แฉปมเงินบริจาค หมอบี-วัดพระบาทน้ำพุ คลุมเครือ ตรวจสอบเข้ม 20 ปีพบผิดปกติ
แฉปมเงินบริจาค หมอบี-วัดพระบาทน้ำพุ คลุมเครือ เสี่ยงเข้าข่ายยักยอก-ฟอกเงิน ตรวจสอบเข้ม 20 ปีพบผิดปกติ หากบริสุทธิ์ใจต้องเอาที่ดินเข้าสู่วัด เข้าสู่มูลนิธิ
เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานความคืบหน้ากรณีตรวจสอบ นายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล หรือ หมอบี และวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี จากแหล่งข่าวระดับสูงในกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ว่า
ประเด็นการพิจารณาขอศาลออกหมายค้นนั้น เบื้องต้นยังไม่ได้มีหมายค้นสถานที่ใด เนื่องจากคณะพนักงานสอบสวนต้องหารือถึงพยานหลักฐานและข้อมูลที่ได้มาก่อน ปัจจุบันยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการดำเนินการ ส่วนการให้ปากคำของหมอบีเมื่อคืนวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนต้องนำไปตรวจสอบอีกครั้งว่ามีความสอดคล้องกับพยานหลักฐานอื่นๆ หรือไม่
แหล่งข่าวระบุอีกว่า สาเหตุที่พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามดำเนินการตรวจสอบเรื่องของ หมอบี และหลวงพ่ออลงกต เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ นั้น เนื่องจากเล็งเห็นเรื่องส่วนรวมเป็นตัวตั้ง และเงินบริจาคของประชาชนจะต้องใช้ให้เกิดประโยชน์ ส่วนการบริหารจัดการของวัด พบว่าช่วงแรกมีความตั้งใจในการช่วยเหลือคนจริง แต่ภายหลังเห็นเงินเข้ามาเยอะ จึงอาจออกนอกลู่นอกทาง
เมื่อถามว่าถือเป็นการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ แหล่งข่าวระบุว่า อาจมองเป็นเช่นนั้นก็ได้ แต่ต้องตรวจสอบรายละเอียดให้ได้มากพอสมควรก่อน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ต้องทำอย่างมีข้อมูลและมีรายละเอียดเพื่อชี้แจงพี่น้องประชาชนได้
เมื่อถามต่อว่ากรณีของหมอบี ถือว่ามีพฤติการณ์ที่เข้าข่ายจะเป็นการยักยอกทรัพย์ หรือฟอกเงินหรือไม่ แหล่งข่าว ระบุว่า มีความหมิ่นเหม่ แต่ขอดำเนินการตรวจสอบอย่างรอบคอบก่อน ส่วนว่าหลังจากนี้ หมอบีจะเป็นผู้ถูกกล่าวโทษหรือไม่นั้น ตำรวจก็ทำตามพยานหลักฐาน หากตรวจสอบแล้วพบอะไรก็ดำเนินการต่อไปตามนั้น โดยหากมีผู้เสียหายเป็นผู้มาบริจาคเงินแล้วพบว่าเงินถูกใช้ผิดวัตถุประสงค์ ก็สามารถเรียกมาเป็นพยานได้ จากนั้นตำรวจจึงจะกล่าวหาได้
“สำหรับพฤติการณ์ที่เป็นการยักยอกทรัพย์หรือฉ้อโกงอย่างไรนั้น คณะพนักงานสอบสวน จะต้องมีพฤติการณ์ที่ไม่สุจริต ปิดบังอำพราง เอาทรัพย์สินจากวัดไปอยู่กับคนอื่นหรือของตนเอง”
เมื่อถามว่าทางพนักงานสอบสวนมีการกำหนดมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างไรบ้าง แหล่งข่าวยกตัวอย่างกรณี เจ้าคุณแย้ม ที่มีความเสียหายเยอะ ก็ต้องไปขยายต่อว่ามีความเสียหายอย่างไรบ้าง แต่เบื้องต้นการทำงานจะต้องดูข้อเท็จจริงและสืบสวนต่อไป ซึ่งจะดำเนินการจากเรื่องที่มีความชัดเจนก่อน รวมถึงยังมองว่าเงินที่ชาวบ้านมอบให้นั้นเป็นของวัด เพื่อวัดก็ต้องกลับไปอยู่วัด จะเอาไปทำอย่างอื่นไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเงินหรือทรัพย์สินอะไรก็ตาม ต้องกลับเข้ามาสู่วัด
ส่วนกรณีพระอลงกต ถือว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ แหล่งข่าว ระบุว่า ค่อนข้างมีความคลุมเครือ เนื่องด้วยสมัยก่อนพระอลงกตเคยเป็นจิตอาสาช่วยเหลือคน แต่เมื่อขอบริจาคและรู้ว่าเงินศรัทธาเข้ามาอย่างมหาศาล เมื่อเข้ามาแล้วก็เปลี่ยนแปลงสภาพ ผ่องถ่ายไปยังที่อื่น แต่พระอลงกตขายศรัทธา จนมีปัญหาเรื่องงานบริหารด้านใน ทุกคนมาเอาผลประโยชน์ พระอลงกตไม่รู้ว่าคิดดีหรือคิดไม่ดี แต่มุ่งเน้นไปที่เงินบริจาคจนมากเกินไป ซึ่งมองว่าพระควรมีความพอดี หากจะทำก็ขอให้ทำอย่างมีประโยชน์
แหล่งข่าว ระบุว่า เช่น การสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล ช่วยเหลือคนยากจน ไม่ใช่เอามาแปรสภาพและให้คนถือครอง ถือว่าไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ พฤติการณ์ของพระอลงกตมีความผิดปกติมาประมาณ 20 กว่าปีแล้ว หากบริสุทธิ์ใจจริงต้องเอาที่ดินเข้าสู่วัด เข้าสู่มูลนิธิ หากไม่ได้นำเข้ามา ตำรวจก็ต้องไปตามต่อ นอกจากนี้ ยังมีการรายงานว่า พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม เตรียมประชุมหารือความคืบหน้าคดีหมอบี ว่าจะเข้าข่ายเป็นการฉ้อโกงประชาชนหรือความผิดอาญาตามมาตรา 157 มาตรา 147 หรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าสำหรับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริตหรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี - 20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 100,000-400,000 บาท
ขณะที่ ประมวลกฎหมายอาญา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี - 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 บาท - 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : แฉปมเงินบริจาค หมอบี-วัดพระบาทน้ำพุ คลุมเครือ ตรวจสอบเข้ม 20 ปีพบผิดปกติ
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th