อดีตผู้ว่าททท.ถอดรหัสตลาดท่องเที่ยวไทย ย้ำเร่งกู้จีนเที่ยวไทย
จีนเที่ยวไทยต่ำกว่า 5 ล้านคนในรอบ 12 ปี
การท่องเที่ยวของไทยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 (วันที่ 1 ม.ค. ถึง 30 มิ.ย. 2568) มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเที่ยวไทย 16,685,469 คน ลดลง 4.6 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ 17,501,283 คน สาเหตุสำคัญ คือ นักท่องเที่ยวจีนชะลอตัวลง ตั้งแต่ต้นปี 2568 จากเฉลี่ย 21,380 คนต่อวันในเดือนม.ค. เหลือเฉลี่ย 10,000 คนต่อวัน ณ สิ้นเดือนมิ.ย.68 หรือ ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยเฉลี่ย 12,657 คนต่อวันเท่านั้น
ก่อนเกิดโควิด-19 ในปี 2562 มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทย 11.1 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วน 28 % จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด 39.8 ล้านคน คิดเฉลี่ยเดือนละ 925,000 คน หรือวันละกว่า 30,000 คน การชะลอตัวของนักท่องเที่ยวจีน ส่งผลให้สัดส่วนนักท่องเที่ยวจีน เหลือเพียง 13.58 % ในปัจจุบัน เมื่อเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยทั้งหมด
หากแนวโน้มนี้ยังคงต่อไป ตลอดทั้งปี 2568 จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยเหลือเพียง 4-5 ล้านคน เป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี ที่จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยต่ำกว่า 5 ล้านคน (ไม่นับช่วงโควิดและการฟื้นตัวหลังโควิด ปี 2563-2566) การหายไปของนักท่องเที่ยวจีน จะส่งผลต่อเป้าหมายการสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวในภาพรวมอย่างมีนัยสำคัญ แม้ตั้งแต่วันที่ 6 มิ.ย.68 นักท่องเที่ยวจีนจะแซงขึ้นมาเป็นอันดับ 1 แทนนักท่องเที่ยวจีน แต่นักท่องเที่ยวจีนมีระยะเวลาพำนัก (Length of Stay) และการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนต่อทริป (Spending per Trip) ค่อนข้างสูงเมื่อเปรียบเทียบกับหลายประเทศ
คาดปีนี้ต่างชาติเที่ยวไทย 34.2 ล้านคน
นักท่องเที่ยวจีนมีระยะเวลาพำนัก 7.36 วัน และการใช้จ่ายต่อทริป 42,428 บาท ขณะที่นักท่องเที่ยวมาเลเซียมีระยะเวลาพำนัก 4.17 วัน และการใช้จ่ายต่อทริป 21,450 บาท หากนักท่องเที่ยวจีนยังหดตัวเช่นนี้ต่อไป ทำให้หลายฝ่ายคาดการณ์ประมาณการนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้ทั้งปี น่าจะพลาดเป้าและอาจต่ำกว่าปีที่ผ่านมา โดยเหลือเพียง 34.2 ล้านคน ลดลง 3.8 % เมื่อเทียบกับจำนวน 35.6 ล้านคนในปีที่ผ่านมา
ในขณะที่เป้าหมายรายได้ท่องเที่ยวก็น่าจะพลาดเป้าเช่นกัน ตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงและพฤติกรรมการใช้จ่ายตามสภาพเศรษฐกิจโลกที่เข้าสู่ช่วงตกต่ำ แม้จะมีสัญญาณเชิงบวกจากตลาดนักท่องเที่ยวชาติอื่นที่สามารถเข้ามาทดแทนจำนวนและรายได้จากจีนได้ เช่น เอเชียใต้ ยุโรป อเมริกา และตะวันออกกลางก็ตาม แต่นักท่องเที่ยวจากพื้นที่เหล่านี้มีฤดูกาลเดินทาง และมักจะมาในช่วงปลายปีเพื่อหนีหนาวมาเที่ยวไทย
จี้เร่งดึงทัวริสต์จีน ชี้ยังมีโอกาส
ดังนั้นจึงไม่ควรทิ้งตลาดจีน โดยต้องหันมาทำการตลาดเชิงรุกอย่างเร่งด่วน การนำนักท่องเที่ยวจีนกลับมา หนึ่งล้านคนของนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้น หมายถึงเม็ดเงิน 40,000-50,000 ล้านบาท ที่จะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย เพราะนักท่องเที่ยวจีนมีระยะเวลาพำนักมานกว่าและใช้จ่ายมากกว่า นอกจากนี้โอกาสยังเปิดกว้างในตลาดจีน ซึ่งผลสำรวจเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดย Dragon Trail International บริษัทด้านการท่องเที่ยวในประเทศจีน พบว่ายังมีคนจีนถึง 42 % วางแผนที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างประเทศในปีนี้ แต่ยังไม่ได้ทำการจองใด ๆ
การปรับภาพลักษณ์ การสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย การนำเสนอจุดขายใหม่ๆ และการใช้ประโยชน์จากโปรโมชันหรือข้อเสนอพิเศษ ที่เน้นความคุ้มค่าเป็นสำคัญ จะช่วยสร้างโอกาสในการนำนักท่องเที่ยวจีนกลับมา และจะส่งผลทำให้เป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ และ รายได้จากการท่องเที่ยวไม่พลาดเป้าไปมากนักเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
เที่ยวไทยคนละครึ่ง ช่วยได้ไม่มาก
สำหรับตลาดในประเทศหรือ “ไทยเที่ยวไทย” ใน 6 เดือนแรกของปี 2568 มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยรวม 102 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ราว 574,000 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นเล็กน้อยทั้งจำนวนผู้เดินทางและรายได้ ส่วนโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ที่เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนแล้วตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 คาดว่าจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศได้บ้าง แต่อาจจะไม่มากนักเนื่องจากจำนวนสิทธิ์ค่อนข้างจำกัด เพียง 500,000 สิทธิ์เท่านั้น
ในขณะที่แนวโน้มการใช้จ่ายสำหรับนักท่องเที่ยวคนไทยน่าจะปรับตัวลดลงตามแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศและภาวะหนี้สินภาคครัวเรือน ดังนั้นการคาดหวังที่จะให้ “ไทยเที่ยวไทย” มาช่วยสนับสนุนการสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวในภาพรวมของประเทศเป็นเรื่องท้าทาย เหมือนทิศทางตลาดต่างประเทศเช่นกัน
อย่างไรก็ตามหากผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน เน้นการตลาด เพื่อเพิ่มความถี่ในการเดินทาง ท่องเที่ยวภายในประเทศ ช่วยลดต้นทุนการเดินทาง มุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวระยะใกล้ ภายในภูมิภาคมากกว่าการเที่ยวข้ามภาคที่มีต้นทุนในการเดินทางสูงกว่า และใช้เมืองรองเป็นสนามแม่เหล็กดึงดูด และกระตุ้นให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ
โดยกำหนด Value Propositions ใหม่ ของเมืองน่าเที่ยว (เมืองรอง) ที่ดึงดูด น่าสนใจ เร่งสร้างจุดขายใหม่ตามนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองน่าเที่ยว (เมืองรอง) ของรัฐบาล ก็อาจทำให้“ไทยเที่ยวไทย” เข้ามาช่วยทำให้รายได้ทางการท่องเที่ยวในภาพรวมของประเทศไม่พลาดเป้าไปมากนัก เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,114 วันที่ 17 - 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2568