โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

รู้จัก Alexandr Wang เด็กหนุ่มที่รวยด้วยสมอง ไม่ต้องรอใบปริญญา มหาเศรษฐีอายุน้อยที่สุดในโลก

Thairath Money

อัพเดต 12 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ภาพไฮไลต์

เมื่อไม่นานมานี้ มีข่าวใหญ่หน้าหนึ่งวงการ AI เมื่อ Meta บริษัทแม่เจ้าของแพลตฟอร์มโซเชียลอย่าง Facebook และ Instagram ของ Mark Zuckerberg เริ่มเอาจริงในเรื่อง AI ปั้นทีมที่ชื่อว่า “Superintelligence” ขึ้นมา พร้อมกับเร่งสปีดล่าคนเก่งในวงการ AI เข้ามาร่วมทีมแบบทุ่มสุดตัว

ซึ่งหนึ่งในดีลสำคัญคือการเข้าถือหุ้น 49% ใน “Scale AI” เข้าลงทุนมูลค่ากว่า 14,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมกับดึงตัวผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Scale AI นั่นก็คือ Alexandr Wang ทำให้ชื่อนี้ถูกพูดถึงกันหนาหูอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้ Alexandr Wang ได้ขึ้นแท่นเป็นมหาเศรษฐีอายุน้อยที่สุดในโลกที่สร้างชื่อด้วยตัวเอง (Youngest Self-Made Billionaire) ในปี 2022 ซึ่งตอนนั้นมีอายุเพียง 25 ปี ตำแหน่งนี้ได้มาเพราะความสำเร็จของ Scale AI ในการระดมทุนจนทำให้บริษัทตอนนี้มีมูลค่าสูงถึง 7,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งตำแหน่งนี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้มาเพราะความสามารถของตัวเอง เพราะหากลองเข้าไปดูลิสต์เศรษฐีอายุน้อย ส่วนใหญ่แล้วมาจากส่วนแบ่งของธุรกิจครอบครัว

ตอนนี้มูลค่าของ Scale AI โตขึ้นมาหลายเท่าตัว จากการพัฒนาในอุตสาหกรรมที่ยกให้ AI เป็นตัวขับเคลื่อนหลักในโลกเทคโนโลยี และการเข้าลงทุนของ Meta ในรอบระดมทุนล่าสุด ปัจจุบัน ความมั่งคั่งของ Alexandr Wang อยู่ที่ 3,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มาจากการถือหุ้นใน Scale AI ที่ราว 14%

บทความนี้ Thairath Money คอลัมน์ How to Make Money จะพาไปทำความรู้จักกับ Alexandr Wang หนุ่มอายุน้อยที่รวยได้ด้วยความสามารถของตัวเอง ว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน ทำอะไรมาบ้าง และเราจะได้เห็นเขาโลดแล่นไปทางไหนต่อในโลก AI หลังจากนี้?

เด็กอัจฉริยะที่เกิดและโตในดงความรู้

แม้จะไม่ได้เกิดในตระกูลเศรษฐีที่ร่ำรวยมหาศาล แต่ความโชคดีของ Alexandr Wang คือการเติบโตในสังคมที่เต็มไปด้วยความรู้ จนสามารถหล่อหลอมให้กลายเป็นอัจฉริยะในเวลาต่อมา

Alexandr Wang เกิดในเดือนมกราคม ปี 1997 ในเมืองลอสอลามอส รัฐนิวเม็กซิโก สหรัฐอเมริกา ซึ่งรัฐนี้มีความสำคัญกับประวัติศาสตร์อเมริกาอย่างมาก ตรงที่เป็นแหล่งกำเนิดของ Manhattan Project โครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ ที่ทำให้เราได้รู้จักกับ J. Robert Oppenheimer หรือบิดาแห่งระเบิดปรมาณูนั่นเอง

พ่อและแม่ของ Alexandr Wang เป็นนักฟิสิกส์ชาวจีนที่ย้ายถิ่นฐานมาที่เมืองนี้ และทำงานภายใน Los Alamos National Laboratory ซึ่งก็คือห้องทดลองเดียวกับที่สหรัฐฯ ใช้ทดสอบระเบิดปรมาณูในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และยังคงเป็นศูนย์วิจัยชั้นนำในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหลายสาขาจนถึงปัจจุบัน

โดยเฉพาะคุณแม่ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นนำด้านพลาสมาและพลศาสตร์ของของไหล ซึ่งเป็นหัวใจของการวิจัยด้านอาวุธนิวเคลียร์ และการเติบโตขึ้นมาท่ามกลางอัจฉริยะ ก็ส่งผลให้ Alexandr Wang กลายเป็นอัจฉริยะเช่นกัน

ตลอดช่วงวัยเด็ก Alexandr Wang เข้าร่วมการแข่งขันด้านวิชาการมากมาย เริ่มต้นจากแค่ “อยากได้ตั๋วไปดิสนีย์แลนด์” เลยพยายามอย่างเต็มที่จนชนะการแข่งคณิตศาสตร์ และก็นำไปสู่ความสำเร็จไม่รู้จบ ทั้งติดทีม Math Olympiad ปี 2013 ติดทีมฟิสิกส์สหรัฐฯ ปี 2014 และเข้ารอบสุดท้ายในการแข่งขัน USACO หรือโครงการคอมพิวเตอร์โอลิมปิกแห่งสหรัฐอเมริกา ในช่วงปี 2012-2013 ซึ่งเป็นโครงการสำคัญของเด็กที่เก่งในการเขียนโค้ด หรือเชี่ยวชาญด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์นั่นเอง

ก่อนจะมาเป็น Scale AI

หลังจากประสบความสำเร็จอย่างมากในช่วงวัยเรียน ตอนอายุได้ 17 ปี หรือในปี 2014 ที่ Alexandr Wang ตัดสินใจเว้นช่วง ไม่เข้าเรียนต่อ แต่หันไปทำงานกับบริษัทเทคโนโลยีแทน โดยงานแรกเป็นวิศวกรคอมพิวเตอร์ให้กับ Addepar และต่อมาก็ขึ้นมาเป็นหัวหน้าทีมเทค ทำงานให้กับ Quora แพลตฟอร์มถามตอบชื่อดัง และที่นั่นเองที่ทำให้ได้พบกับ Lucy Guo ซึ่งต่อมากลายเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Scale AI

และหลังจากช่วงทำงานนี้ไม่กี่ปี Alexandr Wang เลือกไปเข้าเรียนใน MIT สาขาคณิตศาสตร์และวิทยาการคอมพิวเตอร์ ตอนอายุได้เพียง 19 ปี นับว่าเป็นอัจฉริยะอายุน้อยที่มีประวัติการทำงานที่โชกโชนและเหนือชั้นมากจากวงการเทคโนโลยี

แต่ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยกลับไม่ตอบโจทย์เท่าที่ควร ระหว่างเรียน Alexandr Wang ได้ทำงานร่วมกับ Hudson River Trading บริษัทเทรดในฐานะนักพัฒนา ก็เห็นแล้วว่าเส้นทางในการทำงานน่าจะรุ่งกว่า หลังเรียนมาได้ประมาณ 1 ปีก็ตัดสินใจลาออกจาก MIT

ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงเดียวกับที่เขาเห็นแนวทางในการทำสตาร์ทอัพของตัวเอง โดยจุดเริ่มต้นของ Scale AI มาจากปัญหาที่ใครก็คาดไม่ถึง นั่นคือ ของในตู้เย็นในหอพักถูกขโมยไปตลอด เลยพยายามติดกล้องในตู้เย็น และให้ AI ตรวจสอบเพื่อตามหาว่าใครขโมยของกินไป แต่ปรากฏว่า AI ตรวจจับไม่ได้เพราะข้อมูลที่มีนั้นไม่ได้มีการติดป้ายกำกับ (Labeled Data)

เลยกลายเป็นจุดเริ่มต้น “เอ๊ะ” เห็นว่าปัญหาของ AI ไม่ใช่แค่โมเดล แต่คือการที่ไม่มีข้อมูลคุณภาพดีมากพอ จึงปักธงสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลให้กับวงการ AI โดยเน้นทำงานเบื้องหลังที่คนอื่นมองข้าม แต่ทุกโมเดลต้องใช้ ตอนนั้นก็เลยจับมือกับ Lucy Guo ปั้น Scale AI ขึ้นมาในปี 2016 (ตอนนั้นอายุเพียง 19 ปี) และก็ไปเข้าร่วมโครงการของ Y Combinator เพื่อระดมทุนสร้างธุรกิจต่อ

ทำความรู้จัก Lucy Guo ได้ที่: วิธีคิดเรื่องเงินของ Lucy Guo ผู้ร่วมก่อตั้ง Scale AI ขึ้นแท่นมหาเศรษฐีหญิงอายุน้อย รวยที่สุดในโลก

รู้จัก Scale AI

Scale AI เริ่มต้นด้วยผลิตภัณฑ์แรกคือ API ที่ช่วยแปลงข้อมูลดิบ ข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้างชัดเจน ให้กลายเป็นข้อมูลที่เรียบเรียงแล้ว พร้อมติดป้ายกำกับระบุชัดเจนว่าเป็นข้อมูลอะไร ให้พร้อมสำหรับใช้ฝึกโมเดล AI ต่อ หรือที่เรียกว่า Labeled Data

หัวใจของนวัตกรรมจาก Scale AI ไม่ใช่แค่ซอฟต์แวร์ล้วน ๆ แต่คือการออกแบบแพลตฟอร์มบริการที่ซับซ้อน โดยใช้เทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อน พร้อมผสานความสามารถของอัลกอริทึมอัตโนมัติเข้ากับมันสมองของมนุษย์

โมเดลธุรกิจหลักของบริษัทนี้คือแนวคิด “Human-in-the-loop” หรือให้มีมนุษย์เป็นส่วนหนึ่งในวงจรการทำงานของ AI กล่าวคือ Scale AI จะใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะของตัวเองผนวกกับเครื่องมือ Machine Learning และทีมงานที่กระจายตัวอยู่ทั่วโลก ที่เรียกกันในแวดวงว่า Clickworkers หรือผู้ปฏิบัติงานคอยจิ้มข้อมูล

โมเดลแบบลูกผสมนี้เอง ที่ Scale AI มองว่าเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยสร้างข้อมูลพื้นฐานจริง (Ground Truth) ซึ่งจำเป็นสำหรับการฝึกและทดสอบระบบ AI ที่มีความซับซ้อนสูง

ปัจจุบัน บริการของ Scale AI ขยายตัวไปหลากหลายมากขึ้น จากเดิมที่ทำแค่ติดป้ายกำกับจากภาพ (Image Annotation) วันนี้ได้ขยายบริการให้ครอบคลุมทั้งวงจรการสร้าง AI ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ

  • Data Annotation & Labeling บริการพื้นฐานแต่ทรงพลังที่สุด ให้บริการติดป้ายข้อมูลคุณภาพสูงในหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นภาพ (Images) วิดีโอ (Video) ข้อความ (Text) เสียง (Audio) ตลอดจนข้อมูลจากเซนเซอร์ 3 มิติอย่าง LiDAR ซึ่งสำคัญมากในรถไร้คนขับ
  • Reinforcement Learning from Human Feedback หรือ RLHF เทคนิคสำคัญที่ใช้ฝึกโมเดลภาษาใหญ่ (LLMs) โดยให้คนจริง ๆ มาจัดอันดับและให้คะแนน Output ของ AI เพื่อปรับแต่งให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ทั้งเป็นมิตรและไม่อันตราย ทั้งนี้ Scale AI ถือเป็นพาร์ทเนอร์หลักของ OpenAI ในการสร้าง ChatGPT รุ่นแรก ๆ รวมถึงช่วยเทรนโมเดล GPT-3.5 ให้ตอบสนองได้ดีขึ้นอีกด้วย
  • Model Evaluation, Safety & Alignment อีกหนึ่งบริการสำคัญ Scale ยังให้บริการแพลตฟอร์มสำหรับทดสอบและประเมินโมเดล AI ว่าทำงานได้ดี ปลอดภัย และมีความสอดคล้องตามวัตถุประสงค์หรือไม่ โดยมีโครงการสำคัญชื่อว่า SEAL หรือ Safety, Evaluations, and Alignment Lab ซึ่งทำหน้าที่คล้ายห้องทดสอบความเสถียรของ AI

กลยุทธ์การเจาะตลาดของ Scale AI ในช่วงเริ่มต้นจะรุกไปแค่วงการใดวงการหนึ่ง อย่างยานยนต์ไร้คนขับ (Autonomous Vehicles หรือ AV) ซึ่งเป็นภาคส่วนที่ต้องการข้อมูลเซ็นเซอร์ 3D และวิดีโอที่มีการทำป้ายกำกับอย่างแม่นยำสูง

ลูกค้ารายแรก ๆ ของ Scale คือผู้เล่นระดับแถวหน้าอย่าง Cruise (ของ GM), Waymo, Lyft และ Zoox

จนต่อมาเมื่อยุค GenAI มาถึง Scale AI ก็ยิ่งโดดเด่นขึ้นไปอีกขั้น จนได้ชื่อว่าเป็น “มือหนึ่งเรื่องข้อมูลคุณภาพสูง” ปัจจุบันให้บริการลูกค้ากว่า 300 รายทั่วโลก ตั้งแต่ OpenAI, Meta, Microsoft, Google, Amazon, ไปจนถึงองค์กรยักษ์ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ อย่าง SAP และ Toyota

บทบาทใหม่ใน “Superintelligence”

ที่ผ่านมา เส้นทางการระดมทุนของ Scale AI นั้นไม่ธรรมดา และก็มีส่วนช่วยผลักดันให้ Alexandr Wang ขึ้นแท่นเป็นมหาเศรษฐีตั้งแต่อายุยังน้อย

  • สิงหาคม ปี 2019: ขึ้นแท่นเป็นสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์น มูลค่าเกิน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากระดมทุนซีรีส์ C มูลค่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นำโดย Founders Fund ของ Peter Thiel
  • ธันวาคม ปี 2020: ระดมทุนรอบซีรีส์ D มูลค่า 155 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดันมูลค่าบริษัททะยานสู่ 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นำลงทุนโดย Tiger Global
  • เมษายน ปี 2021: ทุบสถิติอีกครั้ง ในการระดมทุนรอบซีรีส์ E ด้วยมูลค่ากว่า 325 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดันมูลค่าบริษัทเป็น 7,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และทำให้ Alexandr Wang กลายเป็นมหาเศรษฐีพันล้านที่อายุน้อยที่สุดในโลก ตอนอายุแค่ 24
  • พฤษภาคม ปี 2024: ระดมทุนซีรีส์ F มูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก Accel และพันธมิตรรายใหญ่ เช่น Nvidia, Amazon และ Meta ทำให้บริษัทมีมูลค่าทะลุ 13,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • มิถุนายน ปี 2025: Meta เขย่าวงการด้วยการทุ่มลงทุนมูลค่ากว่า 14,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อถือหุ้น 49% ใน Scale AI ซึ่งดันมูลค่าบริษัทขึ้นไปที่ 29,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐทันที

ส่วนสำคัญที่สุด คือ ดีลแห่งปีที่ Meta เข้าลงทุนครั้งนี้ หลายฝ่ายมองว่าเป็นการซื้อกิจการแฝง (Non-Acquisition Acquisition) เพราะ Meta ไม่ได้ซื้อขาด แต่ได้ทุกอย่าง ทั้งสิทธิพิเศษในการเข้าถึงข้อมูล และที่สำคัญที่สุดคือ ได้ตัว Alexandr Wang ไปร่วมทีม

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง:

ภายใต้ดีลนี้ Alexandr Wang ต้องก้าวลงจากตำแหน่งซีอีโอของ Scale AI แล้วไปรับตำแหน่งใหม่เป็น Chief AI Officer คนแรกของ Meta โดยตรง ทำงานขึ้นตรงกับ Mark Zuckerberg พร้อมกับรับหน้าที่นำทีม “Meta Superintelligence Labs” หรือ MSL ทีมวิจัยขนาด 50 คนที่มีเป้าหมายสร้าง “Superintelligence” หรือ AI ที่ฉลาดกว่ามนุษย์

ทั้งหมดนี้ที่ Meta ยอมทุ่ม จนเรียกว่าเป็นดีลที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์วงการเทคโนโลยี จ่ายหลายหมื่นล้านเพื่อซื้อตัวคนคนเดียวมาร่วมงาน ซึ่งหลังจากจีบ Alexandr Wang สำเร็จ ก็ไม่หยุดทุ่มต่ออีกหลายหมื่นล้านล่าหัวกะทิไปทำงานด้วยต่อเนื่อง

ที่มา: Forbes [1][2][3][4], Fortune, The Week, Time, Entrepreneur, TED, Leader Biography, Scale AI, The Information, Yahoo! Finance, Financial Times

ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : รู้จัก Alexandr Wang เด็กหนุ่มที่รวยด้วยสมอง ไม่ต้องรอใบปริญญา มหาเศรษฐีอายุน้อยที่สุดในโลก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Thairath Money

ราคาทองวันนี้ล่าสุด 9 สิงหาคม 2568 ไม่เปลี่ยนแปลง ราคาทองรูปพรรณ บาทละ 52,750 บาท

1 วันที่แล้ว

NT ออกจากแผนฟื้นฟูกิจการสำเร็จ โชว์กำไรครึ่งปีแรก 4,110 ล้านบาท

1 วันที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

ไอคอนสยาม พร้อมเสิร์ฟความสุขรับวันแม่

เดลินิวส์

รัฐบาลโวไทยครองแชมป์ซอฟต์พาวเวอร์รวยวัฒนธรรมที่สุดในเอเชีย

ไทยโพสต์

“โบ ไฮนส์” ผอ. “crypto council” ประกาศลาออก กลับไปทำงานในภาคเอกชน

การเงินธนาคาร

สรรพากร ออก 3 มาตรการภาษี ช่วยผู้ได้รับผลกระทบชายแดนไทย–กัมพูชา

PPTV HD 36

วิ่งมอเตอร์เวย์ M81 ฟรี ช่วงวันหยุดยาว 8-13 ส.ค.นี้

PPTV HD 36

จีนพัฒนาวัสดุใหม่ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเซลล์แสงอาทิตย์อินทรีย์

เดลินิวส์

เข้าคุกยกแก๊ง!! พลิกทุกแง่มุมคดีปั่นหุ้น MORE

สยามรัฐ

ไขข้อข้องใจ ภัยจาก “สงคราม” ประกันภัยคุ้มครองหรือไม่ การจ่ายค่าสินไหมกรุณา ฝ่าฝืนกฎหมายหรือเปล่า

เดลินิวส์

ข่าวและบทความยอดนิยม

Alexandr Wang แห่ง Scale AI ว่าที่ Elon Musk คนต่อไป ? ทำไม Meta ทุ่มเงินมหาศาลเพื่อร่วมงานด้วย

Thairath Money

รู้จัก “Superintelligence” โปรเจกต์ใหม่จาก Meta ที่ทำให้ Mark ทุ่มทุนล่าหัวกะทิจาก OpenAI

Thairath Money

Meta ตั้งทีม Superintelligence Labs ปรับตัวรับศึก AI

Thairath Money
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...