เข้าคุกยกแก๊ง!! พลิกทุกแง่มุมคดีปั่นหุ้น MORE
นี่คือคดีสะเทือนวงการตลาดทุนไทยที่มูลค่าความเสียหายสูงทะลุ 4,500 ล้านบาท
คดีปั่นหุ้นบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ “MORE” ไม่เพียงแต่ทำให้ชื่อของบริษัทถูกจารึกในหน้าประวัติศาสตร์ด้านมืดของตลาดหลักทรัพย์ แต่ยังลากเอากลุ่มบุคคลและนิติบุคคลจำนวนมากเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และบางคนต้องเดินคอตกเข้าเรือนจำตั้งแต่วันแรกที่ศาลประทับรับฟ้อง
เรื่องเริ่มขึ้นในเช้าวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 ช่วงเปิดตลาดหุ้น บรรยากาศที่ควรเป็นไปตามกลไกปกติกลับพลิกผันอย่างผิดสังเกต คำสั่งซื้อหุ้น MORE ทะลักเข้ามาอย่างมหาศาล ดันราคาหุ้นพุ่งขึ้นรวดเร็วเกินเหตุ ก่อนที่ไม่นานนักจะมีคำสั่งขายถาโถมกลับ ทำให้ราคาดิ่งลงอย่างรุนแรงในพริบตา เหตุการณ์นี้ทำให้หลายบริษัทหลักทรัพย์ที่ให้วงเงินซื้อขาย (Credit Line) กับกลุ่มผู้เล่นในตลาดต้องรับเคราะห์หนัก เพราะคำสั่งซื้อจำนวนมากถูกจับคู่เรียบร้อยแล้ว แต่ผู้ซื้อตัวจริงกลับไม่มีเงินชำระค่าหุ้น ทิ้งภาระหนี้สินก้อนโตให้โบรกเกอร์แบกรับ
ความผิดปกติที่ชัดเจนนี้ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ต้องเร่งลุยตรวจสอบทันที ข้อมูลการซื้อขายถูกแกะรอยอย่างละเอียดและพบว่ามีลักษณะเป็น “ขบวนการ” ที่วางแผนมาอย่างเป็นระบบ ทั้งการสร้างราคาหุ้น การเพิ่มปริมาณซื้อขาย และการเทขายเพื่อสร้างความเสียหาย ก.ล.ต. จึงส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) รับเป็นคดีพิเศษ ขณะเดียวกัน สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ก็เข้ามาตรวจเส้นทางการเงินเพื่อตามอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง
เมื่อทีมสืบสวนของ DSI, ปปง. และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ร่วมกันต่อจิ๊กซอว์พยานหลักฐาน ภาพของขบวนการก็ชัดเจนขึ้น มีทั้งบุคคลและนิติบุคคลหลายสิบรายเกี่ยวข้องกันอย่างเป็นเครือข่าย มีการสมคบกันเพื่อปั่นราคาหุ้น MORE ให้ผิดไปจากสภาพความเป็นจริง และใช้ช่องว่างของระบบการซื้อขายเครดิตไลน์เป็นเครื่องมือก่อเหตุ
ก.ล.ต. จึงกล่าวโทษต่อ DSI และ บก.ปอศ. เป็นระยะ ๆ เพื่อดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง จนในที่สุด DSI สรุปสำนวนส่งให้อัยการสูงสุด และอัยการสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมด 42 ราย ในข้อหาหนัก ได้แก่ การสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ (ปั่นหุ้น), การฉ้อโกงประชาชน และการร่วมกันเป็นอั้งยี่ซ่องโจร
ภาพที่หลายคนยังจำได้ติดตา คือวันที่ผู้ต้องหาจำนวน 28 รายเดินทางไปศาลอาญาเพื่อรับฟังคำสั่งฟ้อง และจบลงด้วยการที่ศาลประทับรับฟ้องพร้อมมีคำสั่งไม่ให้ประกันตัว ผลคือทั้งหมดถูกส่งตัวเข้าเรือนจำทันที สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ววงการการเงินการลงทุน
คดีนี้ไม่เพียงสร้างรอยแผลทางเศรษฐกิจจากความเสียหายกว่า 4,500 ล้านบาทที่บริษัทหลักทรัพย์ต้องรับผิดชอบ แต่ยังเป็นการตอกย้ำปัญหาความเชื่อมั่นในตลาดทุน นักลงทุนจำนวนไม่น้อยตั้งคำถามต่อระบบกำกับดูแลว่ามีช่องโหว่ให้ขบวนการลักษณะนี้ใช้ประโยชน์ได้อย่างไร ขณะเดียวกัน หน่วยงานกำกับก็ถือโอกาสใช้คดีนี้เป็นตัวอย่างของการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด เพื่อส่งสัญญาณชัดเจนว่าการปั่นหุ้นจะไม่ถูกมองข้าม
แม้ปัจจุบันคดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล แต่สิ่งที่ชัดแล้วคือ คดีปั่นหุ้น MORE จะถูกจารึกไว้เป็นหนึ่งในคดีการเงินครั้งใหญ่ของไทย ที่มีทั้งบทเรียนราคาแพงและคำเตือนแก่ผู้เล่นในตลาดว่า เส้นบาง ๆ ระหว่างการลงทุนกับการกระทำผิดนั้นมีอยู่จริง และก้าวพลาดเพียงครั้งเดียว อาจต้องจ่ายด้วยอิสรภาพของตัวเอง
#ปั่นหุ้นMORE #คดีการเงิน #ตลาดหลักทรัพย์ #ข่าวเศรษฐกิจ #หุ้นไทย #DSI #กองปราบ #กฎหมายตลาดทุน #MORE