ทุจริตฝังรากลึก โพลชี้สุดรุนแรง ลามถึง‘ศาสนา’
ผลโพลตอกหน้ารัฐบาล คนไทย 93.47% ชี้ทุจริตโกงกินยุคนี้รุนแรงมาก ซ้ำร้าย 78.50% ไม่เชื่อมั่นการตรวจสอบและลงโทษ นักวิชาการระบุลามไปทุกสถาบันไม่เว้นศาสนา หากปล่อยให้หยั่งรากลึก การสร้างนิติรัฐและความยุติธรรมแท้จริงย่อมได้แต่ฝัน
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่องการทุจริตในสังคมไทย ณ วันนี้ ซึ่งสอบถามกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,163 คน โดยเมื่อถามว่า ประชาชนคิดว่าปัญหาการทุจริตในสังคมไทยปัจจุบันมีความรุนแรงเพียงใด พบว่า 93.47% รุนแรงมาก และ 6.53% ไม่ค่อยรุนแรง
ถามต่อว่า ประชาชนเชื่อมั่นต่อกระบวนการตรวจสอบและลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตในปัจจุบันหรือไม่ พบว่า 78.50% ไม่เชื่อมั่น และ 21.50% เชื่อมั่น ทั้งนี้ เมื่อถามว่าประชาชนคิดว่ารัฐบาลสามารถแก้ไขปัญหาการทุจริตได้หรือไม่ พบว่า 68.96% ไม่สามารถแก้ไขได้ และ 31.04% แก้ไขได้บ้าง ส่วนกรณีประชาชนคิดว่าการป้องกันและปราบปรามการทุจริตควรเน้นไปที่แนวทางใดมากที่สุด พบว่า 69.91% ทุกหน่วยงานควรเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะอย่างโปร่งใส, 69.05% บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และ 63.20% ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ
สวนดุสิตโพลยังถามว่า ประชาชนกังวลเรื่องการทุจริตในด้านใดมากที่สุด พบว่า 86.93% งบประมาณภาครัฐ, 69.48% กิจการศาสนาและมูลนิธิ, 61.65% การบริหารท้องถิ่น/ชุมชน สุดท้ายเมื่อถามว่าความในใจที่ประชาชนอยากบอกเกี่ยวกับการทุจริตในสังคมไทย ณ วันนี้ พบว่า 43.38% การทุจริตมีอยู่ในทุกวงการทั้งภาครัฐ เอกชน และองค์กรศาสนา จึงควรเร่งแก้ไข, 38.77% ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง มีบทลงโทษที่เด็ดขาด ไม่เลือกปฏิบัติ และ 33.85% การทุจริตเกิดจากระบบอุปถัมภ์
น.ส.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า ผลสำรวจสะท้อนว่าปัญหาการทุจริตยังคงเป็นเงามืดที่ปกคลุมสังคมไทย ศาสนาซึ่งเคยเป็นที่พึ่งทางใจก็ยังไม่พ้นข้อครหาเรื่องการทุจริต ยิ่งเมื่อประชาชนต้องพบข่าวทุจริตทั้งเล็กและใหญ่แทบทุกวัน ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่าปัญหานี้รุนแรงและไร้ความเชื่อมั่นต่อการแก้ไข หากปล่อยให้ปัญหายืดเยื้อ ในที่สุดปัญหาการทุจริตอาจกลายเป็นแรงกดดันรุมเร้าจนสั่นคลอนรัฐบาลก็เป็นได้
อาจารย์ ดร.งามประวัณ เอ้สมนึก อาจารย์ประจำหลักสูตรนิติศาสตร์ โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า ผลสำรวจชี้ให้เห็นสภาวะที่น่ากังวลอย่างยิ่ง ประชาชนกว่า 93% มองว่าการทุจริตมีความรุนแรง และกว่า 78% ไม่เชื่อมั่นในกระบวนการตรวจสอบและลงโทษผู้กระทำผิด ความกังวลใหญ่ที่สุดอยู่ที่การใช้งบประมาณภาครัฐ แต่สิ่งที่สะท้อนความบอบช้ำของสังคมได้อย่างลึกซึ้งกว่านั้นคือ การที่ประชาชนถึง 69.48% แสดงความกังวลต่อการทุจริตในแวดวงศาสนาและมูลนิธิ อันเป็นสถาบันที่ควรเป็นแหล่งบ่มเพาะศีลธรรมและคุณธรรมของสังคม การที่สถาบันซึ่งควรเป็นหลักยึดเหนี่ยวทางจิตใจยังไม่อาจรอดพ้นจากข้อครหาการทุจริต ย่อมสะท้อนว่าการทุจริตได้หยั่งรากลึกในทุกหย่อมหญ้า ไม่มีพื้นที่ใดที่ปลอดภัยแม้แต่ในศาสนสถาน
“ผลลัพธ์เช่นนี้มิใช่เพียงการรับรู้ปัญหาเชิงโครงสร้าง แต่คือความสิ้นหวังที่ประชาชนเริ่มมีต่อทุกสถาบันของสังคม ไม่ว่าจะเป็นรัฐ การเมือง หรือแม้แต่ศาสนา เมื่อประชาชนหมดศรัทธาต่อทั้งระบบการตรวจสอบและสถาบันที่ควรเป็นศูนย์รวมทางจิตวิญญาณ ย่อมทำให้ความเชื่อมั่นในอนาคตของประเทศถูกสั่นคลอนอย่างรุนแรง คำเตือนสำคัญจากผลโพลครั้งนี้คือ หากสังคมไทยยังปล่อยให้วัฒนธรรมการทุจริตหยั่งรากลึก การสร้างนิติรัฐและความยุติธรรมแท้จริงย่อมเป็นเพียงความฝันที่ห่างไกล”.