ยูเนสโกลงพื้นที่สตูล ประเมินซ้ำ “อุทยานธรณีโลก” เจาะลึกความยั่งยืนชุมชน – การศึกษา – อัตลักษณ์ท้องถิ่น
สตูล//ยูเนสโกลงพื้นที่สตูล ประเมินซ้ำ “อุทยานธรณีโลก” เจาะลึกความยั่งยืนชุมชน – การศึกษา – อัตลักษณ์ท้องถิ่น
จังหวัดสตูล – วันที่ 18 กรกฎาคม 2568 คณะผู้ประเมินจากองค์การยูเนสโก (UNESCO Global Geopark Revalidation Mission) นำโดย ศาสตราจารย์ ดร.เมก้า ฟาตีมะห์ โรซานา จากอินโดนีเซีย และมิสเตอร์ เฟอร์รัน คลีเมนต์ คอสตา จากสเปน ลงพื้นที่จังหวัดสตูล เพื่อดำเนินภารกิจการประเมินซ้ำ “อุทยานธรณีโลกสตูล” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15–19 กรกฎาคม 2568 ท่ามกลางความร่วมมือของชุมชนและภาคส่วนต่าง ๆ ที่เดินหน้าสร้างพลังขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืน
หนึ่งในจุดเน้นสำคัญที่สร้างความประทับใจแก่คณะผู้ประเมินคือ วิสาหกิจชุมชนปันหยาบาติก อำเภอละงู ซึ่งเป็นตัวอย่างของ “Geopark Product” ที่เติบโตจากร้านค้าท้องถิ่นเล็ก ๆ สู่ศูนย์เรียนรู้ระดับประเทศ ด้วยการบูรณาการนวัตกรรมจากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) และการสนับสนุนจากกระทรวง อว. วิสาหกิจแห่งนี้ได้ผลิตผ้าบาติกเชิงสร้างสรรค์ที่เชื่อมโยงกับเรื่องเล่าทางธรณีวิทยา นำลวดลายของแหล่งหิน ฟอสซิล และอัตลักษณ์ท้องถิ่นมาออกแบบเป็นลายผ้า ทำให้ผลิตภัณฑ์ไม่เพียงมีคุณค่าด้านเศรษฐกิจ แต่ยังกลายเป็นเครื่องมือเล่าเรื่องราวทางภูมิศาสตร์อย่างร่วมสมัย
ขณะที่ด้าน “การศึกษา” เป็นอีกมิติที่ยูเนสโกให้ความสนใจ โดยเฉพาะ “โรงเรียนกำแพงวิทยา” ซึ่งนำเสนอหลักสูตรอุทยานธรณีแบบบูรณาการ ภายใต้แนวคิดการเรียนรู้แบบเชื่อมโยง (Interdisciplinary Learning) นักเรียนได้ฝึกทักษะด้านวิทยาศาสตร์ควบคู่กับทักษะการเป็นมัคคุเทศก์น้อย สร้างความเข้าใจในความสัมพันธ์ระหว่างธรณีวิทยา ระบบนิเวศ และวิถีชีวิต ผ่านกิจกรรมลงพื้นที่จริง เสริมความเข้าใจอย่างเป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ ยังมีหน่วยงานด้านการศึกษาทุกระดับร่วมผลักดัน “Geo-Education” เช่น ศูนย์การเรียนรู้ในพื้นที่อุทยานธรณี กิจกรรมสร้างโมเดลธรณี วิทยาศาสตร์ชุมชน และกิจกรรมเยาวชนด้านการอนุรักษ์ ทำให้เห็นชัดเจนว่าความรู้เรื่องธรณีวิทยาไม่ได้อยู่แค่ในตำรา แต่ฝังแน่นในชีวิตประจำวันของคนในพื้นที่
อุทยานธรณีโลกสตูล (Satun UNESCO Global Geopark) ครอบคลุมพื้นที่ 72 แหล่งธรณี กระจายใน 3 อำเภอหลัก คือ ทุ่งหว้า มะนัง และละงู รวมถึงบางส่วนของอำเภอเมืองสตูล (บริเวณอุทยานแห่งชาติเกาะตะรุเตา) ซึ่งมีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดตรัง พัทลุง และทะเลอันดามัน ถือเป็นแหล่งฟอสซิลที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ราว 500 ล้านปี
การประเมินซ้ำในครั้งนี้ไม่ได้ดูเพียงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังชี้วัดไปถึง “ผลประโยชน์เชิงสังคม เศรษฐกิจ และการเรียนรู้” ตามกรอบของยูเนสโกที่เน้นการบริหารจัดการอย่างมีส่วนร่วม ใช้ทรัพยากรธรณีเป็นฐานในการสร้างงาน สร้างรายได้ และปลุกจิตสำนึกให้เกิดการอนุรักษ์อย่างแท้จริง
หากสตูลสามารถรักษามาตรฐานได้ ก็จะเป็นการต่ออายุการรับรอง "อุทยานธรณีโลก" อีก 4 ปี พร้อมเสริมความมั่นคงให้กับชื่อเสียงของจังหวัดในเวทีโลก และตอกย้ำว่าพลังของ “ชุมชน–การศึกษา–นวัตกรรม” คือกุญแจสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนในแบบฉบับของ Satun Geopark