สรุปผลสำเร็จ NIA ปี 68 และเป้าเร่ง Startup ปี 69 โต 100 ราย รายได้ 1,000 ล้าน!
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ตอกย้ำบทบาท'ผู้กำหนดทิศทางนวัตกรรม' กับเป้าหมายการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ชาตินวัตกรรม “NIA…Leading Thailand to Innovation Nation” เผยผลสำเร็จการขับเคลื่อนธุรกิจนวัตกรรมไทยให้ก้าวสู่การแข่งขันระดับโลกด้วยนวัตกรรม ภายใต้แนวคิด “4G” Groom - Grant – Growth – Global พร้อมเดินหน้าสู่เป้าหมายใหม่เพื่อสร้างนวัตกรรมที่ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและสังคมด้วยระบบนิเวศนวัตกรรมที่เข้มแข็ง ทั้งมิติการสนับสนุนเงินทุน การพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการนวัตกรรม การเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานนวัตกรรม และการปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมโลกที่ผันผวนอย่างต่อเนื่อง เพื่อปักหมุดเสริมความแข็งแกร่งและสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการนวัตกรรมไทยสามารถเติบโตสู่การขยายผลการลงทุนทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ
ดร. กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ NIA กล่าวว่า จากจุดแข็งของธุรกิจนวัตกรรมไทยไม่ว่าจะเป็นความพร้อมของนโยบายและโครงสร้างพื้นฐานด้านนวัตกรรม ความสามารถในการผสานวัฒนธรรมและเทคโนโลยี เพื่อผลิตส่งออกสินค้าและบริการเชิงสร้างสรรค์ ผ่านความหลากหลายของทรัพยากรธรรมชาติ และการเติบโตของตลาดในภูมิภาคเอเชียที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนจากต่างชาติไม่น้อย ทำให้ทั้งสตาร์ตอัปและเอสเอ็มอีไทยมีโอกาสที่จะขยายการเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด
"สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ในฐานะผู้กำหนดทิศทางนวัตกรรม (Focal Conductor) พร้อมเชื่อมการทำงานร่วมกับพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบธุรกิจนวัตกรรมในทุกมิติผ่านแนวคิด ได้แก่ Groom การบ่มเพาะและพัฒนาศักยภาพด้านนวัตกรรม Grant การให้เงินทุน Growth การสร้างโอกาสขยายตลาดและแหล่งเงินทุน และ Global การเข้าสู่ตลาดระดับโลก"
สำหรับการดำเนินงานช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ในมิติ ‘Groom’ NIA ได้เร่งพัฒนาขีดความสามารถและศักยภาพทางนวัตกรรมผ่าน 16 หลักสูตรสร้างนวัตกรรมภายใต้ NIA Academy ซึ่งครอบคลุมทั้งกลุ่มเยาวชน ผู้ประกอบการ องค์กร และผู้นำรุ่นใหม่ กว่า 40,000 คน การพัฒนาและส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นผ่านกิจกรรมสตาร์ตอัปไทยแลนด์ลีคในระดับนิสิต/นักศึกษากว่า 250 ทีมจาก 50 มหาวิทยาลัยเครือข่ายทั่วประเทศ เพื่อพัฒนาศักยภาพและความสามารถด้านนวัตกรรมแก่เยาวชนในระดับอุดมศึกษา ให้มีทักษะและมุมมองในการเป็นผู้ประกอบการ พร้อมก้าวเข้าสู่โลกแห่งการเป็นสตาร์ตอัปที่ต้องออกสู่ตลาดจริง
และสำหรับกลุ่มสตาร์ตอัป เอสเอ็มอี หรือวิสาหกิจเพื่อสังคมที่ต้องการพัฒนาและต่อยอดนวัตกรรมสู่เชิงพาณิชย์อย่างจริงจัง NIA พร้อมจะร่วมสนับสนุนเงินทุน ‘Grant’ โดยแบ่งเป็นทุนนวัตกรรมที่จำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ และทุนนวัตกรรมรายพื้นที่ ผ่าน 9 กลไกหลักที่ครอบคลุมและตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่
- 1. นวัตกรรมแบบเปิด
- 2. โครงการนวัตกรรมแบบมุ่งเป้า
- 3. การพัฒนามาตรฐานสำหรับธุรกิจนวัตกรรม
- 4. ดอกเบี้ยบางส่วนเพื่อเสริมสภาพคล่อง
- 5. การขยายผลนวัตกรรมในระดับภูมิภาคสู่ตลาด
- 6. ที่ปรึกษาพัฒนานวัตกรรม
- 7. การขยายธุรกิจนวัตกรรม
- 8. นวัตกรรมดี…ไม่มีดอกเบี้ย
- 9. การสนับสนุนผู้ประกอบธุรกิจเทคโนโลยีและนวัตกรรมได้มีโอกาสเติบโตและขยายตลาดโดยการร่วมมือจากแหล่งทุนภาครัฐและเอกชน/การร่วมลงทุน
ปีนี้ NIA สนับสนุนธุรกิจนวัตกรรมไปแล้ว 254 โครงการ รวมมูลค่าการสนับสนุนแล้วกว่า 397 ล้านบาท (ข้อมูล ณ เดือนสิงหาคม 2568)
NIA ให้ความสำคัญกับการสร้างโอกาสขยายตลาดและแหล่งเงินทุน‘Growth’ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีศักยภาพของไทย จึงได้จัดทำโปรแกรมเร่งสร้างการเติบโตของธุรกิจนวัตกรรมใน 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ การเกษตร อาหาร การแพทย์และสุชภาพ พลังงานและสิ่งแวดล้อม และท่องเที่ยว/ซอฟต์พาวเวอร์/สังคม
ในปี 2569 NIA ตั้งเป้าเร่งสร้างการเติบโตให้สตาร์ตอัป 100 กิจการ ซึ่งคาดว่าจะเกิดรายได้จากธุรกิจนวัตกรรม 1,000 ล้านบาท และเกิดการลงทุนเพิ่มกว่า 2,000 ล้านบาท
รวมถึงการส่งเสริมและเผยแพร่ตัวอย่างความสำเร็จทางนวัตกรรมผ่าน ‘โครงการนิลมังกร’ ซึ่งเข้าสู่ปีที่ 3 โดยรุ่นที่ 1 และ 2 สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการแบรนด์นวัตกรรมไทยกว่า 40 ราย เฉลี่ย 3.4 เท่า หรือคิดเป็นมูลค่าเศรษฐกิจกว่า 530 ล้านบาท
ทั้งนี้ NIA ยังเป็นศูนย์กลางสตาร์ตอัประดับโลกที่มีบริการครอบคลุมทั้งสตาร์ตอัปไทยที่ต้องการไปเติบโตยังต่างประเทศ ‘Global’ หรือสตาร์ตอัปต่างประเทศที่จะเข้ามาสร้างธุรกิจนวัตกรรมในประเทศไทย ตั้งแต่การให้คำปรึกษา ตลาด การลงทุน เครือข่าย สมาร์ทวีซ่า มาตรการภาษีสำหรับสตาร์ตอัป รวมถึงการนำสตาร์ตอัปไทยที่มีศักยภาพออกสู่ตลาดโลกผ่านการเชื่อมตลาดระหว่างประเทศ การสร้างความร่วมมือกับพันธมิตร และกิจกรรมจับคู่ธุรกิจในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา สวีเดน ฟินแลนด์ กาตาร์ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง เพื่อสร้างโอกาสการขยายธุรกิจ และโอกาสการระดมทุน
นอกจากนี้ ยังมีโครงการยกระดับวิสาหกิจฐานนวัตกรรมให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด และต่อยอดการลงทุนสู่ตลาดสากลผ่าน 3 โปรแกรม ได้แก่
- Corporate Spark เน้นการจับคู่ธุรกิจกับสตาร์ตอัปนานาชาติที่มีเทคโนโลยีหรือบริการโดดเด่น
- Global Market Link สร้างโอกาสเชื่อมโยงและขยายตลาดไปยังต่างประเทศ และ
- Global Investment Link ยกระดับศักยภาพเพื่อโอกาสรับการลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศ
“จากแนวโน้มและโอกาสทางนวัตกรรมสำหรับทั้งสตาร์ตอัปและเอสเอ็มอีไทย NIA มองว่าในปี 2569 นั้น เทรนด์ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญในปัจจุบันแบ่งได้เป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ 1. เทรนด์ด้านเทคโนโลยี ได้แก่ AI, IoT, Automation 2. เทรนด์ด้านสิ่งแวดล้อม ได้แก่ พลังงานทางเลือก การประหยัดพลังงาน และลดการปลดปล่อยคาร์บอน 3. เทรนด์ด้านภูมิรัฐศาสตร์ ทั้งการจัดสรรทรัพยากร สถานการณ์ความขัดแย้งที่ส่งผลต่อห่วงโซ่การผลิตข้ามชาติ ภาษีการค้าระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา ที่ภาคอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการไทยต้องมีการปรับตัว
"และ 4. เทรนด์ด้านโครงสร้างประชากรที่สัดส่วนแรงงานวัยทำงานลดลง ส่งผลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจและขีดความสามารถในการผลิตของประเทศ สวัสดิภาพด้านสุขภาพ สินค้าและบริการ ซึ่งถือเป็นความท้าทายของเอสเอ็มอีและสตาร์ตอัปไทยที่ต้องรับมือความเปลี่ยนแปลง ตลอดจนเป็นทั้งโอกาสในการปรับตัวและเข้าถึงโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจากความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้" ดร.กริชผกากล่าว
ทั้งนี้ NIA กำหนดโครงการเรือธง (Flagship Project) ที่สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวง อว. ไว้ 3 ประเด็น ได้แก่ 1. การพัฒนาศูนย์กลางทางการแพทย์ 2. การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมของสตาร์ตอัปด้านเกษตร และ 3. การเร่งสร้างธุรกิจนวัตกรรมที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึก รวมถึงการพัฒนาระบบบริหารจัดการข้อมูลและรายงานผลการส่งเสริมธุรกิจนวัตกรรมประเทศไทย หรือ NIA Innovation Journey & Dashboard 2026 เพื่อเป็นฐานข้อมูลผู้ประกอบการฐานนวัตกรรม สินค้าหรือบริการที่ได้รับการสนับสนุนจาก NIA รวมถึงข้อมูลการเติบโตของผู้ประกอบการนวัตกรรม ซึ่งสามารถนำชุดข้อมูลมาวิเคราะห์สถานการณ์ด้านนวัตกรรม สำหรับนำไปกำหนดทิศทางและกลไกการสนับสนุนและส่งเสริมนวัตกรรมของประเทศไทยในอนาคต
อัปเดตเพิ่มในสิ่งจะได้เห็นต่อไป
ดร.กริชผกาเปิดเผยเพิ่มว่า NIA ยังให้การสนับสนุน Social Innovation โดยเล่าถึงเคสที่กำลังเติบโตและได้รับความสนใจจากหลายภาคส่วน นั่นคือโครงการ'บางลำพู ฟู้ด กู๊ด เทสต์ (Banglumphu's Food Good Taste)' ซึ่ง NIA ให้เงินทุนจำนวน 700,000 บาท สนับสนุนผู้ประกอบการร้าน Street Food จากชุมชนต่างๆ ในย่านบางลำพู นำเสนอเมนูเด่นขึ้นโต๊ะอาหาร โดยจัดเซ็ตเสิร์ฟแบบ Fine Dining ให้ผู้สนใจจ่ายและจองเข้าไปรับประทานเป็นรอบๆ ซึ่งนอกจากเป็นการสร้างรายได้เพิ่มให้ร้าน Street Food แล้ว ยังเป็นการส่งต่อวัฒนธรรมอาหารย่านบางลำพูสู่สาธารณะ ตลอดจนสร้างเม็ดเงินให้ประชาชนที่อยู่แวดล้อมได้ด้วย เช่น บริการเรือท่องเที่ยวระยะสั้นในย่านบางลำพูที่จะเริ่มให้บริการเร็วๆ นี้ โดยให้เด็กๆ มาเป็นไกด์ท้องถิ่น เล่าเรื่องราวต่างๆ บนเรือ และได้รายได้กลับไป
'ไส้กรอกปลาแนม - ถังทอง - ช่อม่วง' ส่วนหนึ่งของเมนูอาหารไทยในย่านบางลำพู ที่จัดเสิร์ฟภายใต้โครงการ Social Innovation ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก NIA
นอกเหนือจากนั้น ความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์และสงครามชายแดน กระตุ้นให้หลายประเทศ รวมถึงไทยเห็นความสำคัญของ Defense Tech หรือเทคโนโลยีป้องกันประเทศ มากขึ้นทาง NIA จึงจะเข้ามาส่งเสริมธุรกิจ Defense Tech ในปี 2026 อาทิ โดรนค้นหากับระเบิด เพื่อลดความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับทหาร นอกจากนั้น ยังสร้างความร่วมมือกับ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือGISTDA เพื่อพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีความมั่นคงปลอดภัยให้ประเทศหรือพัฒนาเพื่อการพาณิชย์ในอนาคต
ดร.กริชผกากล่าวปิดท้ายว่า NIA ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่สร้างผลกระทบเชิงบวกทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม (Impactful Innovation) ให้ประเทศ เพื่อขับเคลื่อนให้ประเทศไทยก้าวสู่ ‘ชาตินวัตกรรม’ ที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ