โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เขมรวางระเบิดใหม่ ทหารไทยเจ็บ3ละเมิด‘อนุสัญญาออตตาวา’กห.จ่อประท้วง

ไทยโพสต์

อัพเดต 18 กรกฎาคม 2568 เวลา 6.07 น. • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

"มทภ.2" สั่งดูแลสิทธิ-สวัสดิการ ปูนบำเหน็จทหารเหยียบกับระเบิดข้อเท้าขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญ-เงินช่วยเหลือกว่าล้านบาท “ทบ.” ขอเวลา 2-3 วันตรวจสอบกัมพูชานำ "ทุ่นระเบิดใหม่" มาใช้หรือไม่ ยก "อนุสัญญาออตตาวา" รมช.กลาโหมชี้หากพบเป็นกับดักใหม่เป็นการละเมิด MOU ขณะที่ “นปท.3” ยันได้กวาดล้างทำลายไปหมดแล้ว

เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม กองทัพภาคที่ 2 รายงานความคืบหน้ากรณีเมื่อวันที่ 16 ก.ค.68 เวลา 13.30 น. กำลังพลจากหน่วยร้อย ร.6021 ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการสนามในพื้นที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนจากฐานปฏิบัติการมรกตไปยังเนิน 481 เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย

โดยทั้งหมดได้ถูกนำส่งโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ และอาการล่าสุดปลอดภัยแล้ว ผู้ได้รับบาดเจ็บประกอบด้วย 1.พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน (หน่วย ร้อย ร.6021) ได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้อเท้าซ้ายขาด ไม่มีอาการหอบเหนื่อย รู้สึกตัวดี ได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยการให้น้ำเกลือและให้ออกซิเจน ก่อนจะถูกนำขึ้นเฮลิคอปเตอร์เพื่อส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์อย่างเร่งด่วน

ล่าสุด พลฯ ธนพัฒน์ได้เข้ารับการผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว และอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด โดยเน้นย้ำเรื่องการป้องกันการติดเชื้อที่บาดแผลเป็นพิเศษ 2.ส.อ.ปฏิพัทธิ์ ศรีลาศักดิ์ (หน่วยร้อย ร.6021) ได้รับแรงระเบิด มีอาการแน่นหน้าอก รู้สึกตัวดี ขณะนี้อยู่ระหว่างการส่งตัวโดยเฮลิคอปเตอร์ไปยังโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ 3.พลฯ ณัฐวุฒิ ศรีเข้ม (หน่วยร้อย ร.6021) ได้รับแรงระเบิด มีอาการแน่นหน้าอก รู้สึกตัวดี และได้ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ผู้บาดเจ็บทั้งสามนายได้เข้ารับการรักษาตัวในหวอดราชการสนามโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทุกนายมีอาการปลอดภัย โดยระบบการรักษาพยาบาลของกองทัพบกได้ดำเนินการอย่างเป็นมาตรฐานและทันท่วงที เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและการดูแลรักษาที่ดีที่สุดแก่กำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติ

มีรายงานจากหน่วยปฏิบัติการต่อต้านทุ่นระเบิด (นปท.) จากเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดในพื้นที่ช่องบกเมื่อวันที่ 16 ก.ค.นั้น ในพื้นที่สีเขียว คือแนวสนามทุ่นระเบิดที่ได้กวาดล้าง ทำลายหมดแล้วโดย นปท.3 และจากการพิสูจน์ด้วยภาพรายงานคือทุ่นระเบิด PMN-2 ที่เป็นทุ่นใหม่ จึงคาดว่าจะเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ โดยก่อนหน้านี้ 15 ก.ค.2568 มีรายงานว่า เหตุการณ์ที่ ทหารร้อย.ร.6021 พัน.RDF จัดกำลังพลลาดตระเวนเจาะเส้นทางจากต้นพญาสัตบรรณ ไปยังฐานปฏิบัติการตัว T โดยได้ตรวจพบวัตถุระเบิดชนิด PMN2 ผลิตโดยรัสเซีย ซึ่งเป็นระเบิดใหม่ จำนวน 1 ลูก พิกัด 48P WA 21507 86176 (จุดเขียว) ต่อมาตรวจพบระเบิดชนิด PMN2 จำนวน 3 ลูก พิกัด WA 21907 858869 (จุดแดง) ชุด ช. ร้อย.ร.6021 จึงทำการถอนตัว เนื่องจากพบสนามทุ่นระเบิด ไม่สามารถเคลื่อนที่ต่อไปได้

2-3 วันรู้ผลแหล่งที่มาระเบิด

ขณะที่กองทัพภาคที่ 2 ได้ออกเอกสารข่าวชี้แจงกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์กำลังพลประสบเหตุจากการเหยียบกับระเบิดในพื้นที่ช่องบก โดยมีข้อสันนิษฐานว่าเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่นั้น กองทัพภาคที่ 2 ขอชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า กำลังพลจากหน่วยร้อย ร.6021 ได้ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก และประสบเหตุเหยียบกับระเบิด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย หน่วยจึงได้ดำเนินการถอนกำลังออกจากพื้นที่เกิดเหตุทันที เพื่อเร่งนำผู้ได้รับบาดเจ็บส่งรักษาที่ รพ.ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ โดยในขณะนั้นยังไม่ได้ทำการพิสูจน์ทราบพื้นที่ เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดอันตรายเพิ่มเติม

ต่อมาในช่วงบ่ายของวันที่ 17 ก.ค. พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้หน่วยเก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิดเข้าดำเนินการตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุอย่างละเอียด พร้อมเก็บรวบรวมหลักฐาน เพื่อส่งให้หน่วยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดทำการวิเคราะห์ว่า ทุ่นระเบิดดังกล่าวเป็นชนิดใด และมีแหล่งที่มาอย่างไร รวมถึงพิจารณาว่าเป็นการวางไว้นานแล้ว หรือเป็นการกระทำล่าสุด กองทัพภาคที่ 2 ขอให้รอผลการตรวจสอบอย่างเป็นทางการ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน

รายงานจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะเป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดยได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯ จากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวมเงินรายเดือนจากหน่วยงาน/องค์กรต่างๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงินรวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) ได้รับเงินก้อนจากหน่วยงาน/องค์กรต่างๆ รวม 1,047,150 บาท (โดยประมาณ)

พร้อมทั้งบรรจุทายาททดแทน พี่สาว ได้ 1 คน เป็นอัตรานายสิบ และหลังจากปลดพิการ สามารถขอรับสิทธิ์เข้าร่วมโครงการตามมาตรา 35 (3) หรือ 35 (7) ได้รับเหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้น 2 ประเภท 1 พร้อมกันนี้ยังได้รับบัตรทหารผ่านศึก ชั้น 3 (ลดค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเดินทางตลอดชีวิต

พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า รายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐานมาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบ

ละเมิด 'อนุสัญญาออตตาวา'

"หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดนจะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชาได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ.2542" พล.ต.วินธัยกล่าว

ขณะที่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ได้กำชับชุดลาดตระเวนตามแนวชายแดนเพิ่มความระมัดระวัง ขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบอยู่ว่ากับระเบิดดังกล่าวเป็นของเก่าหรือของใหม่ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นของเก่าที่ยังเก็บกู้ไม่หมด แต่ได้ประสานไปยังกองทัพกัมพูชาให้เร่งเก็บกู้แล้ว อย่างไรก็ตาม หากตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นกับดักใหม่ เท่ากับว่ากัมพูชาละเมิด MOU 43 ที่ระบุ ชัดเจนว่าจุดนี้เป็นพื้นที่ห้ามเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศหรือใช้อาวุธ ก็จะต้องมีประท้วงกลับไปอย่างแน่นอน

"ยืนยันว่า MOU 43 เป็นความตกลงร่วมกันในการพื้นที่ทับซ้อน หากยกเลิกเท่ากับว่าเราอภัยโทษให้กับทุกความผิดที่กัมพูชากระทำมาในอดีต เรื่องนี้กระทรวงต่างประเทศไม่อยากให้ผมพูด เพราะอาจไปกระทบกับส่วนอื่นๆ แต่หากไม่พูดอะไรเลยสังคมก็จะไม่เข้าใจ และยังพยายามเรียกร้องให้ยกเลิก MOU" พล.อ.ณัฐพลกล่าว

ที่ฐานปฏิบัติภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ กองทัพบกนำสื่อมวลชนลงพื้นที่ภายหลังมีกระแสข่าวภูมะเขือถูกทหารกัมพูชายึด พ.ท.จักรกฤษณ์ ขุริรัง ผบ.พัน ร.11 รับผิดชอบพื้นที่ ระบุว่า ในพื้นที่ที่เรายืนอยู่ในขณะนี้เรียกว่ายอดภูมะเขือ มีทหารวางกำลังตลอดแนว และยังรักษาอธิปไตย ซึ่งในส่วนของพื้นที่ตรงข้ามเราสามารถควบคุมได้ ไม่มีปัญหาอะไร ในส่วนกำลังทหารกัมพูชาที่อยู่ในพื้นที่จะงอยภูมะเขือนั้น เป็นเพียงจุดตรวจ ส่วนกำลังอยู่ในพื้นที่ด้านล่าง ในขณะที่ความสัมพันธ์ของเจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่นี้ เรามีจุดพัฒนาสัมพันธ์ในพื้นที่ที่กำหนดไว้ตั้งแต่ระดับฐานปฏิบัติการ ถึงระดับหน่วยขนาดใหญ่ สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ ไม่มีความตึงเครียดตามกำลังในพื้นที่ของตัวเอง มีการลาดตระเวนและพบปะกันอย่างต่อเนื่อง ส่วนประชาชน ได้ติดตามข่าวสารผ่านทางโซเชียลมีเดีย ขอให้เชื่อมั่นกำลังทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณนี้ว่าจะสามารถรักษาอธิปไตยในพื้นที่ได้ต่อเนื่อง

ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวถึงผลการประชุม กมธ. เรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า กมธ.ยังมีมติเรียก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.วัฒนธรรม ให้มาชี้แจงต่อกรณีคลิปเสียงที่มีการสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธารกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาด้วย เพราะเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับการแก้ไขปัญหาเรื่องภัยกัมพูชา เราพิจารณาแล้ว เห็นว่าคลิปเสียงไม่มีใครสามารถตอบคำถามเรื่องนี้แทนได้ กระทรวงการต่างประเทศที่มาชี้แจงก็พูดไปในทำนองว่าการกระทำของ น.ส.แพทองธารผิด Protocol ของการพูดคุยที่กระทรวงการต่างประเทศจะต้องเป็นคนดูแล ดังนั้นหวังว่าจะได้รับความร่วมมือจาก น.ส.แพทองธาร

“เป็นการใช้อำนาจอาศัยตามมาตรา 6 คณะ กมธ.มีอำนาจเรียกเอกสารจากบุคคลใด หรือเรียกบุคคลใดมาแถลงข้อเท็จจริง หรือแสดงความคิดเห็นในกิจการที่กระทำ หรือในเรื่องที่พิจารณาสอบถามข้อเท็จจริงหรือศึกษาอยู่นั้นได้ เป็นพระราชบัญญัติอำนาจเรียกของคณะ กมธ. สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ซึ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา เราหวังว่าจะได้รับความร่วมมือ” นายรังสิมันต์กล่าว

ช่วงค่่ำ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ ตอนหนึ่งว่า

"เรื่องที่เกิดขึ้นกับกัมพูชา ผมก็แปลกใจผู้นำเขมรมันไร้จริยธรรมจะตาย แต่เรากลับไปเข้าข้างมัน ผมก็งงว่าวันนี้ทำไมคนไทยไม่รักกัน ทั้งที่สิ่งนี้ไม่น่าเกิด ไม่มีผู้นำคนไหนในโลกเขาทำกัน แต่เรากลับทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคที่เพิ่งหลุดจากพรรคร่วมรัฐบาล ก็กลับมามองว่าเป็นการขายชาติ เลยไม่รู้ว่าตกลงว่าเขาเป็นเขมรหรือเป็นไทย".

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ไทยโพสต์

คุกเพราะ ๑๑๒ ใครต้องรับผิดชอบ

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ไม่อาจให้อภัย?

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เจอเรื่องร้อนเลย

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ปชน.แค้น!ไม่นิรโทษคดี112 คปท.โต้พรรคส้มยุทะลุธง

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

วิดีโอ

ดร.สุวินัย ชี้ไทยเสี่ยงกลายเป็นสนามรบขีปนาวุธ เหมือนยูเครน หากไม่ค้านฐานทัพสหรัฐ เราจะถูกจีนยิงเป็นจุดแรก

BRIGHTTV.CO.TH

เปิดสถิติหวย 1 ส.ค. ย้อนหลัง 20 ปี! ตรวจผลล่าสุด 1 ส.ค. 2567 พร้อมเลขเด็ดที่เคยออกบ่อย

เดลินิวส์

รองฯพิเชษฐ์ สั่งปิดประชุมสภาฯ เป็นครั้งที่ 3 เลี่ยงสภาฯ ล่ม

JS100

รถกระบะเสียหลักชนเสาไฟฟ้าริมถนนสาย โกสุมพิสัย-มหาสารคาม แล้วเกิดเพลิงลุกไหม้ทั้งคัน คนขับหนีตายรอดหวุดหวิด จ.มหาสารคาม

สวพ.FM91

น้ำมันขึ้น-ทองคำลง หุ้นสหรัฐฯบวกได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจ

Manager Online
วิดีโอ

รวบชายวัย 35 กลับจากฉลองวันเกิด เมาแล้วขับ-พกปืนเถื่อน

สวพ.FM91

ยูเครนเพิ่มการผลิตอาวุธ ขณะที่สหรัฐฯ โอนคำสั่งซื้อแพทริออตจากสวิตเซอร์แลนด์

JS100

รถนั่งส่วนบุคคลเสียหลักชนรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ข้างทาง พังเสียหายยับเกือบสิบคัน จ.เชียงใหม่

สวพ.FM91

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...