สำรวจ ‘กำแพงกั้นพรมแดน’ ระหว่างประเทศทั่วโลก แนวทางที่ ‘ไทย’ กำลังศึกษาถึงความเป็นไปได้
(15 ส.ค. 68) กระแสการสร้างกำแพงไทย–กัมพูชากำลังถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง ขณะนี้ฝ่ายทหารก็เริ่มศึกษาความเป็นไปได้จริง ในอดีตและปัจจุบัน หลายประเทศทั่วโลกใช้กำแพงหรือรั้วพรมแดนเพื่อควบคุมการอพยพ ป้องกันการลักลอบนำเข้าสิ่งผิดกฎหมาย รวมถึงเสริมความมั่นคงจากข้อพิพาทเขตแดน ตัวอย่างที่เรารู้จักกันดี เช่น กำแพงเมืองจีน และกำแพงเบอร์ลิน
เมื่อไม่กี่สิบปีก่อน โลกมีเพียง 16 กำแพงพรมแดน แต่รายงานเมื่อปีก่อนโดย Elisabeth Vallet นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยควิเบก แคนาดา ระบุว่าตัวเลขเพิ่มเป็น 66 แห่ง แสดงให้เห็นว่าการใช้กำแพงยังคงเป็นเครื่องมือที่หลายประเทศเลือกใช้ แม้จะมีข้อโต้แย้งเรื่องสิทธิมนุษยชนและผลกระทบต่อชุมชนชายแดน
สหรัฐอเมริกา–เม็กซิโก เริ่มสร้างรั้วสมัยประธานาธิบดีคลินตันปี 1990 และขยายยาวกว่า 1,000 กม. หลังปี 2006 เพื่อสกัดแรงงานผิดกฎหมายและค้ายาเสพติด ส่วนซาอุดีอาระเบียสร้างรั้วสูง 7 เมตรตามชายแดนอิรัก ยาว 900 กม. พร้อมหอสังเกตการณ์ 78 แห่ง เพื่อรับมือกลุ่มก่อการร้ายอิสลาม
ขณะที่ อิสราเอลสร้างกำแพงกั้นเวสแบงก์ตั้งแต่ปี 2002 อ้างป้องกันการโจมตีของชาวปาเลสไตน์ แต่ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการยึดพื้นที่ ขณะที่ฮังการีสร้างรั้วยาว 177 กม. ติดชายแดนเซอร์เบียและโครเอเชีย เพื่อสกัดผู้อพยพหลังวิกฤตผู้ลี้ภัยยุโรป
ด้าน สเปนมีรั้วไฮเทคในดินแดน Ceuta และ Melilla ในแอฟริกาเหนือ เพื่อกันคนจากโมร็อกโกลอบเข้า แต่มีผู้เสียชีวิตจากการพยายามข้ามรั้ว อินเดียก็ล้อมบังกลาเทศด้วยรั้วลวดหนามตั้งแต่ปี 1993 ทำให้ชาวบ้านกว่า 100,000 คนกลายเป็นคนไร้สัญชาติจากข้อพิพาทเขตแดน
ทั้งนี้ ยังมีเกาะไซปรัสที่ถูกกำแพงแบ่งเหนือ–ใต้ตั้งแต่ปี 1974 เพราะความขัดแย้งเชื้อชาติ และแม้ปัจจุบันเป็นประเทศอิสระ แต่เกาะก็ยังแบ่งเป็นสองส่วนดังเดิม ส่วนไทยเองก็มีกำแพงกั้นชายแดนมาเลเซียในบางพื้นที่ แม้ไม่เป็นที่พูดถึงมากนัก