‘ทรัมป์’ บอก ‘ยูเครน’ ควรทำข้อตกลงกับรัสเซีย ชี้ มอสโกเป็นมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่กว่า
(17 ส.ค. 68) ประธานาธิบดีทรัมป์แนะยูเครนทำข้อตกลงยุติสงครามกับรัสเซีย ชี้มอสโกเป็นมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่มาก แต่ยูเครนไม่ใช่
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ กล่าวในวันเสาร์ (16 ส.ค.) ว่า ยูเครนควรทำข้อตกลงเพื่อยุติสงครามกับรัสเซีย เพราะ “รัสเซียเป็นมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่มาก แต่พวกเขาไม่ใช่” หลังจากประชุมสุดยอดร่วมกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียในรัฐอะแลสกา เมื่อวันศุกร์ (15 ส.ค.) ซึ่งมีรายงานว่าเขาได้เรียกร้องดินแดนจากยูเครนเพิ่ม
รอยเตอร์สรายงานอ้างอิงแหล่งข่าวว่า หลังจากผู้นำทั้งสองหารือกัน ทรัมป์ได้บอกประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีว่า ปูตินเสนอที่จะตรึงแนวหน้าส่วนใหญ่ไว้ (รักษาการควบคุมแนวหน้าโดยไม่รุกคืบหรือถอยร่น) หากเคียฟยอมยก “โดเนตส์ก” ภูมิภาคอุตสาหกรรมที่เป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของมอสโก
แหล่งข่าวเผยว่า เซเลนสกีปฏิเสธความต้องการดังกล่าว ขณะที่รัสเซียควบคุมพื้นที่ 1 ใน 5 ของยูเครนแล้ว รวมถึงพื้นที่โดเนตสก์ราว 3 ใน 4 ซึ่งรัสเซียรุกคืบเข้าไปตั้งแต่ปี 2014
ทรัมป์กล่าวด้วยว่า เขาเห็นด้วยกับปูตินที่ข้อตกลงสันติภาพควรทำข้อตกลงสันติภาพโดยไม่ต้องหยุดยิงก่อนตามที่ยูเครนและพันธมิตรยุโรปต้องการ ซึ่งนั่นถือเป็นการเปลี่ยนแปลงจุดยืนของเขาก่อนที่จะประชุมร่วมกับปูติน โดยทรัมป์เคยบอกไว้ว่าเขาจะไม่แฮปปี้ถ้าไม่มีการตกลงหยุดยิงเกิดขึ้น
ทรัมป์โพสต์บนทรูธโซเชียล
"ทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่าวิธีที่ดีที่สุดในการยุติสงครามอันเลวร้ายระหว่างรัสเซียและยูเครนคือการบรรลุข้อตกลงสันติภาพโดยตรง ซึ่งจะยุติสงครามได้ ไม่ใช่แค่ข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งมักจะใช้ไม่ได้ผลเสมอไป”
ด้านเซเลนสกีกล่าวว่าความไม่เต็มใจของรัสเซียในการยุติการสู้รบจะทำให้ความพยายามสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนมีความซับซ้อนมากขึ้น
“การยุติการสังหารเป็นองค์ประกอบสำคัญของการยุติสงคราม” ประธานาธิบดียูเครนโพสต์ใน X
อย่างไรก็ตาม เซเลนสกีกล่าวว่าเขาจะพบกับทรัมป์ที่วอชิงตันในวันจันทร์ (18 ส.ค.)
ทั้งนี้ รัสเซียเปิดฉากการรุกรานยูเครนอย่างเต็มรูปแบบในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 และค่อยๆ รุกคืบไปในยูเครนมาหลายเดือนแล้ว สงครามครั้งนี้ที่เป็นสงครามนองเลือดที่สุดในยุโรปในรอบ 80 ปี ได้คร่าชีวิตและทำให้ประชาชนของทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บมากกว่าหนึ่งล้านคน รวมถึงพลเรือนหลายพันคนที่ส่วนใหญ่เป็นชาวยูเครน
ยูเครนต้องได้รับประกันความมั่นคง
ที่ผ่านมาเซเลนสกียืนยันมาอย่างต่อเนื่องว่าเขาไม่สามารถยอมเสียดินแดนได้หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญของยูเครน และเคียฟมองว่า “เมืองป้อมปราการ” ของโดเนตส์ก เช่น สโลเวียนส์กและครามาทอร์สก์ เป็นปราการด่านหน้าที่จะใช้ต้านทานการรุกรานของรัสเซีย
ปธน.ยูเครนยังยืนยันว่าต้องมีการรับประกันความมั่นคงเพื่อยับยั้งไม่ให้รัสเซียรุกรานอีก
เซเลนสกีกล่าวว่าตนและทรัมป์ได้หารือถึง “สัญญาณเชิงบวก” เกี่ยวกับการที่สหรัฐเข้ามามีส่วนร่วม และว่ายูเครนต้องการสันติภาพที่ยั่งยืน ไม่ใช่ “แค่การหยุดพักชั่วคราว”
ขณะที่ปูติน ซึ่งเคยคัดค้านการมีส่วนร่วมของกองกำลังภาคพื้นดินจากต่างประเทศ กล่าวว่า เขาเห็นด้วยกับทรัมป์ว่าความมั่นคงของยูเครนต้องได้รับการ “รับประกัน”