เฮือกสุดท้ายของ ‘ทักษิณ’
น่าเวทนาครับ…
เห็นความพยายามของพรรคเพื่อไทยในการช่วงชิงการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแล้ว ไม่มีศักดิ์ศรีเลยครับ
แค่อยากอยู่ในอำนาจต่อ ใครเสนออะไรมาก็ยอม
ช่างผิดกับตอนอยู่ในอำนาจ ใครอย่าได้เสนอแนะอะไรเชียว
จะถูกหาว่าสาระแน
ฟัง “ภูมิธรรม” พูด แก้ผ้าล่อนจ้อนครับ ความขึงขังหายเกลี้ยง
วันก่อนขู่ฟ้องประชาชนเจ้าของประเทศอยู่เลย
วันนี้หมอบเสียแล้ว
“…วันนี้พรรคร่วมได้มานำเสนอ และพูดคุยกัน หัวใจสำคัญคือข้อเสนอพรรคประชาชนเรารับหมด และพร้อมให้เป็นไปตามนั้น
พร้อมปฏิบัติไปตามนั้น
ส่วนข้อเสนอของเรา ก็ให้พรรคประชาชนได้รับทราบ และคุยกันแล้วว่าหลายเรื่องที่เราเสนอควรปฏิบัติในเรื่องกระบวนการยุติธรรม เพราะสิ่งที่เรานำเสนอคือไม่เข้าไปยุ่งในกระบวนการยุติธรรม
คดีต่างๆ ทุกคดี ก็ขอให้ดำเนินการทั้งหมด และรายละเอียดทางพรรคประชาชนก็จะนำไปพิจารณา และยังไม่ได้รับปากหรือตัดสินใจที่จะยกมือให้ใครเลย ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการ และองคาพยพของพรรคมีหลายส่วน และต้องหารือหลายส่วนให้มากที่สุด เราก็ยอมรับเงื่อนไขนี้ได้…”
น้ำเสียงแบบนี้เหมือนคนจมน้ำครับ
เจออะไรก็คว้าไว้ก่อน
ไม่สนว่าขอนไม้หรืองู
แบบนี้อันตรายครับ เพราะสุดท้ายจะหาความจริงใจมิได้
พรรคเพื่อไทยมีความจำเป็นต้องอยู่ในอำนาจต่อ อย่างน้อยก็ ๓-๔ เดือนนับจากนี้
สาเหตุหลักๆ คือเรื่องของ “ทักษิณ ชินวัตร”
คดีนักโทษเทวดาชั้น ๑๔ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำพิพากษาวันที่ ๙ กันยายนนี้ และสั่งให้ “ทักษิณ” ไปฟังคำพิพากษาที่ศาล
มีแนวโน้มสูงว่าหากพรรคเพื่อไทยไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ “ทักษิณ” เลือกที่จะเดินทางออกจากประเทศไทย เพราะคดีมีความเสี่ยงที่ศาลจะสั่งให้กรมราชทัณฑ์บังคับโทษ “ทักษิณ” ให้ถูกต้องตามที่ศาลได้ลงไว้ และได้รับพระราชทานอภัยลดโทษในภายหลัง
คือกลับเข้าคุก ๑ ปี
“ทักษิณ” จะยอมเข้าคุกหรือไม่ แค่ ๑ ปี หรือติดจริงอาจน้อยกว่านั้น
ก็เป็นข้อสังเกตครับ หากพรรคเพื่อไทยช่วงชิงในการตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ ถือว่าเสียหายอย่างมาก การปล่อยให้พรรคภูมิใจไทยรับเงื่อนไขพรรคประชาชน และทำสัญญาประชาคม “อนุทิน ชาญวีรกูล” จะอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ๔ เดือน โดยมีภารกิจหลัก เพื่อยุบสภาเลือกตั้งใหม่ จะทำให้สถานการณ์ของพรรคเพื่อไทยดำดิ่ง
เพราะเป็นการถูกถีบออกจากกระบวนการแก้วิกฤตการเมือง ที่พรรคเพื่อไทยเป็นผู้สร้างมันขึ้นมา
“ทักษิณ” จึงต้องเทหมดหน้าตัก!
การเมืองไทยยังคงเป็นการเมืองล้าหลังเหมือนเดิมครับ
พวกด้อมทั้งหลาย ไม่ว่าด้อมส้ม ด้อมแดง หรือด้อมน้ำเงิน อย่าคาดหวังว่าการเมืองไทยจะพัฒนาได้ในระยะเวลาอันใกล้นี้
ภาพที่ “ทักษิณ” แจ้นไปคุยกับ “ธนาธร” มันบ่งบอกว่า งานการเมืองมีแต่การสร้างภาพครับ ของจริงยังคงเป็นการเมืองของนายทุน
“ทักษิณ” ไม่คุยกับ “หัวหน้าเท้ง” แต่เลือกคุยกับ “ธนาธร” ก็ถูกแล้วครับ เพราะผู้ตัดสินใจอนาคตทางการเมืองของพรรคส้ม ไม่ใช่ “หัวหน้าเท้ง” แต่เป็น “ธนาธร”
เหมือน “ทักษิณ” ใช้ “แพทองธาร” เป็นหุ่นเชิด
เหมือน “ฮุน เซน” ใช้ “ฮุน มาเนต” เป็นนอมินี
“หัวหน้าเท้ง” ก็ตกอยู่ในสภาพเดียวกับ “แพทองธาร” และ “ฮุน มาเนต”
ไม่ใช่ผู้มีอำนาจตัดสินใจตัวจริง
เป็นเพียงร่างทรงให้เท่านั้น
“ทักษิณ” จึงต้องทุ่มสุดตัวเพื่อให้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลอีกครั้ง
เพื่อเป็นหลักประกันว่า แม้วันที่ ๙ กันยายน จะต้องเดินเข้าคุก แต่อย่างน้อยมีกรมราชทัณฑ์คอยให้คำปรึกษาดีๆ มีเงื่อนไขสุดพิเศษให้บริการ เหมือนที่ผ่านมา
ที่สำคัญระบอบทักษิณยังมีโอกาสเดินต่อ
แบบนี้ติดคุก ๑ ปี อาจจะคุ้ม
แต่หาก “อนุทิน” ได้เป็นนายกฯ อนาคต “ทักษิณ” มีความเสี่ยงสูงทันที
การยอมติดคุกในขณะที่พรรคเพื่อไทยแทบล่มสลาย ไม่ใช่สิ่งที่ “ทักษิณ” เลือกแน่นอน
ฉะนั้นวันที่ ๙ กันยายน จะไม่มีคนชื่อ “ทักษิณ” เดินทางไปศาล
สถานการณ์มันไม่เข้าข้างพรรคเพื่อไทยครับ บรรดาด้อมส้มต้องการให้พรรคประชาชน จับมือกับพรรคภูมิใจไทยมากกว่า
เพราะยังเข็ดขยาดกับลีลาไม่น่าคบของพรรคเพื่อไทยอยู่
ดูว่า พรรคส้มตัดสินใจอย่างไร ให้ดู “เสนาบดีส้ม” ว่าคิดอย่างไร
“ช่อ พรรณิการ์ วานิช” โพสต์ข้อความขยี้พรรคเพื่อไทย
“…เห็นชื่อคนที่เพื่อไทยส่งมาเจรจากับพรรคประชาชน เป็นคุณสรวงศ์ และคุณจิราพร ก็หวนนึกถึงวันที่คุณหมอชลน่าน อดีตหัวหน้าพรรค พูดง่ายๆ ว่า 'มันเป็นเทคนิคหาเสียง'นั่นขนาดเป็นหัวหน้าพรรคนะ
ไม่นับการใส่เงื่อนไขประเภท จะเอารัฐธรรมนูญ ๔๐ มาใช้ก่อน ซึ่งไม่มีความชัดเจนว่าจะทำไปทำไม ทำได้จริงหรือไม่ เพราะเงื่อนไขเราคือเราต้องการประชามติร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ หรือการใส่เรื่องการร่วมกันจัดการคดีฮั้ว สว. เขากระโดง ซึ่งเป็นหน้าที่รัฐบาลต้องทำ และควรทำมาก่อนหน้านี้ตั้งนานแล้ว จะมาร่วมกับพรรคประชาชนได้ไง ในเมื่อเราประกาศแล้วว่าจะเป็นฝ่ายค้าน
การตัดสินใจของพรรคประชาชนว่าจะโหวตให้ใคร เชื่อว่าปัจจัยสำคัญคือการต้องมั่นใจว่า 'ไม่โดนเบี้ยว-ไม่ตุกติกลีลา'ซึ่งทั้งสองพรรคมีข้อควรสงสัยว่าจะเบี้ยว เพราะฉะนั้น หากพรรคไหนทำให้พรรคประชาชน รวมถึงประชาชน มั่นใจได้มากกว่า ย่อมถือว่าได้เปรียบ…”
“ธนาธร” กับ "ช่อ" เอนเอียงไปทาง พรรคภูมิใจไทย ก็น่าจะจบเร็วครับ
ไม่กี่วันนี้รู้เรื่อง
สรุป “ทักษิณ” ไม่ไปศาล.