โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สังคม

ผวาการเมืองวุ่น ฉุดลงทุนเอกชน ลุ้นคดีคลิปเสียงนายกฯ 29 ส.ค. ผวาสุญญากาศทุบเชื่อมั่นดิ่ง

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 22 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

คดีคลิปเสียงของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่วุฒิสภาส่งฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ ตีความตัดสินว่าจะฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งจะมีการพิจารณาตัดสินคดีในวันที่ 29 สิงหาคม 2568 กำลังเป็นที่จับตาของทุกภาคส่วนว่าผลการตัดสินใจจะออกมาอย่างไร เพราะหากมีความผิด จะส่งผลให้นายกรัฐมนตรี ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ และสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ แต่หากพิจารณาตัดสินแล้วไม่พบมีความผิด นางสาวแพทองธาร จะยังคงปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป

จากการพิจารณาคดีดังกล่าว”ฐานเศรษฐกิจ”ได้สำรวจความคิดเห็นของภาคส่นต่าง ๆ ทั้งนักวิชากการและภาคธุรกิจ ต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศว่าจะมีผลอย่างไรหรือไม่

ชี้ไม่มีผลกระทบเครดิตประเทศ

นายพชร อนันตศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวว่า ไม่ว่าศาลจะตัดสินอย่างไร จะไม่ได้มีผลกับภาพรวมการประเมินเครดิตของประเทศไทย ซึ่งปีนี้ยังเหลือการประเมินเครดิตจาก Fitch Ratings หรือฟิทช์ เรทติ้งส์ ที่จะออกมาช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2568 โดยคาดว่าจะยังคงอันดับเครดิตไทยเช่นเดียวกันกับปีที่แล้ว แต่อาจจะมีความกังวลในเรื่องผลกระทบทางการเมืองที่จะมีผลต่อ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ที่อาจจะมีผลบังคับใช้ล่าช้าออกไป

อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าสถานการณ์ทางการเมืองดังกล่าว จะไม่มีผลต่องบประมาณปี 2569 เนื่องจากขณะนี้งบประมาณได้ผ่านความเห็นชอบจากสภาฯ แล้ว

ส่วนในเรื่องพื้นที่ทางการคลัง สถานการณ์หนี้สาธารณะของไทยนั้น มองว่าบริษัทจัดอันดับเครดิตไม่ได้โฟกัสในเรื่องดังกล่าวมาก เนื่องจากมีข้อมูลเหล่านี้อยู่แล้ว ที่สามารถวิเคราะห์ และประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจไทยได้

หวั่นเกิดสุญญากาศทางการเมือง

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ภาคเอกชนไม่ต้องการให้เกิดภาวะสุญญากาศทางการเมืองขึ้นในประเทศไทย เพราะจะส่งผลกระทบโดยตรงและซ้ำเติมเศรษฐกิจไทยที่กำลังเผชิญกับความเสี่ยงรอบด้านในช่วงเวลานี้ ทำให้ขาดความต่อเนื่องในการดำเนินนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ขณะเดียวกันจะต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อรักษาตัวเลขการลงทุนและภาพลักษณ์ของประเทศในระยะยาว

ทั้งนี้ หากนายกรัฐมนตรี ยังอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อจะช่วยให้รัฐบาลสามารถบริหารประเทศได้อย่างต่อเนื่อง ถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อการสร้างเสถียรภาพและความมั่นใจให้แก่ทั้งภาคธุรกิจ นักลงทุน รวมถึงประชาชนโดยรวม อีกทั้งยังเป็นโอกาสสำคัญในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ที่จะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะยาว

ส่วนกรณีที่ต้องพ้นจากตำแหน่ง ภาคเอกชนต้องการรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ สามารถดำเนินนโยบายระยะยาวได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนทางการเมือง รวมถึงภาคการเมืองไทยจะต้องเป็นระบบที่เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันพัฒนาและขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า โดยการเคารพหลักการของประชาธิปไตยและกฎหมายอย่างเข้มงวด

เชื่อเศรษฐกิจเดินหน้าต่อได้

ดร.ธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย กล่าวว่า กรณีของนางสาวแพทองธาร นั้น ไม่น่าจะมีผลต่อเศรษฐกิจโดยตรง เพราะนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะญี่ปุ่นและจีน ซึ่งเป็นรายใหญ่ คุ้นเคยกับสถานการณ์การเมืองไทยอยู่แล้ว และการลงทุนที่ปักหลักไปแล้วจะไม่ถอนกิจการ จากปัจจัยทางการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างเดียว

รวมถึงนักลงทุนส่วนใหญ่มองว่า ไม่ว่ารัฐบาลไหนเข้ามา จะมุ่งไปที่เรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นสูตรสำเร็จของทุกรัฐบาล แต่ตอนนี้ก็ต้องอดใจดูว่ากรณีนายกฯ จะออกหัวออกก้อยอย่างไร ดังนั้น ไม่ว่าการเมืองจะมาในรูปแบบใด กลุ่มทุนและนักลงทุนก็สามารถปรับตัวเข้าหากันได้ดี และต่างชาติก็เข้าใจภาพการเมืองไทยเช่นนี้

ดร.ธนิต กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจครึ่งปีหลังว่า ยังคงเดินหน้าไปต่อได้ เห็นได้จากการส่งออก ล่าสุดในช่วง 7 เดือนของปีนี้ยังขยายตัวได้ดี แม้จะมีความกังวลเรื่องภาษีสหรัฐฯ เพราะก็ยังเห็นสัญญาณการขยายตัวต่อเนื่องถึงเดือนสิงหาคม จะมีแค่การส่งออกไปกัมพูชาที่กระทบเท่านั้น ส่วนการท่องเที่ยว อาจจะไม่ถึงเป้าหมายที่ 33 ล้านคน และอาจได้รับผลกระทบจากปัญหาชายแดนบ้าง

นักวิชาการประเมิน 3 ฉากทัศน์

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า จากการประเมินผลกระทบต่าง ๆ หากนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลาออกหรือหลุดจากตำแหน่งหรือยังดำรงต่ำแหน่งอยู่ สถานการณ์ดังกล่าวต้องแบ่งออก เป็น 3 ส่วน ได้แก่

1.หากนายกฯ มีการประกาศลาออกหรือหลุดออกจากตำแหน่ง แต่รัฐสภายังคงดำเนินการต่อ ต้องมีการโหวตเลือกตั้งนายกฯคนใหม่ ว่าจะมาจากพรรคเดิม คือ พรรคเพื่อไทย หรือ จากมาพรรคร่วมรัฐบาลอื่น ๆ หากยังคงเป็นพรรคเดิม คาดว่าเศรษฐกิจยังคงเดินหน้าต่อ เนื่องจากมีนโยบายคงเดิม แต่ถึงอย่างไรก็ต้องมาดูว่าใครเป็นนายกฯ จะได้รับการยอมรับจากประชาชนมากน้อยแค่ไหน ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่จะต้องตามถ้าสมมุติว่าการได้รับการยอมรับจากประชาชนเพียงแค่เปลี่ยนตัวนายก แต่ภายใต้พรรคร่วมเดิม เศรษฐกิจก็เดินหน้าต่อไปได้เรื่อยๆ ไม่น่ามีปัญหาอุปสรรค

2. หากมีการยุบสภาฯ รัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ จะทำให้การบริโภคชะลอลง เศรษฐกิจฟื้นตัวช้าเพราะประชาชนไม่มั่นใจสถานการณ์ทางการเมืองซึ่งอาจจะกระทบเศรษฐกิจไตรมาส 4 และ 3. นายกฯ ลาออกจากตำแหน่ง และมีการยุบสภา ก่อนมีการตัดสินคดี ในวันที่ 29 สิงหาคม 2568 ซึ่งต้องมีการจัดสรรเลือกตั้งนายกฯ คนใหม่ โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 45-60 วัน จะส่งผลต่อเศรษฐกิจจะฟื้นตัวช้า รัฐบาลรักษาการก็จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไม่ได้

กระทบความเชื่อมั่นแค่ระยะสั้น

นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) สะท้อนว่า ไม่ว่านางสาวแพทองธาร จะอยู่หรือไปในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ธุรกิจยังเดินหน้าต่อ เพราะตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไม่ควรหยุดปฏิบัติหน้าที่ ก็ต้องมีผู้ทำหน้าที่นายกฯไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม แต่ต้องทำงานแบบ 100% อีกทั้งการพิจารณางบประมาณปี 2569 ผ่านได้แล้ว ก็ถือว่าไม่ได้เป็นความน่ากังวลมากนัก รวมถึงเชื่อว่า จะยังไม่มีการยุบสภาในช่วงนี้

อย่างไรก็ตาม หากมีการยุบสภาฯในช่วงต้นปี 2569 ถือเป็นโอกาสที่จะมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ก็ขอให้ได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพเป็นปัจจัยสำคัญ เพราะในทางธุรกิจกับนักธุรกิจด้วยกัน ความมีเสถียรภาพเป็นสิ่งที่ต้องการมากที่สุด

นายยุทธชัย จรณะจิตต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทอิตัลไทย และผู้ก่อตั้งออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป (ONYX Hospitality Group) สะท้อนว่า ไม่ว่านายกฯจะอยู่หรือไป ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ธุรกิจยังต้องอยู่และเดินหน้าต่อเหมือนเดิม เพียงแต่มีผลกระทบในด้านความเชื่อมั่นหรือภาพลักษณ์ระยะสั้นเท่านั้น เพราะประเทศไทยมีการเปลี่ยนตัวนายกฯบ่อยอยู่แล้ว

“สิ่งที่รัฐบาลต้องทำตอนนี้คือ เลิกทะเลาะกัน มองประเทศชาติมากขึ้น ว่าต้องการอะไร ทั้งความสมานฉันท์ การเดินไปข้างหน้า และปากท้องของประชาชน เพราะคนทำงานเหนื่อยมาก รวมถึงผู้ประกอบการด้วย เพราะหากคนทำงานเหนื่อยแล้ว เจ้าของกิจการก็เหนื่อยไม่แพ้กัน เนื่องจากกำลังซื้อลดลง”

ขณะที่ภาพรวมการท่องเที่ยวในปี 2568 นี้ มองว่า คงไปไม่ถึงเป้าหมายที่ 35 ล้านคน ส่วนปี 2569 หวังว่าจะดีกว่านี้ แต่ก็ยังมองว่าคงทรงตัว จำนวนคงไม่ได้พุ่งเหมือนช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา จากเศรษฐกิจทั่วโลกไม่ได้ดีมากนัก กำลังซื้อของคนส่วนใหญ่ลดลง รวมถึงคนไทยที่ขณะนี้เหนื่อยกันหมด ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้า แม่ค้าหรือธุรกิจส่วนใหญ่ เพราะปัญหาหลักคือ การหารายได้ ทำให้ไตรมาส 3 ปี 2568 เริ่มมีหลายบริษัทในหลายเซกเตอร์เริ่มลดคนทำงานแล้ว

เอกชน-นักลงทุนเกาะติดสถานการณ์

ดร.องอาจ กิตติคุณชัย นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป หรือ TFPA กล่าวว่า สถานการณ์ทางการเมืองของไทย ที่กำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนครั้งสำคัญ ซึ่งอาจนำไปสู่ 2 แนวทางที่ส่งผลกระทบแตกต่างกัน กรณีแรก หากนายกรัฐมนตรีลาออกหรือหลุดจากตำแหน่ง จะเกิดภาวะสุญญากาศทางการเมืองทันที บั่นทอนความเชื่อมั่นของทั้งนักลงทุน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยภาคเอกชนและนักลงทุนต้องรอดูสถานการณ์ รอความชัดเจนของรัฐบาลชุดใหม่ อาจจะต้องประคองตัวเองให้ดี เพราะการพึ่งพาภาครัฐอาจเป็นไปได้ยาก ซึ่งกระบวนการจัดตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่หรืออาจรวมถึงผู้บริหารฝ่ายต่างๆ อาจล่าช้าและส่งผลกระทบต่อนโยบายเศรษฐกิจในภาพรวมได้

ส่วนกรณีหากนายกรัฐมนตรียังคงอยู่ในตำแหน่งต่อไป แม้จะหลีกเลี่ยงความวุ่นวายในระยะสั้นได้ แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาภาวะศรษฐกิจที่ซบเซาในปัจจุบันได้ เพราะยังไม่มีปัจจัยใหม่ ๆ มากระตุ้นการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และหากเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่พลิกผันหรือไม่เป็นไปตามครรลอง อาจกระทบต่อความน่าเชื่อถือของประเทศในระยะยาว และส่งผลให้เศรษฐกิจที่ยังเปราะบางอยู่แล้ว มีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงอีกในช่วงครึ่งปีหลัง

การเมืองปัจจัยฉุดรั้งเศรษฐกิจไทย

นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานยุทธศาสตร์ สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย กล่าวว่า สถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมือง ยังเป็นปัจจัยที่ฉุดรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ซึ่งจีดีพีในไตรมาส 2 ปี 2568 เติบโตเพียง 2.8% ซึ่งอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน เช่น เวียดนามที่เติบโต 8.0% และฟิลิปปินส์ 5.5% ซึ่งปัญหาเศรษฐกิจชุมชนที่ซบเซา กำลังซื้อของประชาชนที่ลดลง รายได้ที่สวนทางกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ล้วนเป็นผลมาจากความอ่อนแอทางเศรษฐกิจและมาตรการกระตุ้นที่ไม่เพียงพอ

นอกจากนี้การขาดความเชื่อมั่นทางการเมืองยังส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของนักลงทุนต่างชาติ (FDI) และนักท่องเที่ยว ซึ่งกระทบต่อเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการบริโภคโดยตรง

หวั่นกระทบความเชื่อมั่นต่างชาติ

นายพีรวัส เจนตระกูลโรจน์ ทายาทรุ่นที่ 2 บริษัท ศรีฟ้าโฟรเซนฟู้ด จำกัด หรือแบรนด์ ‘ศรีฟ้า’ เบเกอรี่กาญจน์ แสดงความเห็นว่า แม้เหตุการณ์ทางการเมืองจะมีความสำคัญ แต่เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบใด ๆ กับธุรกิจซึ่งเป็น SME ที่เน้นทำตลาดกับผู้บริโภคโดยตรง ราคาสินค้าเข้าถึงง่ายและไม่ต้องพึ่งนโยบายรัฐหรือใช้อำนาจทางราชการในการดำเนินธุรกิจ

อย่างไรก็ตาม หากการลาออกหรือหลุดจากตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี อาจส่งผลต่อความมั่นคงและเสถียรภาพของประเทศ ทำให้ความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติลดลง เพราะนักลงทุนมักจับตาสถานการณ์ทางการเมืองเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน แต่หากอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อ เชื่อว่าจะช่วยให้ความเชื่อมั่นและความต่อเนื่องของนโยบายรัฐยังไม่เกิดการสะดุด ส่งผลให้การวางแผนลงทุนของนักลงทุนต่างชาติสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างมั่นใจ

อสังหาฯ ชี้ เศรษฐกิจขาดเชื่อมั่น

นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สะท้อนว่า หากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมากชี้ว่าผิด มองว่าอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และการบริหารประเทศ โดยเฉพาะการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ ที่ต้องรอการจัดทัพใหม่ไม่ให้เกิดสุญญากาศนาน แต่สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อและสถาบันการเงินปฎิเสธสินเชื่อมาอย่างยาวนานผู้ประกอบการส่วนใหญ่ต่างช่วยเหลือตัวเอง เพื่อสร้างยอดขาย ระบายสต๊อก แต่ในทางกลับกันผู้ประกอบการยังต้องการมาตรการสนับสนุนจากรัฐบาลต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามมองว่า ครึ่งปีหลังยังมีปัจจัยเสี่ยง อย่างภาษีทรัมป์ แม้จะลงตัวที่19% แต่รายละเอียดของแต่ละเซ็กเตอร์ธุรกิจยังไม่ออกมา ซึ่งไม่ทราบแน่ชัดว่าจะกระทบหรือไม่ ที่น่าจับตาคือความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา ที่มองว่าไม่สงบโดยง่ายและเสี่ยงปะทะรอบสอง จะทำให้เศรษฐกิจชายแดนได้รับผลกระทบ

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ฐานเศรษฐกิจ

พาณิชย์ ยกทัพเอกชน 40 ราย บุกตลาดลาตินอเมริกา ตั้งเป้าการค้า 400 ล้าน

24 นาทีที่แล้ว

สแกนแผนศึกษา “รฟท.”ปลุก “ 2 รถไฟทางคู่สายใหม่” 3.3 หมื่นล้าน

26 นาทีที่แล้ว

ถ่ายทอดสด LIVE 'วิว กุลวุฒิ' ลงแข่งวันนี้ แบดมินตันชิงแชมป์โลก พบเกาหลีใต้

30 นาทีที่แล้ว

ไทยยื่นหลักฐานเพิ่มทุ่นระเบิดกัมพูชา เตรียมหารือเลขาฯ UN 28 ส.ค.

55 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความสังคมอื่นๆ

ดีใจเก้อ! รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เลื่อน

THE ROOM 44 CHANNEL
วิดีโอ

ใจบุญแปลกๆ! "หมอบี" โอนบ้าน 30 ล้าน เงินจากกงสีครอบครัว ให้ "ทิดจอร์จ" ก่อนถูกรวบ

THE ROOM 44 CHANNEL

ด่วน! เสียชีวิตแล้ว 2 ราย เหตุดินสไลด์หมู่บ้านปางอุ๋ง จ.เชียงใหม่ เร่งค้นหาผู้สูญหาย ด.ญ.วัย 12

สยามนิวส์

พาณิชย์ ยกทัพเอกชน 40 ราย บุกตลาดลาตินอเมริกา ตั้งเป้าการค้า 400 ล้าน

ฐานเศรษฐกิจ

สแกนแผนศึกษา “รฟท.”ปลุก “ 2 รถไฟทางคู่สายใหม่” 3.3 หมื่นล้าน

ฐานเศรษฐกิจ

สมาชิกสภา ทต.คลองทรายขาว ขับเก๋งพุ่งชนคอสะพาน ดับสลด

สยามนิวส์

ทิดจอร์จ ไปทำงานกรรมกร ไม่ใช่ผู้ออกแบบ ตึกปิโตรนาส

สยามนิวส์
วิดีโอ

ตำรวจคุมตัว "ทิดจอร์จ-หมอบี" เข้าห้องคุมขัง หลังสอบปากคำนานกว่า 24 ชั่วโมง ช

THE ROOM 44 CHANNEL

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...