โชว์ผลงาน! 5 เดือนรัฐบาลลุยปราบบุหรี่ไฟฟ้า
"จิราพร"ปลื้ม!!โชว์ผลงาน5 เดือน รัฐบาลลุยปราบ - จับ บุหรี่ไฟฟ้า สั่งบูรณาการ 20 หน่วยงานปราบปรามการจำหน่ายทั้งแบบร้านค้า-ออนไลน์ ชี้ภัยคุกคามสุขภาพเด็ก - เยาวชนไทย
วันนี้ ( 4 ส.ค.68) ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล จัดประชุมวิชาการ “บุหรี่กับสุขภาพแห่งชาติ” ครั้งที่ 23 ในโอกาสครบรอบ 20 ปี ศจย. เรื่อง “รวมพลังกระชากหน้ากากธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้า : คนรุ่นใหม่รู้เท่าทันกลยุทธ์” ผศ.ดร.นพ.วิชช์ เกษมทรัพย์ ผู้อำนวยการ ศจย.กล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบันที่บุหรี่ไฟฟ้าที่แทรกซึมสู่สังคมไทย โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งองค์การอนามัยโลก กำหนดประเด็นการรณรงค์ Unmasking the Appeal กระชากหน้ากากธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้า ทำให้ ศจย.ต้องเร่งสร้างความตระหนักรู้เพื่อต่อสู้กับกลยุทธ์อุตสาหกรรมบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงสร้างความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายเพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนไทย
ด้านนางสาวจิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานเปิดการประชุม กล่าวว่า บุหรี่ไฟฟ้ากลายเป็นภัยคุกคามสุขภาพ ด้วยอุตสาหกรรมบุหรี่ไฟฟ้ามีความซับซ้อนขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดจากกลยุทธ์ทางการตลาดที่มุ่งเป้าที่เด็กและเยาวชน ทำผลิตภัณฑ์ที่มีหลากหลาย มีรสชาติที่น่าดึงดูด ขณะเดียวกันก็สร้างภาพลักษณ์ให้ดูทันสมัย เพื่อให้เสมือนว่า บุหรี่ไฟฟ้าไม่อันตราย
“หลายประเทศห้ามจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงประเทศไทย ซึ่งนโยบายรัฐบาลนี้ได้แสดงถึงเจตจำนงการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง เช่น การบูรณาการการทำงานกว่า 20 หน่วยงานเพื่อรับมือการลักลอบการนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า การปูพรมปราบปรามการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าทั้งรูปแบบร้านค้า และออนไลน์ พร้อมๆกับการประชาสัมพันธ์เชิงรุกสร้างการรับรู้ในวงกว้าง”
นางสาวจิราพร กล่าวอีกว่า ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์– 2 สิงหาคม 2568 ระยะเวลา 5 เดือน เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมคดีบุหรี่ไฟฟ้าได้กว่า 3,157 คดี ยึดของกลางกว่า 2,945,674 ชิ้น มูลค่ารวมกว่า 579,324,618 บาท ซึ่งมากกว่ายอดของปี 2566 และ 2567 ทั้งปี นอกจากนี้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมยังได้ดำเนินการระงับและปิดกั้น URL ที่กระทำผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า กว่า 11,000 URL ซึ่ง มากกว่าสถิติทั้งปี 2567 เช่นกัน
" สถิติเหล่านี้สะท้อนถึงการเอาจริงของรัฐบาลในการปราบปรามการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อปกป้องเด็กและเยาวชน อนาคตของชาติ แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ แต่รัฐบาลยังคงมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าปราบปรามอย่างต่อเนื่อง "
ขณะที่นพ.ทศพร เสรีรักษ์ ประธานคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการปกป้องเด็กไทยจากบุหรี่ไฟฟ้าว่า กลยุทธ์ล่าเหยื่อธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้าวันนี้ มุ่งเป้าไปที่เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี โดยเฉพาะจะเห็นว่า อายุเด็กต่ำลงไปถึง 1 ปี 7 เดือน รวมทั้งวัยรุ่นผู้หญิงสูบบุหรี่สูบไฟฟ้าถึง 18 เท่า
“บุหรี่ไฟฟ้า ส่งผลกระทบต่อสมองเด็กที่กำลังพัฒนา ด้วยบุหรี่ไฟฟ้ามีสารนิโคติน ที่แก้จุดอ่อนบุหรี่มวน โดยใช้นิโคตินสังเคราะห์ทำให้ไม่ละคายคอ มีกลิ่นหอม ยั่วใจเด็ก ไม่เว้นแม้แต่ผู้ใหญ่ แต่รู้หรือไม่ว่า ส่งผลกระทบตามมาทำให้เกิดโรคปอดหาย และยังทำให้การคิดวิเคราะห์ และสมาธิเด็กและเยาวชนมีปัญหาไปหมด” นพ.ทศพร กล่าว และยืนยันว่า มายาคติการสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อเลิกบุหรี่มวน จึงไม่เป็นความจริง ซึ่งองค์การอนามัยโลก ยืนยันไม่มีหลักฐานว่า บุหรี่ไฟฟ้าสามารถใช้เพื่อการเลิกบุหรี่มวนได้ วันนี้มีข่าวดีองค์การเภสัชกรรมของไทย สามารถผลิตยาเลิกบุหรี่ตัวใหม่ ชื่อ Cytisine มีประสิทธิภาพสูงสามารถลดอาการขาดยาจากการขาดนิโคตินได้ดี
นพ.ทศพร ยังกล่าวด้วยว่า เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 รัฐบาลเห็นชอบ 5 มาตรการปกป้องเด็กไทยจากบุหรี่ไฟฟ้า ที่สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) เสนอแล้ว ซึ่งหนึ่งในข้อเสนอ คือการยังคงกฎหมายห้ามการนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า รวมทั้งการปฏิบัติตามพันธสัญญาที่ไทยได้ลงสัตยาบันกับองค์การอนามัยโลกไว้
“ปัจจุบัน มี 42 ประเทศทั่วโลกยังคงกฎหมายห้ามการนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า และพบว่า ประเทศที่ห้ามนำเข้า บุหรี่ไฟฟ้าเด็ดขาด จะมีอัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าของเด็กและเยาวชน ต่ำกว่า ประเทศที่ใช้มาตรการอื่นๆ ทั้งนี้ มีกรณีศึกษาประเทศที่ห้ามนำเข้าอย่างเด็ดขาดสามารถควบคุมการสูบบุหรี่ไฟฟ้าได้ดี แต่พอเปลี่ยนอนุญาตให้นำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า จำหน่ายได้ เกิดการระบาดในเด็กและเยาวชนเพิ่มขึ้น 2 – 5 เท่า เช่น ในแคนนาดา นิวซีแลนด์”
นพ.ทศพร กล่าวด้วยว่า การห้ามนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้ายังสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐในการดูแลรักษาประชาชนที่เกิดจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงผลกระทบที่จะเกิดจากครอบครัว ซึ่งถือเป็นความสูญเสียทางเศรษฐกิจที่นับไม่ถ้วน ดังนั้น การแทรกแซงนโยบายสาธารณะของอุตสาหกรรมบุหรี่ไฟฟ้ากมธ.สาธารณสุขจะร่วมกระชากหน้ากาก เพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนไทย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews