THANA ดีมานด์พุ่ง ตุนยอดรอโอน 185 ล.
#THANA #ทันหุ้น – THANA ชี้หนุนดีมานด์ที่อยู่อาศัยพุ่ง หลัง กนง.หั่นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25%พร้อมเดินหน้าทำตลาดเร่งระบายสต๊อกในในมือราว 400 ล้านบาท หวังสร้างรายรับ-เพิ่มสภาพคล่อง แย้มครึ่งหลังปี 2568 ฟอร์มแจ่มรับปลดล็อก LTV-ดอกเบี้ยขาลง-เข้าไฮซีซัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าล่าสุดทางคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ โดยอนุมัติให้ลด อัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ต่อปี จาก 1.75% ต่อปี เป็นเหลือที่ราว 1.50% ต่อปี และให้มีผลทันทีตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา
นายสุทธิรักษ์ เสถียรภาพอยุทธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THANA เปิดเผยว่า ในแง่อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับลดลงนั้นบริษัทประเมินว่าเป็นผลบวกต่ออุตสาหกรรมโดยรวม และเป็นผลดีช่วยสนับสนุนยอดขายที่อยู่อาศัยของ THANA ในช่วงที่เหลือปีนี้ให้ขยายตัวมากขึ้น
@ สต๊อกพร้อมขาย
ดังนััน ในช่วงที่เหลือปี 2568 บริษัทจึงมีแนวทางทำกิจกรรมส่งเสริมเพิ่มเติม จากปัจจุบันที่มีโครงการที่อยู่อาศัยพร้อมโอน (สต็อก) ในทำเลต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 400 ล้านบาท เพื่อสร้างรายได้ให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่องด้วย
ขณะที่แนวทางการดำเนินงานครึ่งหลังปีนี้ทาง THANA ยังคงจะไม่มีการเปิดโครงการใหม่เพิ่มเติม แต่หันมาให้น้ำหนักกับการบริหารสต็อกที่มีอยู่เดิม เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างรายได้และเสริมสภาพคล่องของธุรกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ล่าสุดบริษัทมียอดขายที่รอโอน (Backlog) ประมาณ 185 ล้านบาท โดยคาดการณ์ว่าจะสามารถทยอยรับรู้รายได้ประมาณ 80% ในไตรมาส 3/2568 ที่เหลือคงต่อเนื่องในช่วงถัดไป
สำหรับผลงานในครึ่งหลังปี 2568 บริษัทประเมินว่ามีโอกาสเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งแรกปีนี้ เพราะได้รับผลบวกจากแนวโน้มดอกเบี้ยที่ปรับตัวลดลงประกอบกับ เป็นช่วงเข้าสู่ไฮซีซันของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และทาง THANA เองได้ผลบวกนี้เช่นเดียวกัน
** ผ่อนคลาย LTV
ขณะเดียวกันยังรวมถึงแรงสนับสนุนในช่วงที่ผ่านมาจากการที่คณะกรรมการนโยบายการเงินได้มีการผ่อนคลายเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) เพื่อช่วยประคับประคองภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีผลต่อเนื่องถึงมิถุนายน 2569
“การผ่อนคลาย LTV ถือเป็นอีกปัจจัยบวกที่สำคัญต่อบริษัท โดยเฉพาะบ้านหลังที่ 2 ที่สามารถให้กู้ได้ 100% จากเดิมที่ราว 70-90% ทำให้ความสามารถของผู้ซื้อปรับตัวเพิ่มขึ้น และยังเป็นการสนับสนุนดีมานด์ของตลาดและของบริษัทเพิ่มเติม”
ในไตรมาส 2/2568 และปี 2567 กำไรสุทธิของงบการเงินรวม มีผลกำไรสุทธิส่วนของบริษัท 7.2 ล้านบาท และผลกำไรสุทธิ 22.7 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 3.9% และร้อยละ 15.4% ของรายได้รวมตามลำดับ
ทั้งนี้เนื่องจากในไตรมาส 2/2568 รายได้จากการให้บริการ ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ค่อนข้างสูงลดลง 31 ล้านบาท และอัตรากำไรขั้นต้น ลดลงจากการปรับลดราคาขายบ้านบางโครงการเพื่อกระตุ้นยอดขาย
ขณะที่ไตรมาส 2/2568 บริษัทมียอดขายอสังหาริมทรัพย์สุทธิรวมทั้งสิ้น 373 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นยอดขายสุทธิจากกลุ่มบริษัทจำนวน 131 ล้านบาท และจากกลุ่มบริษัทร่วมค้าจำนวน 242 ล้านบาท และในครึ่งปีแรกของปี 2568 บริษัทมียอดขายอสังหาริมทรัพย์สุทธิรวมทั้งสิ้น 625 ล้านบาท