ชี้ มส. ใช้ ‘ยาแรง’ ถอดสมณศักดิ์ ‘พระสงฆ์’ ผิดพระธรรมวินัย ‘ครุกาบัติ’
นายบุญเชิด กิตติธรางกูร รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า ตามที่ที่ประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ได้ประชุมวาระพิเศษ เพื่อหารือแนวทางดำเนินการกรณีพระภิกษุกระทำผิด และถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดพระธรรมวินัยประเภทครุกาบัติ ซึ่งเป็นโทษหนักตามพระธรรมวินัย ถือว่า มส. ใช้ยาแรงออกมาจัดการพระสงฆ์ที่ทำผิดพระธรรมวินัยครุกาบัติ โดยเฉพาะในเรื่องที่ระบุว่า ในกรณีที่แม้อาบัติยังไม่ถึงขั้นปาราชิก แต่มีความร้ายแรงรองลงมา เช่น อาบัติสังฆาทิเสสทั้ง 13 ข้อ หากผู้ต้องอาบัตินั้นดำรงตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการ หรือเป็นผู้ได้รับสมณศักดิ์ เมื่อความปรากฏ หรือกระบวนการนิคหกรรมพิสูจน์แล้วว่าต้องอาบัติดังกล่าว แม้จะยังคงสถานะภิกษุอยู่ ก็ถือว่าเสื่อมเสียอย่างร้ายแรง มส. จะดำเนินการปลดจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และ มส. จะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์ต่อไปด้วย ซึ่งมาตรการดังกล่าวสำหรับพระสงฆ์ที่อาบัติสังฆาทิเสส หากเป็นพระสังฆาธิการ เดิมจะมีเพียงการปลดจากตำแหน่งพระสังฆาธิการเท่านั้น เพราะถือว่าละเมิดจริยาพระสังฆาธิการ แต่กรณีการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์ในกรณีที่พระสงฆ์อาบัติสังฆาทิเสส ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ด้านนายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.พศ. กล่าวว่า สำหรับร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมพุทธศาสนิกชนในการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา พ.ศ. …. นั้น ได้มีการหารือในที่ประชุม มส. วาระพิเศษ เมื่อวันที่ 13 ก.ค. แล้ว เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในลักษณะเดียวกับที่ ‘สีกากอล์ฟ’ ทำกับพระชั้นผู้ใหญ่ขึ้นมาอีก โดย มส. เห็นด้วยกับการที่จะมีการกำหนดบทลงโทษในกรณีที่มีผู้สมัครใจเสพเมถุนกับพระสงฆ์ แต่เกรงว่าอาจจะเป็นช่องทางให้เกิดการกลั่นแกล้งกันขึ้นมาได้ ดังนั้นจึงมีมติให้ตั้งคณะทำงานในการพิจารณาปรับแก้ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ เพื่อเพิ่มบทบาทหน้าที่ให้ พศ. ในการดำเนินการจัดการในเรื่องลักษณะดังกล่าว โดยคณะทำงานก็จะต้องมาดูว่าจะสามารถเพิ่มอำนาจหน้าที่ของ พศ. ใน พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ในด้านใด ได้อย่างไรบ้าง