีกว่าไส้” แน่!
พี่น้องประชาชนภาคอีสาน ต้องเดือดร้อนถึงขั้นเสียชีวิตจากพิพาทชายแดนไทย-เขมร เกิดขึ้นเพราะใคร?
ก็ไม่เพราะ “สองพ่อลูก” ตระกูลชิน….
ที่มีลับลมคมในด้านผลประโยชน์กับ “สองพ่อลูก” ตระกูลฮุน เกิดขัดกัน แต่ชาวบ้านต้องเป็นฝ่ายรับกรรมดอกหรือ?
พรรคเพื่อไทย “มันจบแล้ว”….
ไม่เพียงในอีสาน หากแต่ในทุกภาคที่มีคนไทยรักชาติเป็นผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง
ชาวบ้าน รู้แจ้ง-กระจ่างใจกันหมดแล้วว่า ใครคือ “ไส้ศึก” ให้เขมร
แต่โชคดี ที่ไทยมี “กองทัพ” แข็งแกร่ง มั่นคง ซื่อตรงต่อ “ชาติ ศาสน์ สถาบันพระมหากษัตริย์” และประชาชน จึงดำรงมั่นอยู่ได้
ฟังคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อ ๒๙ สิงหา.กันหรือเปล่าล่ะ?
ตอนหนึ่งท่านว่า………
“พิจารณาถ้อยคำที่ผู้ถูกร้อง (นายกฯ แพทองธาร) ใช้ในการสนทนาตามคลิปเสียงทั้งหมดแล้ว
ในส่วนที่กล่าวถึง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ ๒ ซึ่งผู้ถูกร้องชี้แจงและเบิกความว่า เป็นการใช้เทคนิคการเจรจา แบ่งแยกปัญหาออกจากตัวบุคคล เพื่อแยกบทบาทฝ่ายบริหารออกจากฝ่ายความมั่นคง โดยมุ่งหมายจะลดความตึงเครียดระหว่างกันนั้น
ศาลเห็นว่า นายกฯ แพทองธาร กล่าวถึงตนเองกับสมเด็จ ฮุน เซน รวมกันเป็นฝั่งหนึ่ง ที่เรียกว่า "เรา"
และกล่าวถึงแม่ทัพภาคที่ ๒ ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของนายกฯ แพทองธารว่า "เป็นคนของฝั่งตรงข้ามกับเรา"
รวมทั้งตำหนิแม่ทัพภาคที่ ๒ ว่า “พูดในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ”
การที่ผู้ถูกร้องซึ่งเป็นนายกฯ ของไทย และเป็นผู้บังคับบัญชาของแม่ทัพภาคที่ ๒ กล่าวถ้อยคำดังกล่าวกับสมเด็จฮุน เซน ซึ่งผู้ถูกร้องเบิกความว่าเป็นผู้มีบทบาทสำคัญทางการเมืองที่มีอิทธิพลกับประเทศกัมพูชา
และเป็นบิดาของนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาซึ่งสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ตลอด ในห้วงเวลาที่ไทยกำลังมีปัญหาชายแดนกับกัมพูชา
พฤติการณ์ดังกล่าวย่อมเป็นการสะท้อนให้เห็นว่ามีการแบ่งข้างเชิงความคิด “ด้านความมั่นคง” ของประเทศ เกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เกิดความไม่เป็นเอกภาพระหว่าง “รัฐบาลและกองทัพ”
"ถ้อยคำที่นายกฯ แพทองธารกล่าว วิญญูชนย่อมเข้าใจได้ว่าเป็นลักษณะแสดงถึงความอ่อนแอทางการเมืองภายในประเทศให้กัมพูชา ซึ่งเป็นประเทศคู่ขัดแย้งทราบ กลับถูกเผยแพร่ออกไปถึงกัมพูชา
เป็นการเปิดช่องให้ฝ่ายกัมพูชานำข้อมูลดังกล่าวมาใช้แทรกแซงกิจการภายในของประเทศได้"
……………………………………….
"พฤติการณ์และการกระทำของนายกฯ แพทองธารดังกล่าว ย่อมทำให้วิญญูชนเกิดความเคลือบแคลงสงสัยได้ว่า ผู้ถูกร้องจะยินยอมกระทำการตามฝ่ายกัมพูชาโดยไม่คำนึงผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ
ด้วยเหตุว่าผู้ถูกร้อง รู้จักกับสมเด็จฮุน เซน เป็นการส่วนตัว และกระทำการเอื้อประโยชน์กับกัมพูชา"
……………………………………………
เมื่อนายกฯ แพทองธารมีประโยชน์ส่วนตัวคือคะแนนนิยมและเสถียรภาพของรัฐบาลเข้าไปเกี่ยวข้องหรือเกี่ยวเนื่องด้วยกับการปฏิบัติหน้าที่
นายกฯ แพทองธารกลับไม่คำนึงถึงและยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง การกระทำดังกล่าวเป็นการลดทอนหรือทำให้เสียหายซึ่งเกียรติภูมิหรือเกียรติของนายกฯ และประเทศไทย
เพราะความนิยมหมายความว่า เกียรติที่ได้รับการยกย่องจากสังคมหรือนานาชาติ และการนับถือของประเทศชาติอันเป็นสิ่งที่ภาคภูมิใจและไว้วางใจในนายกฯ ซึ่งเป็นผู้นำของประเทศ
ทำให้ประชาชนขาดความภูมิใจและไว้วางใจซึ่งนายกฯ ซึ่งเป็นผู้นำของประเทศ อันมีลักษณะการ “ไม่พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งเกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ”
และ “ถือเอาประโยชน์ส่วนตัวเหนือกว่าประโยชน์ของประเทศชาติ”……..ฯลฯ……
เนี่ย…“ขายชาติ” ชัดแจ้งขนาดนี้แล้ว
เพื่อไทยแทนที่จะสำนึกและละอาย แต่เปล่าเลย ยังด้านหน้าตะเกียกตะกายจะกลับมาเป็นรัฐบาลอีก
ถ้าพี่น้องชาวไทย ยังเลือกพรรคเพื่อไทยอีกละก็ ชาติหน้า…กูขอไปเกิดเป็นลูกชายฮุน เซนดีกว่า!
โบราณว่า “หมาตาย เห็บโดดหนี” เห็นคาตากับสภาพพรรคเพื่อไทยตอนนี้เลย
ก่อนๆ ไม่ว่านายกฯ แพทองธารหรือคุณภูมิธรรม นายกฯ รักษาการ ไปทางไหน จะมีวอลเปเปอร์ รัฐมนตรีบ้าง สส.บ้าง
แห่ห้อมตอมหน้า-ตอมหลังและยืนประดับเป็นแผง ๒-๓ ชั้น
พอ “อวสานตระกูลชิน” มาถึงเท่านั้นแหละ
วอลเปเปอร์หายหมด เหลือแต่ผนังกำแพง วันก่อน คุณภูมิธรรมยืนแถลงด้วยเสียงเหมือนคนเป็นฝีในท้อง บรรยากาศคล้ายผีหลอกกลางวัน
เพราะหันไปมองข้างหลัง มี รมช.มหาดไทย “ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์” ยืนเป็นวอลเปเปอร์ที่เปื่อยยุ่ย อยู่คนเดียว!
ยิ่งนัดพรรคร่วมแถลงข่าวตั้งรัฐบาลใหม่ แผงที่เคยยาวจากถนนตกยันท่าเตียน ตอนนี้ หายไปทีละพรรค-สองพรรค เหลือสั้นจู๋เท่าแผงขายผัก
ใหญ่-มีอำนาจแล้วผยอง ย้ายคนนั้น-เช็กบิลคนนี้
พอหมดอำนาจวาสนา ตานี้แหละมึง ทำกับใครเขาไว้ยังไง ก็จะได้อย่างนั้นตอบ!
ก็รอดูกันวัน-ต่อวัน ว่าพรรคประชาชน จะโยนพวงมาลัยให้ภูมิใจไทยหรือเพื่อไทย?
แต่รู้ไว้อย่าง ไม่ว่าใครมาเป็นนายกฯ วิบากที่รออยู่เดือนนี้-เดือนหน้า ต้องบอกว่า….สาหัส!
และต้องทำใจเผื่ออะไรที่พลิกไปจากที่คาดฝันไว้ด้วย!
-เปลว สีเงิน
๑ กันยายน ๒๕๖๘
คนปลายซอย