เจาะแผน CPANEL ดันครึ่งปีหลัง 68 รายได้โต พร้อมลุยงานรัฐ-เอกชน CPANEL
นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) หรือ CPANEL ผู้ผลิตแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูประบบอัตโนมัติ (Fully Automated Precast) ประกาศเดินเกมเชิงรุกในครึ่งปีหลัง 2568 ด้วยกลยุทธ์ที่ชัดเจนคือการ รุกขยายฐานลูกค้าภาครัฐและเอกชน สร้างรายได้สม่ำเสมอ พร้อมบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ท่ามกลางกำลังการผลิตที่ยังมีพื้นที่ว่างรองรับงานใหม่ได้ทันที
แม้ปัจจุบันเศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ และตลาดเอกชนบางส่วนยังชะลอการลงทุน แต่ CPANEL กลับมองเห็นโอกาสในภาครัฐที่ต้องการวัสดุก่อสร้างคุณภาพสูง โดยเฉพาะงานที่พักอาศัยข้าราชการ โรงพยาบาล และสถานศึกษา ซึ่งตอบโจทย์ผลิตภัณฑ์ของบริษัททั้งในเรื่องมาตรฐาน ความทนทาน และการติดตั้งรวดเร็ว
“ตอนนี้เรามีแบ็คล็อกอยู่ 1,311.36 ล้านบาท แบ่งเป็นงานภาครัฐและเอกชนฝั่งละ 50% ซึ่งเรามั่นใจว่าสามารถรับรู้รายได้ต่อเนื่องในครึ่งปีหลังได้เต็มที่ และจะช่วยดันรายได้ให้กลับเข้าสู่ระดับปกติ” นายชาคริตกล่าว
เขายังเน้นยํ้าว่า ในส่วนของงานภาครัฐมีจุดแข็งที่แม้โครงการจะไม่ได้ใหญ่เสมอไป แต่มีความสม่ำเสมอ และหากบริษัทสามารถกลายเป็นซัพพลายเออร์หลักในแต่ละหน่วยงานได้ ก็เปรียบเสมือนกลายเป็น “สินค้าประจำ” ที่ลูกค้ารู้จักและเชื่อมั่น
อีกหนึ่งประเด็นที่ CPANEL ให้ความสำคัญคือการนำเสนอ “โซลูชัน” มากกว่าการขายสินค้าแบบทั่วไป โดยบริษัทไม่ได้เพียงแค่จำหน่ายแผ่นพรีคาสต์เท่านั้น แต่ยังวางระบบประกอบติดตั้ง มีคู่มือมาตรฐานกว่า 400 หน้า รองรับการใช้งานทุกสถานการณ์ พร้อมเป็นที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมให้แก่ลูกค้าในโครงการขนาดต่าง ๆ ทั่วประเทศ
“ลูกค้าที่ซื้อจากเราไม่ได้ซื้อแค่แผ่นพรีคาสต์ แต่เขาซื้อโซลูชันซื้อระบบ ซื้อความเชื่อมั่น และซื้อประสบการณ์ของเรา เราเป็นเหมือนทีมที่เข้าไปช่วยเขาทำให้งานเสร็จเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด”
CPANEL ยังมองว่า การบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และการรักษาสภาพคล่องเป็นปัจจัยสำคัญในปีนี้ โดยบริษัทมุ่งจัดการกระแสเงินสดให้รัดกุม พร้อมเลือกคัดลูกค้าให้เหมาะสม ทั้งด้านคุณภาพการทำงาน ความรับผิดชอบทางการเงิน และศักยภาพของโครงการ
อีกทั้งยังเปิดเผยว่า บริษัทยังไม่มีจำเป็นต้องลงทุนเพิ่มในช่วงนี้ เพราะมีกำลังผลิตเหลือพอรองรับงานจำนวนมาก โดยนายชาคริตเผยว่า CPANEL คือบริษัทเดียวในไทยที่นำเทคโนโลยีโรบอติกส์มาใช้ในระบบ Precast อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมด้วยเอกสารคู่มือมาตรฐานที่ผ่านการทำงานร่วมกับภาครัฐมายาวนาน จนได้รับการยอมรับในระดับประเทศ
สำหรับทิศทางครึ่งปีหลัง บริษัทวางเป้าขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มโครงการเอกชนในกลุ่มท่องเที่ยวและค้าปลีก ตลอดจนโครงการที่พักแนวราบระดับลักชัวรีที่สามารถรับรู้รายได้เร็ว ในขณะเดียวกันยังคงรักษาฐานลูกค้าเดิมในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ไว้ด้วยความสัมพันธ์ระยะยาว
ขณะเดียวกัน CPANEL ยังเตรียมแผนรุกขยายฐานลูกค้าในระดับภูมิภาค โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีโครงการก่อสร้างภาครัฐทยอยเปิดประมูลมากขึ้น เช่น อาคารสาธารณูปโภค โรงพยาบาล และสถานศึกษา ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ของตนสามารถตอบโจทย์เรื่องความเร็ว ประหยัดแรงงาน และควบคุมคุณภาพได้ตรงตามข้อกำหนดของราชการ
“เราเข้าใจข้อจำกัดของงานภาครัฐ ทั้งด้านเวลา ความปลอดภัย และการประสานกับชุมชน เพราะฉะนั้นเราวางระบบและออกแบบทุกอย่างให้สอดคล้องกับมาตรฐานราชการตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อให้ลูกค้าไม่ต้องกังวลเรื่องใดๆ”
แม้สถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมจะยังไม่เอื้อเต็มที่ แต่ CPANEL มองว่า “วิกฤต” คือโอกาสสำหรับคนที่พร้อมปรับตัว โดยเฉพาะการหาตลาดใหม่และ use case ใหม่ของผลิตภัณฑ์เดิม ซึ่งเป็นจุดแข็งของบริษัทที่มีความยืดหยุ่นสูง
“เราต้องขยาย use case ของสินค้าให้มากขึ้น เช่น ใช้กับอาคารสำนักงาน โรงแรม หรือบ้านที่ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตก็ใช้ได้ เป็นการหาตลาดใหม่ที่ไม่ต้องลงทุนเพิ่ม แต่เพิ่มรายได้ได้จริง เราเชื่อว่าเทคโนโลยีและประสบการณ์ของเราจะเป็นคำตอบให้กับลูกค้าในยุคที่ต้องการความคุ้มค่าและไว้วางใจได้” นายชาคริตกล่าวทิ้งท้าย
หน้า 20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,115 วันที่ 20 - 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2568