‘พิชิต’ แกนนำม็อบรวมพลังแผ่นดิน ค้าน ‘เพื่อไทย’ จัดตั้งรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 31 สิงหาคม 2568 ม็อบคณะรวมพลังแผ่นดิน ได้ปักหลักชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยเป็นการรวมตัวแสดงพลัง ไม่เอานายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย
โดยนายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) และแกนนำกลุ่มรวมพลังแผ่นดิน ให้สัมภาษณ์ก่อนการขึ้นปราศรัย ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยเดินทางไปพรรคประชาชนให้สนับสนุน นายชัยเกษม นิติสิริ เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า เป็นเงื่อนไขแรกที่กลุ่มรวมพลังแผ่นดินคัดค้านมาโดยตลอด คือไม่อยากให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพราะวิกฤตของประเทศเกิดจากพรรคเพื่อไทยโดยทั้งสิ้น โดยเฉพาะการเสนอแนวทางการฮั้วประเทศแบบนี้ทำให้มีวิกฤตรออยู่ข้างหน้า
ทั้งนี้ เรายังยืนยันในเงื่อนไขที่เสนอต่อสังคม 6 ข้อ เช่น พรรคเพื่อไทยไม่ควรเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล รวมถึงให้ยกเลิกการตั้งกาสิโนและยกเลิก MOU 2543-2544 หากมองไปข้างหน้าแต่ละพรรคก็มีบาดแผลทั้งสิ้นไม่ว่าจะพรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทย หรือว่าพรรคเพื่อไทย พี่น้องประชาชนต้องการให้บ้านเมืองเดินหน้าไปแบบไม่มีวิกฤต จึงคิดว่าพรรคการเมืองต้องสนใจข้อเรียกร้องของประชาชน
ส่วนมองอย่างไรที่พรรคเพื่อไทยบอกว่าพร้อมยุบสภาทันทีหลังทำประชามติเสร็จ นายพิชิต กล่าวว่า สิ่งที่พรรคเพื่อไทยพูดมาคงเป็นคำสัญญาปากเปล่า เพราะพรรคเพื่อไทยเคยให้สัญญากับประชาชนมาโดยตลอด แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ การที่เร่งยุบสภาก็อาจเป็นการเอาใจพรรคประชาชนมากกว่า และประเทศชาติจะพ้นวิกฤตได้อย่างไร เข้าใจว่าเมื่อยุบสภาแล้วจะเกิดการแข่งขันกันในการเลือกตั้ง สุดท้ายพรรคเพื่อไทยหรือพรรคประชาชนก็อาจจะมาจับมือร่วมกันในการจัดตั้งรัฐบาล
นายพิชิตยังกล่าวว่า ข้อเรียกร้องของประชาชนที่สื่อสารไปคงเป็นข้อเรียกร้องที่แต่ละพรรคยังปฏิเสธอยู่อาจจะยังไม่พ้นวิกฤต 4-5 เดือนหรือหนึ่งปีถ้าพรรคการเมืองยังมีทิศทางแบบนี้ก็จะเกิดการเคลื่อนไหวของประชาชนอยู่ดี
เมื่อถามว่ากลุ่มผู้ชุมนุมตั้งธงไว้อย่างไรบ้างเพราะไม่เอาทั้งพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย นายพิชิตกล่าวว่า ข้อเรียกร้องของเราคือเราไม่เห็นด้วยที่พรรคเพื่อไทยจะมาจัดตั้งรัฐบาล นอกจากนั้นก็ให้ผ่านกลไกของรัฐสภา ไม่ว่าจะพรรคไหนในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลก็ให้เป็นไปตามระบบรัฐสภา
เพียงแต่เราอยากจะฝากไปถึงรัฐบาลใหม่ที่ไม่มีพรรคเพื่อไทย คือเรื่องเงื่อนไขการยกเลิก MOU 43-44 และ พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่ให้นำมาพิจารณาอีกรอบ และไม่ควรแตะหมวด 1 หมวด 2 ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญรวมถึงมาตรา 112 จะเป็นพรรคไหนก็แล้วแต่ควรรับเงื่อนไขนี้
“วิกฤตประเทศสองปีที่ผ่านมาตั้งแต่คุณเศรษฐา ทวีสิน จนมาถึงคุณแพทองธาร สู้รบระหว่างไทยกัมพูชาเกิดจากวิกฤตความสัมพันธ์ส่วนตัวผลประโยชน์ทับซ้อนที่นำโดยพรรคเพื่อไทยที่ถูกบงการครอบงำโดยคุณทักษิณ ชินวัตร ถ้าพรรคเพื่อไทยจะมาเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลอีกก็ไม่พ้นการครอบงำของคุณทักษิณอยู่ดี” นายพิชิตกล่าว
นายพิชิต ยืนยันว่าเราไม่ได้เชียร์พรรคใดพรรคหนึ่งเพียงแต่ย้ำในจุดยืนเดิมตามเงื่อนไขที่เราได้เสนอไปควรจะปฏิบัติ ถ้าไม่ปฏิบัติเลย ยอมรับเงื่อนไขเฉพาะพรรคต่อพรรคก็จะหนีไม่พ้นให้ประชาชนออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้งหนึ่ง และหากเป็นไปตามกลไกรัฐสภาแล้วพรรคเพื่อไทยยังคงอยู่ก็หนีไม่พ้นที่ประชาชนจะรวมพลังแผ่นดินออกมาชุมนุมต่อและใหญ่ขึ้น ตราบใดที่พรรคเพื่อไทยยังถูกครอบงำโดยนายทักษิณประชาชนก็จะรู้สึกว่าต้องออกมาแสดงพลังอีกรอบหนึ่ง
นายพิชิตระบุว่า การชุมนุมวันนี้จะมีการกำหนดท่าทีกันอีกครั้งหนึ่ง เพราะสิ่งที่เราจับตามองนอกเหนือจากการจัดตั้งรัฐบาลในวันที่ 3-5 กันยายนนี้ ยังมีคดีชั้น 14 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งยังเป็นประเด็นที่กลุ่มรวมพลังแผ่นดินให้การติดตาม แน่นอนว่านายทักษิณพยามจะตัดตั้งรัฐบาลให้ได้ก่อนวันที่ 9 กันยายน เพราะหลังวันที่ 9 ก.ย. พรรคเพื่อไทยอาจจะไม่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล