เขมรวางระเบิดใหม่ ทหารไทยเจ็บ3ละเมิด‘อนุสัญญาออตตาวา’กห.จ่อประท้วง
"มทภ.2" สั่งดูแลสิทธิ-สวัสดิการ ปูนบำเหน็จทหารเหยียบกับระเบิดข้อเท้าขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญ-เงินช่วยเหลือกว่าล้านบาท “ทบ.” ขอเวลา 2-3 วันตรวจสอบกัมพูชานำ "ทุ่นระเบิดใหม่" มาใช้หรือไม่ ยก "อนุสัญญาออตตาวา" รมช.กลาโหมชี้หากพบเป็นกับดักใหม่เป็นการละเมิด MOU ขณะที่ “นปท.3” ยันได้กวาดล้างทำลายไปหมดแล้ว
เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม กองทัพภาคที่ 2 รายงานความคืบหน้ากรณีเมื่อวันที่ 16 ก.ค.68 เวลา 13.30 น. กำลังพลจากหน่วยร้อย ร.6021 ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการสนามในพื้นที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนจากฐานปฏิบัติการมรกตไปยังเนิน 481 เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย
โดยทั้งหมดได้ถูกนำส่งโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ และอาการล่าสุดปลอดภัยแล้ว ผู้ได้รับบาดเจ็บประกอบด้วย 1.พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน (หน่วย ร้อย ร.6021) ได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้อเท้าซ้ายขาด ไม่มีอาการหอบเหนื่อย รู้สึกตัวดี ได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยการให้น้ำเกลือและให้ออกซิเจน ก่อนจะถูกนำขึ้นเฮลิคอปเตอร์เพื่อส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์อย่างเร่งด่วน
ล่าสุด พลฯ ธนพัฒน์ได้เข้ารับการผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว และอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด โดยเน้นย้ำเรื่องการป้องกันการติดเชื้อที่บาดแผลเป็นพิเศษ 2.ส.อ.ปฏิพัทธิ์ ศรีลาศักดิ์ (หน่วยร้อย ร.6021) ได้รับแรงระเบิด มีอาการแน่นหน้าอก รู้สึกตัวดี ขณะนี้อยู่ระหว่างการส่งตัวโดยเฮลิคอปเตอร์ไปยังโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ 3.พลฯ ณัฐวุฒิ ศรีเข้ม (หน่วยร้อย ร.6021) ได้รับแรงระเบิด มีอาการแน่นหน้าอก รู้สึกตัวดี และได้ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ผู้บาดเจ็บทั้งสามนายได้เข้ารับการรักษาตัวในหวอดราชการสนามโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทุกนายมีอาการปลอดภัย โดยระบบการรักษาพยาบาลของกองทัพบกได้ดำเนินการอย่างเป็นมาตรฐานและทันท่วงที เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและการดูแลรักษาที่ดีที่สุดแก่กำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติ
มีรายงานจากหน่วยปฏิบัติการต่อต้านทุ่นระเบิด (นปท.) จากเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดในพื้นที่ช่องบกเมื่อวันที่ 16 ก.ค.นั้น ในพื้นที่สีเขียว คือแนวสนามทุ่นระเบิดที่ได้กวาดล้าง ทำลายหมดแล้วโดย นปท.3 และจากการพิสูจน์ด้วยภาพรายงานคือทุ่นระเบิด PMN-2 ที่เป็นทุ่นใหม่ จึงคาดว่าจะเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ โดยก่อนหน้านี้ 15 ก.ค.2568 มีรายงานว่า เหตุการณ์ที่ ทหารร้อย.ร.6021 พัน.RDF จัดกำลังพลลาดตระเวนเจาะเส้นทางจากต้นพญาสัตบรรณ ไปยังฐานปฏิบัติการตัว T โดยได้ตรวจพบวัตถุระเบิดชนิด PMN2 ผลิตโดยรัสเซีย ซึ่งเป็นระเบิดใหม่ จำนวน 1 ลูก พิกัด 48P WA 21507 86176 (จุดเขียว) ต่อมาตรวจพบระเบิดชนิด PMN2 จำนวน 3 ลูก พิกัด WA 21907 858869 (จุดแดง) ชุด ช. ร้อย.ร.6021 จึงทำการถอนตัว เนื่องจากพบสนามทุ่นระเบิด ไม่สามารถเคลื่อนที่ต่อไปได้
2-3 วันรู้ผลแหล่งที่มาระเบิด
ขณะที่กองทัพภาคที่ 2 ได้ออกเอกสารข่าวชี้แจงกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์กำลังพลประสบเหตุจากการเหยียบกับระเบิดในพื้นที่ช่องบก โดยมีข้อสันนิษฐานว่าเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่นั้น กองทัพภาคที่ 2 ขอชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า กำลังพลจากหน่วยร้อย ร.6021 ได้ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก และประสบเหตุเหยียบกับระเบิด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย หน่วยจึงได้ดำเนินการถอนกำลังออกจากพื้นที่เกิดเหตุทันที เพื่อเร่งนำผู้ได้รับบาดเจ็บส่งรักษาที่ รพ.ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ โดยในขณะนั้นยังไม่ได้ทำการพิสูจน์ทราบพื้นที่ เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดอันตรายเพิ่มเติม
ต่อมาในช่วงบ่ายของวันที่ 17 ก.ค. พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้หน่วยเก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิดเข้าดำเนินการตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุอย่างละเอียด พร้อมเก็บรวบรวมหลักฐาน เพื่อส่งให้หน่วยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดทำการวิเคราะห์ว่า ทุ่นระเบิดดังกล่าวเป็นชนิดใด และมีแหล่งที่มาอย่างไร รวมถึงพิจารณาว่าเป็นการวางไว้นานแล้ว หรือเป็นการกระทำล่าสุด กองทัพภาคที่ 2 ขอให้รอผลการตรวจสอบอย่างเป็นทางการ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน
รายงานจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะเป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดยได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯ จากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวมเงินรายเดือนจากหน่วยงาน/องค์กรต่างๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงินรวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) ได้รับเงินก้อนจากหน่วยงาน/องค์กรต่างๆ รวม 1,047,150 บาท (โดยประมาณ)
พร้อมทั้งบรรจุทายาททดแทน พี่สาว ได้ 1 คน เป็นอัตรานายสิบ และหลังจากปลดพิการ สามารถขอรับสิทธิ์เข้าร่วมโครงการตามมาตรา 35 (3) หรือ 35 (7) ได้รับเหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้น 2 ประเภท 1 พร้อมกันนี้ยังได้รับบัตรทหารผ่านศึก ชั้น 3 (ลดค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเดินทางตลอดชีวิต
พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า รายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐานมาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบ
ละเมิด 'อนุสัญญาออตตาวา'
"หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดนจะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชาได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ.2542" พล.ต.วินธัยกล่าว
ขณะที่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ได้กำชับชุดลาดตระเวนตามแนวชายแดนเพิ่มความระมัดระวัง ขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบอยู่ว่ากับระเบิดดังกล่าวเป็นของเก่าหรือของใหม่ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นของเก่าที่ยังเก็บกู้ไม่หมด แต่ได้ประสานไปยังกองทัพกัมพูชาให้เร่งเก็บกู้แล้ว อย่างไรก็ตาม หากตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นกับดักใหม่ เท่ากับว่ากัมพูชาละเมิด MOU 43 ที่ระบุ ชัดเจนว่าจุดนี้เป็นพื้นที่ห้ามเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศหรือใช้อาวุธ ก็จะต้องมีประท้วงกลับไปอย่างแน่นอน
"ยืนยันว่า MOU 43 เป็นความตกลงร่วมกันในการพื้นที่ทับซ้อน หากยกเลิกเท่ากับว่าเราอภัยโทษให้กับทุกความผิดที่กัมพูชากระทำมาในอดีต เรื่องนี้กระทรวงต่างประเทศไม่อยากให้ผมพูด เพราะอาจไปกระทบกับส่วนอื่นๆ แต่หากไม่พูดอะไรเลยสังคมก็จะไม่เข้าใจ และยังพยายามเรียกร้องให้ยกเลิก MOU" พล.อ.ณัฐพลกล่าว
ที่ฐานปฏิบัติภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ กองทัพบกนำสื่อมวลชนลงพื้นที่ภายหลังมีกระแสข่าวภูมะเขือถูกทหารกัมพูชายึด พ.ท.จักรกฤษณ์ ขุริรัง ผบ.พัน ร.11 รับผิดชอบพื้นที่ ระบุว่า ในพื้นที่ที่เรายืนอยู่ในขณะนี้เรียกว่ายอดภูมะเขือ มีทหารวางกำลังตลอดแนว และยังรักษาอธิปไตย ซึ่งในส่วนของพื้นที่ตรงข้ามเราสามารถควบคุมได้ ไม่มีปัญหาอะไร ในส่วนกำลังทหารกัมพูชาที่อยู่ในพื้นที่จะงอยภูมะเขือนั้น เป็นเพียงจุดตรวจ ส่วนกำลังอยู่ในพื้นที่ด้านล่าง ในขณะที่ความสัมพันธ์ของเจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่นี้ เรามีจุดพัฒนาสัมพันธ์ในพื้นที่ที่กำหนดไว้ตั้งแต่ระดับฐานปฏิบัติการ ถึงระดับหน่วยขนาดใหญ่ สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ ไม่มีความตึงเครียดตามกำลังในพื้นที่ของตัวเอง มีการลาดตระเวนและพบปะกันอย่างต่อเนื่อง ส่วนประชาชน ได้ติดตามข่าวสารผ่านทางโซเชียลมีเดีย ขอให้เชื่อมั่นกำลังทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณนี้ว่าจะสามารถรักษาอธิปไตยในพื้นที่ได้ต่อเนื่อง
ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวถึงผลการประชุม กมธ. เรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า กมธ.ยังมีมติเรียก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.วัฒนธรรม ให้มาชี้แจงต่อกรณีคลิปเสียงที่มีการสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธารกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาด้วย เพราะเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับการแก้ไขปัญหาเรื่องภัยกัมพูชา เราพิจารณาแล้ว เห็นว่าคลิปเสียงไม่มีใครสามารถตอบคำถามเรื่องนี้แทนได้ กระทรวงการต่างประเทศที่มาชี้แจงก็พูดไปในทำนองว่าการกระทำของ น.ส.แพทองธารผิด Protocol ของการพูดคุยที่กระทรวงการต่างประเทศจะต้องเป็นคนดูแล ดังนั้นหวังว่าจะได้รับความร่วมมือจาก น.ส.แพทองธาร
“เป็นการใช้อำนาจอาศัยตามมาตรา 6 คณะ กมธ.มีอำนาจเรียกเอกสารจากบุคคลใด หรือเรียกบุคคลใดมาแถลงข้อเท็จจริง หรือแสดงความคิดเห็นในกิจการที่กระทำ หรือในเรื่องที่พิจารณาสอบถามข้อเท็จจริงหรือศึกษาอยู่นั้นได้ เป็นพระราชบัญญัติอำนาจเรียกของคณะ กมธ. สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ซึ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา เราหวังว่าจะได้รับความร่วมมือ” นายรังสิมันต์กล่าว
ช่วงค่่ำ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ ตอนหนึ่งว่า
"เรื่องที่เกิดขึ้นกับกัมพูชา ผมก็แปลกใจผู้นำเขมรมันไร้จริยธรรมจะตาย แต่เรากลับไปเข้าข้างมัน ผมก็งงว่าวันนี้ทำไมคนไทยไม่รักกัน ทั้งที่สิ่งนี้ไม่น่าเกิด ไม่มีผู้นำคนไหนในโลกเขาทำกัน แต่เรากลับทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคที่เพิ่งหลุดจากพรรคร่วมรัฐบาล ก็กลับมามองว่าเป็นการขายชาติ เลยไม่รู้ว่าตกลงว่าเขาเป็นเขมรหรือเป็นไทย".