ยอดขาย “Green Bonds” ทั่วโลกร่วง 32% ท่ามกลางแรงกดดันจากนโยบายสหรัฐ-อียู
ยอดขาย "Green Bonds" ทั่วโลกร่วง 32% ขณะที่บรรยากาศการลงทุนเผชิญแรงกดดันจากความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบ ESG โดยเฉพาะจากการถอยหลังนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลทรัมป์
วันที่ 23 กรกฎาคม 2568 เวลา 17.06 น. สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ยอดขายพันธบัตรสีเขียว (Green Bonds) ที่ออกโดยรัฐบาล ธนาคาร และบริษัทต่าง ๆ ลดลงเกือบ 1 ใน 3 ในปี 2568 ท่ามกลางกระแสการย้อนกลับนโยบายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในสหรัฐและยุโรป
ข้อมูลจากบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Fitch Ratings ระบุว่า การออกพันธบัตรที่มีการระบุวัตถุประสงค์เพื่อความยั่งยืน (labelled bonds) โดยรวม ซึ่งรวมถึงพันธบัตรด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) รูปแบบอื่น ๆ ด้วย ลดลง 25% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เหลือเพียง 440,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในไตรมาส 2 ก็ถือเป็นไตรมาสที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่ปี 2562
สำหรับ พันธบัตรสีเขียว ซึ่งเงินที่ได้จะนำไปใช้เฉพาะในโครงการด้านสิ่งแวดล้อมหรือภูมิอากาศนั้น ลดลงเกือบ 100,000 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 32% ขณะที่สัดส่วนของพันธบัตร ESG ทั้งหมดเมื่อเทียบกับตลาดพันธบัตรทั่วโลก ลดลงมาอยู่ที่ 10.2% จาก 11.7% เมื่อปี 2567
การชะลอตัวดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่รัฐบาลสหรัฐภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถอนตัวจากความตกลงด้านความยั่งยืนระดับโลกหลายฉบับ และยกเลิกมาตรฐานสิ่งแวดล้อมหลายประการ
ขณะเดียวกันฝ่ายนโยบายของสหภาพยุโรปก็กำลังเจรจาเพื่อผ่อนคลายกฎการรายงานด้านความยั่งยืนของภาคธุรกิจสำหรับบริษัทส่วนใหญ่ในภูมิภาค
Fitch ระบุว่า ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อตลาดพันธบัตรกลุ่มนี้คือความไม่แน่นอนในการลงทุนด้านเงินทุน (capital expenditure) ซึ่งเกิดจากความท้าทายทางเศรษฐกิจมหภาคและความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์
"ความไม่แน่นอนอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับกฎระเบียบ ESG ทั้งจากการเลื่อนบังคับใช้และการย้อนกลับนโยบายในสหรัฐและสหภาพยุโรป อาจทำให้ผู้ออกพันธบัตรชะลอการออกตราสารจนกว่าจะเห็นความชัดเจนด้านกฎระเบียบ"
อ้างอิง : www.reuters.com