‘รัฐบาลทหารนำ’ กับเขมร
ทหารไทย “กองทัพภาคที่ ๒”
“เช็กบิล” ทหารเขมรที่ “อุบลฯ ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์” แล้วเชิญแขกเหรื่ออีแร้ง-อีกามา “ดินเนอร์ศพ” ทหารเขมร เป็นงานใหญ่เอิกเกริกรู้กันทั้งโลกไปแล้ว
เขมร-ถึงยังไม่เข็ด แต่ก็ขยาด ยิ่ง “พลโทบุญสิน พาดกลาง” ประกาศิตเฉียบขาด ต่อจากนี้
ตอดเล็ก-ตอดน้อยเข้ามา…ยิงเลย!
จากขยาด ทหารเขมรกลัวถึงขั้นขี้ขึ้นหัวสมองกันไปเลย!
สถานการณ์ด้านกองทัพภาค ๒ อยู่ในภาวะ “สงบดูเชิง”
แต่ปรากฏว่า สถานการณ์ด้านกองทัพภาค ๑ ที่บ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง สระแก้ว ปะทุขึ้นมาแทน
โดยชาวเขมรที่ไทยให้อาศัยตอนหนีสงครามมา สงครามสงบก็ไม่ยอมกลับ ตั้งรกรากอยู่ที่บ้านหนองจานจนขยายเป็นชุมชนใหญ่
ลงท้าย เขมรก็ทึกทักว่า “บ้านหนองจาน” เป็นของมัน อยู่ในดินแดนเขมร เมื่อทหารไทยเอาลวดหนามไปวางแนวป้องกันลอบเข้ามาวางกับระเบิด
ทหารเขมรไม่กล้าโผล่หัวออกมาชนกับทหารไทย แอบอยู่หลังผ้าถุงชาวบ้าน แล้วดุนตูดให้นำหน้าเป็นโล่มนุษย์
ให้ชาวบ้านออกมารื้อลวดหนาม ด่าทอทหาร ขว้างปาสิ่งของใส่ ใช้ไม้เป็นอาวุธ ยกพวกไล่ตีทหาร
มันบอกเป็นแผ่นดินเขมร ไม่ใช่แผ่นดินไทย ให้ทหารรื้อลวดหนามออกไป ถ้าไม่รื้อพวกมันจะรื้อเอง เอาไปขาย!
นี่ก็เท้าความให้ฟัง จากเหตุที่เกิดแต่วานซืน (๒๕ ส.ค.) เมื่อภาพข่าวนี้แพร่ออกไป พี่น้องชาวบ้านเลือดไทย ทนไม่ได้กับความอหังการ หยาบช้าของเขมร ที่ไม่รู้จักคุณแผ่นดิน
“เจ๊เอ๋-สระบุรี” เลือดรักชาติเกินร้อย
เธอคงเห็นชาวบ้านเขมรไล่ตีทหารจากภาพข่าว เลือดไทยก็พลุ่งพล่าน ประกาศผ่านโซเชียลทันที ….พวกมึงแน่จริง พรุ่งนี้เจอกู!
เจ๊เอ๋ พูดจริง-ทำจริง เธอกลัวใครซะที่ไหนล่ะ
ประกาศเป็น “แนวหน้ากล้าตาย” ไปปะทะ “มนุษย์ตระกูลลิ้น ๒ แฉก” แทนทหารในพื้นที่ ซึ่งถ้าทำอะไรรุนแรงกับชาวบ้าน มันจะเป็นภาพไม่งาม
แล้วเธอก็ไปจริงๆ!
เอ้า…ดูรายงานจากแนวหน้าให้รู้บรรยากาศซะหน่อย โดยคุณ “หญ้ามันหวาน” โพสต์ข้อความว่า
“คนไทยแห่สมทบ! หลั่งไหลเข้าหนองจาน ยืนเคียงข้างชาวสระแก้ว ทวงคืนผืนแผ่นดินไทย
สถานการณ์ชายแดนที่บ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ยังคงร้อนแรง
ล่าสุดมีรายงานว่า ประชาชนไทยจำนวนมากทยอยเดินทางเข้าพื้นที่ต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่คนในพื้นที่เท่านั้น
แต่ยังรวมถึงประชาชนจากจังหวัดใกล้เคียงที่แสดงเจตนารมณ์เข้ามาสมทบกับพี่น้องชาวสระแก้ว
การรวมตัวครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงพลังความสามัคคีและความมุ่งมั่นในการ “ทวงคืนผืนแผ่นดินไทย” ท่ามกลางสถานการณ์กดดันจากฝั่งกัมพูชา ซึ่งมีการเกณฑ์ชาวบ้านเข้ามาร่วมในพื้นที่เช่นกัน”
เมื่อแนวหน้ากล้าตาย “ไทย-เขมร” เผชิญหน้ากัน โดยมีลวดหนามกั้นและมี “เจ๊เอ๋-สระบุรี” เป็นแม่ทัพ
เจ๊จับไมค์ได้ เจ๊ก็ใส่ยับพวกเขมรเนรคุณ เจ๊เอ๋ บอกว่า…
“เเม้จะไม่ใช่คนพื้นที่บ้านหนองจาน เเต่ฉันเป็นคนไทย เเละเห็นพี่น้องร่วมประเทศที่สละเเผ่นดินให้ชาวกัมพูชาเข้ามาทำกิน ให้พักอาศัย ในยามที่ลี้ภัยกันเข้ามา
เเต่วันนี้จะมาบอกว่าเป็นเเผ่นดินของตัวเอง เเละเข้ามารื้อลวดหนามในเเผ่นดินไทย ต่อหน้าทหารไทย ชี้หน้าด่าทหารไทย
เเต่ฝั่งไทยทำอะไรบ้าง…?
ไม่เคยออกมาปกป้องพี่น้องทหารไทยเลย เป็นสาเหตุที่ต้องออกมา เพราะเจ็บใจ เป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำตาคลอ”
ส่วนชาวบ้านโคกสูงที่มาร่วมสมทบ ก็บอกว่า….
สาเหตุที่เดินทางมาวันนี้ เพราะต้องการต้อนชาวกัมพูชาที่รุกล้ำเข้ามากลับบ้านของตัวเองให้หมด
ชาวบ้านในพื้นที่จะได้ทำมาหากิน ทำนาทำไร่ได้ มายืนยันว่า ตรงนี้เป็นแผ่นดินของเรา เเผ่นดินของคนไทย
ใครเข้ามายึดของคนไทย เราต้องผลักดันออกไปให้หมด เป็นกำลังใจให้ทหารไทยทุกคน
เราจะไม่ยอมเสียเเผ่นดินไทย จะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมายึดเเผ่นดินไทยไป จะไม่ปล่อยให้ทหารโดดเดี่ยว
ทหารก็ลูกหลานของเรา ชาวกัมพูชา มาด่าทหารเรา เห็นเเล้วเจ็บหัวใจมาก สงสารทหารไทยมาก จนไม่มีคำอธิบายว่า ทำไมชาวกัมพูชาใจร้ายกับไทยขนาดนี้
เมื่อเราให้ที่ทำมาหากิน ทำไมไม่สำนึกบ้าง เราเป็นคนไทย เราจึงต้องรักประเทศไทย
สงครามชาวบ้านพิทักษ์แผ่นดินครั้งนี้ ใช่ว่าทหารจะปล่อยปละ นอกจากทหารกองทัพภาค ๑ คอยควบคุมสถานการณ์แล้ว
เมื่อวาน (๒๖ ส.ค.) “พลเอกมนัส จันดี” เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย พร้อมคณะ และ พล.ต.วันชนะ สวัสดี
เดินทางลงพื้นที่จุดตรวจ ทั้งบ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว ตำบลโนนหมากมุ่น อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้วด้วย
ที่บ้านหนองจาน ในสงครามคารมชาวบ้านไทย-เขมร “พล.ต.วันชนะ” รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เฝ้าดูสถานการณ์ใกล้ชิด
พล.ต.วันชนะได้ขอบคุณชาวบ้านที่มารวมตัวกัน ว่า……
“ขอขอบคุณอย่างใจจริง ทุกคนมากันด้วยจิตใจบริสุทธิ์ ทุกคนรักชาติ รักเเผ่นดิน
เราคือคนไทย เราจะสามัคคีกัน เพื่อประเทศไทยของเรา”
นักรบชาวบ้านก็ส่งเสียง…เฮๆๆๆๆๆ
ตะโกน ไชโย..ไชโย..ไชโย จนเขมรเป็นหมาหน้าจ๋อย!
นอกจากนั้น “พล.ต.วันชนะ” ยังให้สัมภาษณ์นักข่าว สาระควรรู้ ประมาณนี้……
“จุดที่เรายืนอยู่ในขณะนี้คือ บ้านหนองจาน อยู่ในเขตของประเทศไทยปัจจุบันตอนนี้
หลักเขตที่ไทยและกัมพูชายอมรับตรงกัน คือหลักเขตที่ ๔๖ และ ๔๗ ซึ่งมีหลักเขตอยู่จริง
แต่พื้นที่ที่อ้างสิทธิ์ระหว่างหลักเขตพื้นที่ ๔๖ และ ๔๗ เราอ้างสิทธิ์ไม่ตรงกัน
นั่นหมายความว่า มีพื้นที่ที่ “อ้างสิทธิ์ทับซ้อน” กันอยู่ แต่สิ่งที่แน่ที่สุดคือ หลักเขตที่ "ลายเซ็งลี" ฝ่ายกัมพูชาได้เซ็นยอมรับเมื่อปี ๔๙ ที่กัมพูชาอ้างสิทธิ์
มันมีหมู่บ้านของเขาที่ล้ำมาในแผ่นดินไทยอย่างชัดเจน!
“ผมฝากไปถึง "ลายเซ็งลี" ผู้ที่มาเซ็นยอมรับไว้เมื่อปี ๔๙ ว่าคุณจะต้องจัดการกับหมู่บ้านเหล่านี้
โดยทำแผนอพยพประชาชนให้แล้วเสร็จ และต้องมีเวลากำหนด คุณต้องอพยพออกไป เพราะนี่เป็นการละเมิดอย่างชัดเจน”
แต่หมู่บ้านแห่งนี้ อาจจะมีข้อแตกต่างจาก “บ้านหนองหญ้าแก้ว” นิดหน่อยคือ บ้านหนองหญ้าแก้ว ไม่ได้เป็นพื้นที่ศูนย์อพยพมาก่อน แต่พื้นที่ “บ้านหนองจาน” เป็นศูนย์อพยพมาก่อน
แต่ผมยืนยันเหมือนเดิมว่า……
พื้นที่ที่เรายืนอยู่ตรงนี้เป็นแผ่นดินไทย สิ่งที่เราได้เปรียบ คือไม่ว่าคุณจะยอมรับหลักเขตหรือไม่ แต่ตรงนี้คุณล้ำเขตแดนอย่างแน่นอน
“ฮุน เซน” ไม่ใช่คนโง่ แต่เป็นคนโกง มันถึงพยายามที่จะฮุบเอาแผ่นดินของไทยไป
“เราเรียกร้องให้กัมพูชาอพยพชาวกัมพูชาที่ล่วงล้ำแผ่นดินไทยออกไป ซึ่งมีประมาณ ๕๐ ครัวเรือน ในพื้นที่เกือบ ๖๐ ไร่
ถ้าไม่เป็นไปตามข้อตกลงนั้น เราจะใช้สิทธิ์ผลักดันต่อไป ฮุน เซน ไม่ใช่คนโง่ แต่เป็นคนขี้โกง แม้กระทั่งเส้นที่เขาอ้างสิทธิ์ก็ยังล้ำมาในแผ่นดินไทย
จึงเรียกร้องให้กัมพูชาทำแผนอพยพประชาชนออกไป ส่วนพื้นที่ที่ทั้งสองฝ่ายอ้างสิทธิ์จะต้องมาคุยกันต่อในการประชุม JBC
จุดที่เราเรียกร้องอยู่นอกเหนือ MOU 43 เพราะเขาล้ำมาในแผ่นดินไทย ถ้ากัมพูชายังไม่ยอมทำ เราก็ต้องทำแผนของเรา เพื่อผลักดันเขาออกไป”
ที่ผมเก็บมาเล่าวันนี้ เจตนาให้พวกเราได้รู้ว่า “ความหวงแหน-รักบ้านรักเมือง” มันอยู่ในสายเลือดคนไทย
ในยามบ้านเมืองเผชิญภัยร่วมกัน ทหารไม่เคยทอดทิ้งประชาชน ในขณะเดียวกัน ประชาชนก็ไม่เคยทอดทิ้งทหาร
มีบ้าง ทั้งประชาชน และทหาร
“บางครั้ง-บางคน” แม้ไม่รัก…ไม่ว่า แต่ยังอสัตย์ชาติ-เนรคุณแผ่นดินเกิด มันมีนะ ใช่ว่าไม่มี!
ปัญหาดินแดนไทยกับเขมร มันเรื้อรังมานาน โดยไทยเราหย่อนยานแล้วอ้าง “เพื่อมนุษยธรรม” กับพวกตระกูลสัตว์ลิ้น ๒ แฉกอย่างเขมร
มันถึงเวลาแล้ว ที่ควรต้องสะสางทั้งบนบกและในทะเลให้มันจบในรุ่นเรา!
อย่าทิ้งให้ “รุ่นลูก-รุ่นหลาน” แบกภาระ ที่รุ่นพ่อ-รุ่นแม่ปล่อยปละเป็นปัญหาไว้ให้เลย
ตอนนี้ มีเสียงเปรียบเทียบการทำหน้าที่ระหว่างกองทัพภาคที่ ๑ กับกองทัพภาคที่ ๒ ผมว่า พวกเราถ้ารักชาติบ้านเมืองจริง อย่าทำอย่างนั้นเลย
เพราะรังแต่จะสร้างความบาดหมางกินใจ-แตกแยกกันภายในกองทัพและกำลังพล ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อชาติบ้านเมืองโดยรวม!
ในแต่ละพื้นที่ กองทัพมีแผนและยุทธศาสตร์ไม่เหมือนกัน ฉะนั้น การวางตัวแม่ทัพแต่ละพื้นที่ ก็อยู่ที่ผู้บังคับบัญชา เขาจะ “จัดคนให้ถูกกับงาน” ในพื้นที่นั้นๆ
และถ้าสถานการณ์เปลี่ยน แผนและนโยบายก็ต้องปรับ
รวมทั้ง “ตัวแม่ทัพ” ด้วย!
ฉะนั้น การใช้แค่ความรู้สึกจากตาเห็นไปตัดสินตัวแม่ทัพทันที-ทันใดนั้น จะทำให้เสียทั้งน้ำใจเราและน้ำใจเขาไปเปล่าๆ
กรณีบ้านหนองจาน โนนหมากมุ่น…..
ในภาวะ “รัฐบาลทหารนำ” พลโทอมฤต บุญสุยา” แม่ทัพภาคที่ ๑ สังคมเรียกว่า “บิ๊กใหญ่” ท่านต้องใช้โอกาสนี้ ใช้ความเป็นบิ๊กใหญ่ “ตีเหล็กกำลังร้อน”
เอาแผ่นดิน “บ้านหนองจาน-บ้านหนองหญ้าแก้ว” ของไทยกลับคืนมาจาก “เขมรเนรคุณ” ให้ได้
ชาวบ้านทนเห็น “เขมรเนรคุณชาติ” ตะโกนด่า ไล่ตีทหารไทยอย่างนั้น มันคันหัวใจ เสียทั้งความรู้สึก เสียทั้งศักดิ์ศรี
ฉะนั้น ควรต้องมีแผน “สั่งสอนมนุษย์หน้าขน” ให้มันรู้สำนึกและหลาบจำต่อทหารไทยไว้บ้าง
ต้องมีเงื่อนไขยื่นโนติสไปถึงนายกฯ ฮุน มาเนต และพ่อให้มาจัดการชาวบ้านของมันอย่างจริงจัง ภายในเวลาเท่านั้น-เท่านี้
ไม่งั้น ทหารไทยจะ “จัดการ” กับผู้บุกรุกดินแดนไทยเอง!
อย่าเหยาะแหยะ
ต้องให้เขมรมันจบที่รุ่น “รัฐบาลทหารนำ” นี่แหละ!
-เปลว สีเงิน
๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๘
คนปลายซอย