โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ค่าเงินบาท เปิดเช้านี้ 32.48 บาท/ดอลลาร์

การเงินธนาคาร

อัพเดต 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ค่าเงินบาท เปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.48 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ณ ระดับ 32.43 บาทต่อดอลลาร์

18 ส.ค. 2568 นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาท เปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.48 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ณ ระดับ 32.43 บาทต่อดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์สัปดาห์ก่อนหน้า เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวอ่อนค่าลงเล็กน้อยในลักษณะ Sideways Up (แกว่งตัวในกรอบ 32.41-32.51 บาทต่อดอลลาร์)

โดยมีจะมีจังหวะอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้าน 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ตามจังหวะการรีบาวด์ขึ้นบ้างของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับการย่อตัวลงของราคาทองคำ หลังรายงานอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ (Inflation Expectations) ระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งจัดทำโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน (เป็นส่วนหนึ่งของรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค U of Michigan Consumer Sentiment) ได้ปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าที่ตลาดประเมินไว้ ทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดลงบ้าง โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดให้โอกาสราว 17% ที่เฟดจะสามารถลดดอกเบี้ยได้ 3 ครั้ง ในปีนี้ และให้โอกาสราว 82% ที่เฟดจะเดินหน้าลดดอกเบี้ยอีก 3 ครั้ง ในปี 2026

ทั้งนี้ การอ่อนค่าของเงินบาทก็เป็นไปอย่างจำกัด หลังผู้เล่นในตลาดต่างก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์ หากเงินบาทอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้าน อีกทั้ง ราคาทองคำก็เริ่มรีบาวด์ขึ้นบ้าง ในช่วงเปิดทำการช่วงเช้าของตลาดการเงินฝั่งเอเชีย

สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดลงบ้าง หลังรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต PPI ของสหรัฐฯ และอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ออกมาสูงกว่าคาด

สำหรับในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรรอติดตาม รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากฝั่งสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น พร้อมรอติดตาม ถ้อยแถลงของประธานเฟด ในงาน Jackson Hole Symposium

สำหรับ แนวโน้มเงินบาท เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังคงเผชิญความเสี่ยง Two-Way risk (เคลื่อนไหวได้ทั้งด้านอ่อนค่าและแข็งค่า) ตามการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด

โดยล่าสุด บรรดาผู้เล่นในตลาดได้ปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง ของเฟดในปีนี้ มาพอสมควร (โอกาสเพียง 19%) ทำให้ในระยะสั้น ตลาดอาจไม่ได้ปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดไปอีกมากนัก จนกว่าจะรับรู้ รายงานข้อมูลการจ้างงานเดือนสิงหาคม ซึ่งจะรับรู้ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนกันยายน

นอกจากนี้ ในส่วนของ positioning นั้น ผู้เล่นในตลาดก็ได้ปรับลดสถานะ Net Short USD (มองเงินดอลลาร์อ่อนค่า) ลงมาพอสมควร จนเรียกได้ว่า เกือบจะ Flat/Neutral positions ทำให้เงินดอลลาร์ก็พร้อมเคลื่อนไหวได้ทั้งสองทิศทาง ตามการรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม อนึ่ง ไฮไลท์สำคัญ อย่าง ถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell ในงานสัมนาวิชาการประจำปีของเฟด (Jackson Hole Symposium) ก็อาจไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด

ทำให้เราประเมินว่า หากผู้เล่นในตลาดต่างผิดหวังกับถ้อยแถลงของประธานเฟด ก็อาจปรับลดโอกาสเฟดลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง ในปีนี้ รวมถึงโอกาสเฟดลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายนลงบ้าง ทำให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจปรับตัวสูงขึ้น กดดันราคาทองคำและเงินบาท ทว่า การอ่อนค่าของเงินบาท (USDTHB) ก็อาจเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์ หากเงินบาทมีการอ่อนค่าลงเข้าใกล้โซนแนวต้าน

นอกเหนือจากมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด เรายังคงมองว่า การเคลื่อนไหวของทั้งเงินหยวนจีน (CNY) และราคาทองคำ จะเป็นปัจจัยที่อาจส่งผลต่อเงินบาทพอสมควร เนื่องจากในช่วงนี้ ทั้งสองสินทรัพย์ได้เคลื่อนไหวสอดคล้องกับเงินบาทมาก

อนึ่ง เมื่อประเมินด้วยกลยุทธ์ Trend-Following เงินบาทจะกลับมาอยู่ในแนวโน้มอ่อนค่าลงอีกครั้ง หากสามารถอ่อนค่าทะลุโซน 32.65 บาทต่อดอลลาร์ ได้ชัดเจน (หรืออ่อนค่าทะลุเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน)

ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เราคงมองว่า เงินดอลลาร์ยังคงเผชิญ Two-Way risk (เคลื่อนไหวได้สองทิศทาง) ขึ้นกับการปรับมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดของผู้เล่นในตลาด หลังรับรู้รายงายข้อมูลเศรษฐกิจและการส่งสัญญาณต่อแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟดจากบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะประธานเฟด

เราคงคำแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเลือกใช้เครื่องมือในการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของเงินบาท รวมถึงสกุลเงินอื่นๆ ที่สูงขึ้นกว่าช่วงอดีตที่ผ่านมาพอสมควร โดยผู้เล่นในตลาดอาจเลือกใช้เครื่องมือเพิ่มเติม อาทิ Options หรือ Local Currency ควบคู่ไปกับการปิดความเสี่ยงผ่านการทำสัญญา Forward

มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 32.00-32.75 บาท/ดอลลาร์

ส่วนกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วงโมงข้างหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.35-32.55 บาท/ดอลลาร์

มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก

ฝั่งสหรัฐฯ

ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ งานสัมนาวิชาการประจำปีของเฟด (Jackson Hole Symposium) ซึ่งจะมีธีมเกี่ยวกับตลาดแรงงาน “Labor Markets in Transition: Demographics, Productivity, and Macroeconomic Policy.”

โดยผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell รวมถึงบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดในระยะข้างหน้า หลังรายงานข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ ล่าสุด ที่ออกมาแย่กว่าคาด ได้ทำให้ผู้เล่นในตลาดกลับมาเชื่อว่า เฟดมีโอกาสเดินหน้าลดดอกเบี้ยได้ราว 2-3 ครั้ง ในปีนี้

ในส่วนของรายงานข้อมูลเศรษฐกิจนั้น ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ (S&P Manufacturing & Services PMIs) ในเดือนสิงหาคม รวมถึง ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ซึ่งข้อมูลดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อมุมมองของบรรดาผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยนโยบายของเฟดได้

โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดประเมินว่า เฟดมีโอกาสราว 20% ที่จะลดดอกเบี้ยได้ 3 ครั้ง ในปีนี้ และมีโอกาสราว 87% ที่เดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีก 3 ครั้ง ในปีหน้า

ฝั่งยุโรป

ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของอังกฤษ อาทิ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ ในเดือนสิงหาคม ยอดค้าปลีก (Retail Sales) และอัตราเงินเฟ้อ CPI ในเดือนกรกฎาคม รวมถึงถ้อยแถลงของผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของ BOE

ซึ่งล่าสุด ผู้เล่นในตลาดมองว่า BOE มีโอกาสราว 58% ที่จะลดดอกเบี้ยอีก 25bps 1 ครั้ง ในปีนี้ นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการของยูโรโซน ในเดือนสิงหาคม และติดตามถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ด้วยเช่นกัน เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของ ECB โดยผู้เล่นในตลาดยังคงมองว่า ECB มีโอกาสราว 43% ที่จะลดดอกเบี้ยอีก 25bps 1 ครั้ง ในช่วงปลายปีนี้

ฝั่งเอเชีย

ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่นและทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ผ่านรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ อย่าง ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ เดือนสิงหาคม อัตราเงินเฟ้อ CPI และยอดการส่งออก-นำเข้า ในเดือนกรกฎาคม

โดยล่าสุด บรรดาผู้เล่นในตลาดต่างประเมินว่า BOJ มีโอกาสราว 69% ที่จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 25bps อีก 1 ครั้ง ในปีนี้ ส่วนในฝั่งธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) นั้น บรรดานักวิเคราะห์ประเมินว่า BI อาจเลือกที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 5.25% ขณะที่ ทางฝั่งธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) นักวิเคราะห์มองว่า RBNZ อาจเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม 25bps สู่ระดับ 3.00% ตามแนวโน้มการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อก็ยังเคลื่อนไหวภายในกรอบเป้าหมายของ RBNZ

ฝั่งไทย

ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 รวมถึง รายงานยอดการค้าระหว่างประเทศ (Exports & Imports) เดือนกรกฎาคม ซึ่งอาจเริ่มสะท้อนผลกระทบของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ที่ชัดเจนขึ้น

อ่านข่าว การเงิน-อัตราแลกเปลี่ยน-ราคาทอง ทั้งหมด ได้ที่นี่

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก การเงินธนาคาร

SET พักฐาน = โอกาสเก็บของ? “หุ้นแกร่ง” น่าซื้อ! | Market Today

22 นาทีที่แล้ว

ครั้งแรกในรอบ 4 ปี! “ทรัมป์ vs ปูติน” ซัมมิต คืนนี้ | 15 ส.ค. 68

24 นาทีที่แล้ว

SET ย่อตัวลงมา สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีเซมิคอนดักเตอร์ใหม่ | 18 ส.ค. 68

26 นาทีที่แล้ว

บลจ. ไทยพาณิชย์ เปิดตัว SCBUSDYIELD ลงทุนตราสารหนี้สกุลดอลลาร์สหรัฐฯ

36 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคงประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 ที่ 1.5%

ฐานเศรษฐกิจ

ไม่ไปชมได้ไง…การเดินทางแห่งโลกอนาคต

เดลินิวส์

โกลเบล็กมอง SET สัปดาห์นี้พักตัวให้กรอบ 1,230-1,280 จุด คัด 5 หุ้นเด่นรับ กนง. หั่นดอกเบี้ย

Manager Online

เอไอเอส-ทรู พร้อมเปิดระบบลงทะเบียนซิม สแกนหน้า “เรียลไทม์”

อีจัน

แบงก์ลดดอกเบี้ย 0.25% เร็วและเต็มที่ ช่วยบรรเทาภาระการเงินลูกหนี้ 5-7 พันล้านบาท

เดลินิวส์

Nike คาดทยอยฟื้น ยอดสั่งซื้อพลิกบวก

หุ้นวิชั่น

โบลท์ (Bolt) ยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรม: ต่อยอดโครงการ Booster Week เพิ่มการปฏิบัติตามกฎหมายของผู้ขับขี่

Manager Online

SET ย่อตัวลงมา สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีเซมิคอนดักเตอร์ใหม่ | 18 ส.ค. 68

การเงินธนาคาร

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...