คาด ‘เฟด’ คงดอกเบี้ย รอดูตัวเลขเศรษฐกิจ กังวลภาษีทรัมป์ กระทบ ’เงินเฟ้อ‘
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด มีแนวโน้มที่จะ “คงอัตราดอกเบี้ย” ไว้เท่าเดิม ในการประชุมนโยบายสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างความไม่พอใจให้กับประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” อย่างไรก็ตาม อาจจะมีกรรมการเฟดอย่างน้อย1-2 คนที่ไม่เห็นด้วยกับมติส่วนใหญ่ และอาจจะลงคะแนนเสียงคัดค้านเพื่อ สนับสนุนการลดอัตราดอกเบี้ย
กังวลภาษีทรัมป์กระทบ ‘เงินเฟ้อ’
ผู้กำหนดนโยบายส่วนใหญ่ของเฟดยังคงกังวลว่า มาตรการภาษีของทรัมป์ อาจส่งผลกระทบต่อ “เงินเฟ้อ” ในการกลับสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%
หลังจากที่ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าใน “วันปลดแอก” ผลกระทบก็เริ่มปรากฏให้เห็นในการจับจ่ายใช้สอยของครัวเรือน การที่ราคาสินค้าอย่างเครื่องตกแต่งบ้านและเครื่องแต่งกายพุ่งสูงขึ้น ได้ส่งผลให้อัตรา เงินเฟ้อของผู้บริโภคในเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นถึง 3.5% ต่อปี
ข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐกับหลายประเทศเริ่มประกาศออกมาก่อนวันที่ 1 ส.ค. โดยสหรัฐประกาศขึ้นภาษีนำเข้าญี่ปุ่นที่15% รวมถึงความคืบหน้าในการเจรจากับสหภาพยุโรปที่คาดว่าจะได้อัตราใกล้เคียงกัน
หลังจากที่เพิ่งเจอกับ เงินเฟ้อที่พุ่งสูงที่สุดในรอบ 40 ปี เจ้าหน้าที่ที่ดูแลนโยบายหลายคนกังวลว่า ราคาที่ขึ้นเร็วเกินไปอาจทำให้คนทั่วไป "ตกใจ" เหมือนที่ประธานเฟดสาขาชิคาโก Austan Goolsbee เคยกล่าวถึง การจุดชนวนให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้นเป็นวงกว้าง
เฟดรอดูข้อมูล ก่อนลดดอกเบี้ย
ประธานเฟด “เจอโรม พาวเวลล์” เผยว่านี่เป็นแค่หนึ่งในหลาย ๆ สถานการณ์ที่เป็นไปได้ แต่เขาก็แย้งว่า เฟดสามารถรอข้อมูลเพิ่มได้ ก่อนที่จะตัดสินใจปรับอัตราดอกเบี้ย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ อัตราการว่างงานอยู่ที่ 4.1% ซึ่งถือว่า ใกล้เคียงหรือต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้
ข้อมูลอื่น ๆ และแนวโน้มเศรษฐกิจในภาพรวมภายใต้แผนงานเศรษฐกิจของทรัมป์ ซึ่งรวมถึงการลดภาษีและการผ่อนคลายกฎระเบียบ ทำให้เกิดความคิดเห็นของ FOMC แตกต่างกัน
ทำไมเฟดควรลดดอกเบี้ย
นักวิเคราะห์จาก Nomura Securities คาดการณ์ว่าจะเป็นครั้งแรกในรอบ 32 ปี ตั้งแต่ปี 1993 ที่กรรมการเฟดสองคนจะโหวตคัดค้านพร้อมกัน พร้อมระบุว่า "เมื่อพิจารณาถึงความเห็นที่แตกต่างอย่างชัดเจนในแนวโน้มนโยบายระยะใกล้ระหว่าง ผู้ว่าการเฟด คริสโตเฟอร์ และ รองประธานเฟดด้านการกำกับดูแล มิเชล โบว์แมน กับผู้เข้าร่วม FOMC คนอื่น ๆ คาดว่าทั้งวอลเลอร์และโบว์แมนจะ โหวตคัดค้านเพื่อสนับสนุนการลดอัตราดอกเบี้ย 0.25%“
วอลเลอร์ หนึ่งในผู้ที่อาจขึ้นมาเป็นประธานเฟดคนต่อไปแทนพาวเวลล์มองว่า การจ้างงานในภาคเอกชนกำลังจะหยุดชะงัก และกังวลว่าบริษัทต่าง ๆ อาจต้อง ปลดพนักงาน หากสภาวะสินเชื่อตึงตัว
ในเดือนมิ.ย. การจ้างงานในภาคเอกชนคิดเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของจำนวนงานที่เพิ่มขึ้นทั้งหมด 147,000 ตำแหน่งในสหรัฐ และวอลเลอร์กล่าวว่าข้อมูลอื่น ๆ ชี้ให้เห็นว่าตัวเลขนี้ อาจประเมินการเพิ่มขึ้นที่แท้จริงสูงเกินไป ดังนั้นโบว์แมนรู้สึกว่าอาจจำเป็นต้องมีการ ลดดอกเบี้ย เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์แย่ลง และไม่เชื่อว่ามาตรการภาษีจะนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อยาวนาน
///