EU คาดทรัมป์ลงนามคำสั่งสัปดาห์นี้ ลดภาษีนำเข้ารถยนต์เหลือ 15% คงภาษีเหล็ก-อะลูมิเนียมที่ 50%
EU คาดทรัมป์ลงนามคำสั่งสัปดาห์นี้ เพื่อรับรองข้อตกลงลดภาษีนำเข้ารถยนต์จากยุโรปเหลือ 15% ขณะที่ภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 50% หากสหรัฐผิดข้อตกลง EU เตรียมมาตรการตอบโต้แล้ว
วันที่ 4 สิงหาคม 2568 เวลา 15.45 น. สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สหภาพยุโรปคาดว่าโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ จะออกคำสั่งฝ่ายบริหารภายในสัปดาห์นี้ เพื่อรับรองอย่างเป็นทางการในการปรับลดภาษีนำเข้ารถยนต์จากกลุ่มประเทศ EU และอนุญาตให้สินค้าบางรายการ เช่น ชิ้นส่วนอากาศยาน ได้รับการยกเว้นภาษี ทั้งนี้เป็นข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับการเจรจา
ทั้งสองฝ่ายยังคาดว่าจะเผยแพร่แถลงการณ์ร่วมเพื่อระบุข้อตกลงทางการเมืองที่ได้บรรลุระหว่างทรัมป์และนางเออร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เมื่อเดือนก่อน โดยรูปแบบทางกฎหมายที่สหรัฐจะใช้นั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของฝ่ายบริหารสหรัฐเอง
ตามข้อตกลงที่มีขึ้นกับสหรัฐ กลุ่มประเทศสมาชิกEU ทั้ง 27 ประเทศจะต้องเผชิญกับอัตราภาษีนำเข้าที่ระดับ 15% สำหรับสินค้าโดยรวม ซึ่งรวมถึงรถยนต์ที่ก่อนหน้านี้ถูกเก็บภาษีที่อัตรา 25% รวมไปถึงมาตรการในอนาคตที่อาจครอบคลุมถึงสินค้าเภสัชภัณฑ์และเซมิคอนดักเตอร์ ตามที่เจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายระบุไว้ก่อนหน้านี้
คำสั่งฝ่ายบริหารที่ออกโดยทำเนียบขาวเมื่อสัปดาห์ก่อนระบุว่าภาษีนำเข้าทั่วไปจะถูกกำหนดไว้ที่ระดับสูงสุดไม่เกิน 15% สำหรับกลุ่มEU ขณะที่ประเทศคู่ค้ารายอื่นจะต้องเผชิญกับอัตราพื้นฐานที่ถูกรวมเข้ากับภาษีในระดับประเทศพึงได้รับความอนุเคราะห์สูงสุด (MFN) ที่มีอยู่เดิม
อย่างไรก็ตามคำสั่งดังกล่าวยังไม่ได้ระบุชัดเจนถึงสินค้าที่ได้รับการยกเว้น หรือวิธีการที่มาตรการทางภาษีตามกลุ่มอุตสาหกรรมจะถูกนำมาใช้กับประเทศคู่ค้า โดยนอกจากภาษีทั่วไปแล้ว ทรัมป์ยังได้กำหนดภาษีนำเข้า 25% สำหรับรถยนต์และชิ้นส่วน และ 50% สำหรับเหล็กและอะลูมิเนียม อีกทั้งยังขู่ว่าจะขยายเป้าหมายไปยังอุตสาหกรรมเภสัชภัณฑ์และเซมิคอนดักเตอร์ในเร็ว ๆ นี้
เจ้าหน้าที่คาดว่าสินค้าจำนวนจำกัด เช่น ยา generic และชิ้นส่วนอากาศยาน เท่านั้นที่จะได้รับอัตราภาษีต่ำกว่าระดับพื้นฐาน 15% ในสัปดาห์นี้ ขณะที่การเจรจาเกี่ยวกับสินค้าชนิดอื่น เช่น ไวน์ สุรา และสินค้าที่สามารถเข้าสู่ข้อตกลงยกเว้นภาษีแบบทวิภาคียังคงดำเนินต่อไป
นอกจากนี้สหภาพยุโรปยังผลักดันให้มีข้อตกลงที่อนุญาตให้สามารถส่งออกเหล็กและอะลูมิเนียมในปริมาณที่จำกัดเข้าสู่สหรัฐฯ ได้ในอัตราภาษีที่ต่ำกว่าระดับ 50% ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยการเจรจานี้เกิดขึ้นควบคู่กับความพยายามในการป้องกันปัญหากำลังการผลิตส่วนเกินในห่วงโซ่อุปทาน
แหล่งข่าวบางรายระบุว่า หากสหรัฐไม่ดำเนินการตามพันธะทางการเมืองที่ตกลงไว้ กลุ่มประเทศสมาชิกEU ก็อาจเรียกร้องให้มีการตอบโต้ โดยสหภาพยุโรปได้เตรียมมาตรการตอบโต้ที่ครอบคลุมสินค้ามูลค่าเกือบ 100,000 ล้านยูโร หรือประมาณ 116,000 ล้านดอลลาร์ไว้แล้ว ซึ่งสามารถนำมาใช้ได้ทันทีหากจำเป็น
อ้างอิง : bloomberg.com