อิ๊งค์-พท.คะแนนนิยมดิ่งเหว
“แพทองธาร-เพื่อไทย” อาการหนัก นิด้าโพลเผยคะแนนนิยมดิ่งเหว “อิ๊งค์” หล่นวูบไปอยู่ที่ 5 ตามก้น “เท้ง-ลุงตู่-เสี่ยหนู” สวนดุสิตโพลย้ำต่ำสุดรอบ 18 เดือน “วิสุทธิ์” รับคลิปลุงฮุนส่งผล แต่เชื่อหลัง ครม.ใหม่เดินหน้าความนิยมกลับมา “เท้ง” ได้ทีขอบคุณ แต่ผวา “พล.อ.ประยุทธ์” มีชื่อติดโผ “พท.” นัด 2 ก.ค. ถกใครได้เก้าอี้รองประธานสภาฯ ที่ว่างอยู่ “สุชาติ” บอกไม่งอแงพร้อมทำตามนายกฯ ชี้นิ้ว
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 มิ.ย.2568 นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความคืบหน้าการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนสำคัญ ทราบว่าทำเนียบรัฐบาลได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายแล้ว ขอให้รอขั้นตอนต่อไปว่าจะมีการโปรดเกล้าฯ ลงมาเมื่อใด ส่วนกรณีกระแสข่าวว่า สส.ภาคอีสานทวงโควตาเก้าอี้รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 หลังผิดหวังโผ ครม.นั้น ต้องมีการพูดคุยกัน ซึ่งในการปรับ ครม.ทุกครั้ง ทุกพรรคมีแรงกระเพื่อมหมด ซึ่งแน่นอนว่ามีคนอยากเข้าไปทำงานเป็นเรื่องปกติ โดยในวันที่ 2 ก.ค.นี้จะประชุม สส.พรรคเพื่อไทย ก่อนเปิดสมัยประชุมสภาในวันที่ 3 ก.ค. โดยจะพูดคุยถึงขั้นตอนหลายๆ อย่าง ส่วนเรื่องการเลือกรองประธานสภาฯ คนใหม่ ได้รับแจ้งว่าน่าจะก่อนวันที่ 15 ก.ค. ส่วนพรรคจะส่งใครเป็นตัวแทน สส.ภาคอีสานหรือไม่นั้น หรือโควตาพรรคใด เป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยกันในวันที่ 2 ก.ค.นี้
ด้านนายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์เนชั่นทีวี ถึงกระแสข่าวว่ากลุ่ม 18 จะถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลหลังไม่ได้ขยับเก้าอี้รัฐมนตรีว่า ไม่จริง การปรับ ครม.เป็นอำนาจของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ซึ่งน้อมรับ เพราะพูดมาตลอดว่าสนับสนุน น.ส.แพทองธาร แม้กระทั่งในวันที่มีกระแสข่าวออกมาว่ามติพรรค รทสช.ให้นายกฯ ลาออก กลุ่ม 18 ได้แสดงตัวว่าสนับสนุนนายกฯ แล้วจะมีเหตุผลอะไรที่จะไม่สนับสนุนนายกฯ
ด้านนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวว่า รัฐบาล น.ส.แพทองธาร 1/2 เป็นเสียงปริ่มน้ำ เราจะเห็นแต่ละพรรคร่วมรัฐบาลออกมาส่งข้อเรียกร้อง ส่งคำขู่ตลอด เช่น การถอนตัวออกจากพรรคร่วมฯ บ้างอะไรบ้าง และจะเห็นสถานการณ์แบบนี้ไปเรื่อยๆ แทบทุกครั้งที่มีการโหวตกฎหมายในสภาเลยด้วยซ้ำ พรรคจึงเรียกร้องให้ยุบสภา เพราะหากรัฐบาลยังเป็นแบบนี้ ไม่น่าจะแก้ไขปัญหาอะไรให้กับประชาชนได้ ต้องคืนเสียงให้กับประชาชนตัดสินถึงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
“การจัดตั้งรัฐบาลแบบนี้ที่เสียงปริ่มน้ำ พรรคร่วมฯ ก็สามารถส่งคำขู่เพื่อเรียกร้องต่อรองผลประโยชน์ของตัวเองให้ได้มากที่สุด มองไม่เห็นเลยว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะสามารถบริหารและคุมเสียงได้อย่างมีเสถียรภาพอย่างไร ตราบใดที่เดินหน้าแบบนี้อยู่ ก็คงไม่สามารถหาทางออกให้กับประเทศได้” นายณัฐพงษ์กล่าว
วันเดียวกัน ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เผยผลการสำรวจเรื่อง การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองรายไตรมาส ครั้งที่ 2/2568 โดยสอบถามประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ รวม 2,500 หน่วยตัวอย่าง โดยเมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกฯ ในวันนี้ พบว่า 31.48% ระบุว่าเป็นนายณัฐพงษ์ เพราะเป็นคนรุ่นใหม่ที่กล้าแสดงออก มีแนวคิดที่ชัดเจนและทันสมัย อีกทั้งยังแสดงจุดยืนทางการเมืองอย่างตรงไปตรงมา, 19.88% ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้, 12.72% พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะเป็นบุคคลที่พูดจริงทำจริง ตรงไปตรงมา มีความซื่อสัตย์สุจริต ทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบ, 9.64% นายอนุทิน ชาญวีรกูล เพราะมีความกล้าตัดสินใจ และมีประสบการณ์ในการบริหารประเทศ, 9.20% น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เพราะมีความตั้งใจในการทำงาน แม้จะมีข้อจำกัดด้านประสบการณ์ และต้องการเปิดโอกาสให้ได้แสดงศักยภาพในการบริหารประเทศ, 6.48% นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เพราะเป็นบุคคลที่มีความน่าเชื่อถือ มีความเด็ดขาดในการตัดสินใจ และมีประสบการณ์ทางด้านกฎหมาย, 6.12% คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เพราะเป็นบุคคลที่มีจุดยืนชัดเจน มีประสบการณ์ จากการทำงานในรัฐบาลหลายชุด และทำงานอย่างตรงไปตรงมา, 1.48% พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพราะเป็นบุคคลที่มีความเด็ดขาด มีความน่าเชื่อถือ สามารถบริหารจัดการปัญหาต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ, 2.92% ระบุอื่นๆ
ท้ายสุดเมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่ประชาชนจะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า 46.08% พรรคประชาชน, 13.24% พรรครวมไทยสร้างชาติ, 11.52% พรรคเพื่อไทย, 9.76% พรรคภูมิใจไทย, 7.72% ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้, 4.20% พรรคไทยสร้างไทย, 2.88% พรรคพลังประชารัฐ, 2.68% พรรคประชาธิปัตย์, 1.76% ระบุอื่นๆ และ 0.16% ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ขณะที่ สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือน มิ.ย.2568 จากกลุ่มตัวอย่าง 2,114 คน พบว่า ดัชนีการเมืองไทย เดือน มิ.ย. ภาพรวมคะแนนเต็ม 10 ได้ 4.13 คะแนน โดยตัวชี้วัดทั้ง 25 ตัวลดลงทุกด้าน โดยนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านที่ประชาชนคิดว่ามีบทบาทโดดเด่นในเดือน มิ.ย.นั้น ฝ่ายรัฐบาลคือ น.ส.แพทองธาร 23.04%, นายอนุทิน 20.83%, นายพีระพันธุ์ 16.25% และไม่ชื่นชอบใครเลย 39.88% ส่วนนักการเมืองฝ่ายค้าน นายณัฐพงษ์ 48.72%, น.ส.รักชนก ศรีนอก 31.44% และนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร 19.84%
สำหรับผลงานของฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านที่ประชาชนชื่นชอบในเดือน มิ.ย.นั้น ผลงานฝ่ายรัฐบาล ขึ้นค่าแรง 400 บาท 41.12%, ยกระดับแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ 31.28% และยกเลิกกัญชาเสรี 27.60% ส่วนผลงานฝ่ายค้านคือ ตรวจสอบการดำเนินงานของรัฐบาล 44.84%, เปิดโปงขบวนการทุจริตในภาครัฐ 29.60% และตรวจสอบงบประมาณปี 2569 25.56%
คะแนนนิยมดิ่งรอบ 18 เดือน
น.ส.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า การเมืองไทยเดือน มิ.ย.ร้อนแรงจากความขัดแย้งภายในรัฐบาล โดยเฉพาะกรณีปรับ ครม. การแย่งชิงเก้าอี้กระทรวงมหาดไทย และความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อเสถียรภาพและความเชื่อมั่นของประชาชน ทำให้คะแนนดัชนีการเมืองลดเหลือเพียง 4.13 คะแนน ต่ำที่สุดในรอบ 18 เดือน ขณะที่ผลงานนายกรัฐมนตรีตกไปอยู่อันดับที่ 20 รัฐบาลจึงต้องเร่งสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์เพื่อรักษาความเชื่อมั่นจากประชาชน
ขณะที่ ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เผยผลสำรวจเรื่อง อารมณ์ความรู้สึกของคนไทย จากประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ 1,093 ตัวอย่าง พบเสียงในใจของคนไทยที่สะท้อนอารมณ์ความรู้สึกและความหวังต่ออนาคตประเทศที่ระบุว่า คนไทยส่วนใหญ่หรือ 81.7% รู้สึกเห็นใจประชาชน ที่ต้องทนแรงกดดันจากการแบ่งข้างเลือกข้างทางการเมือง ทั้งที่ไม่ต้องการเลือกข้าง แต่ถูกบีบบังคับโดยสภาพแวดล้อมทางสังคมให้ต้องตัดสินใจ, 74.2% เห็นใจ น.ส.แพทองธาร ที่ต้องแบกภาระชาติทุกอย่างท่ามกลางความท้าทายรอบด้าน, 70.6% เห็นใจนักการเมืองรุ่นใหม่ ที่ต้องต่อสู้กับโครงสร้างและกลุ่มการเมืองแบบเดิม และ 68.9% เห็นใจฝ่ายค้าน ที่ตรวจสอบรัฐบาลภายใต้ข้อจำกัดมากมาย
ด้านนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงผลสำรวจนิด้าโพลว่า กระแสความนิยมในช่วงนี้อาจจะมีสวิงบ้าง จากกรณีคลิปเสียงนายกฯ พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งประชาชนในต่างจังหวัดเข้าใจแล้วว่าทำไมนายกฯ ถึงพูดแบบนั้น เป็นเพราะไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง แต่คนกรุงเทพฯ ส่วนหนึ่งอาจไม่เข้าใจประเด็นนี้
เมื่อถามว่า ผลสำรวจพบว่าดัชนีการเมืองไทยต่ำสุดในรอบ 18 เดือน และแนะให้รัฐบาลเร่งสร้างผลงาน นายวิสุทธิ์กล่าวว่า แน่นอนรัฐบาลชุดใหม่ ครม.ชุดใหม่ต้องทำงานเต็มที่ เพื่อแก้ปัญหาปากท้องให้พี่น้องประชาชน สิ่งสำคัญที่สุดคือความรักชาติ ความสามัคคี ไม่ใช่มาตีกันเองแล้วตกเป็นเหยื่อของสมเด็จฮุน เซน ให้เขาหัวเราะว่าเราด่ากันตีกัน
น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่าน X ว่า คะแนนนิยมมีขึ้นมีลงเป็นเรื่องปกติ และประชาชนก็มีสิทธิเปลี่ยนใจได้เสมอตามสถานการณ์ ผลโพลครั้งนี้ยังไม่ใช่บทสรุปสุดท้าย เพราะยังเหลือเวลาเกือบ 2 ปีก่อนถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไป และยังมีโอกาสอีกมากให้รัฐบาลชุดนี้แสดงผลงานและสร้างความเชื่อมั่นกลับคืน ในระยะสั้นผลโพลอาจสะท้อนกระแส แต่ในระยะยาวคงต้องตัดสินกันที่ฐานเสียงทั้งในระดับประเทศและพื้นที่ ต้องวัดกันที่ความชัดเจนของนโยบายและการผลักดันผลงานที่เห็นเป็นรูปธรรม
“ท่านนายกฯ แพทองธารอาจยังไม่ใช่ชื่อแรกในผลโพลวันนี้ แต่อาจเป็นชื่อที่ประชาชนส่วนใหญ่เลือก เมื่อถึงวันที่ต้องตัดสินอนาคตประเทศอีกครั้ง” น.ส.ขัตติยากล่าว
'เท้ง' ยิ้มรับผลโพล
ส่วนนายณัฐพงษ์กล่าวว่า ต้องขอบคุณประชาชนทุกคนที่มอบความไว้วางใจให้ตนและพรรคประชาชนในการโหวตมากยิ่งขึ้น แต่หากวิเคราะห์อีกส่วนหนึ่ง เราจะเห็นว่าคะแนนนิยมของ น.ส.แพทองธารตกลงมาก ซึ่งเกิดจากความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน ที่ทำให้ประชาชนสูญเสียความเชื่อมั่น และยังมีคะแนนนิยมที่เพิ่มขึ้นต่อแคนดิเดตนายกฯ ท่านอื่น เช่น พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่ตนและพรรคประชาชนมีข้อเป็นห่วง เพราะเมื่อวานนี้ ในการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ หลายข้อเรียกร้องอาจจะเลยเถิดไปถึงการเรียกร้องนายกฯ ที่ใช้กระบวนการนอกระบบ เรียกร้องให้มีการปฏิวัติรัฐประหาร ผลโพลที่เราเห็นอาจจะนิยมตัวนายกฯ ที่มาจากฝั่งทหารมากยิ่งขึ้น ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ก็ยึดอำนาจมาด้วยตัวเอง จึงเป็นสิ่งหนึ่งที่เราค่อนข้างมีข้อกังวล ว่าความล้มเหลวของ น.ส.แพทองธารอาจจะนำไปสู่การเมืองที่พวกเราไม่อยากเห็น คือการใช้อำนาจนอกระบบหรือนายกรัฐมนตรีที่มาจากทหาร
เมื่อถามว่า คะแนนนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นมาอันดับสาม แสดงว่ามีคนส่วนหนึ่งต้องการให้มีอำนาจนอกกระบวนการใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ผลโพลสะท้อนความต้องการของประชาชน ซึ่งต้องการนายกฯ ที่มีความเข้มแข็งเข้ามาแก้ไขปัญหา เช่น สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ไม่ได้เป็นเรื่องที่ผิดที่ประชาชนจะเห็นแบบนั้น แต่เรามีข้อกังวลมากกว่า คือการที่มีกลุ่มก้อนบางกลุ่มหรือกลุ่มก้อนการเมือง พยายามฉกฉวยโอกาส ฉกฉวยความรู้สึกของคนในสังคมแบบนี้ เพื่อชิงความได้เปรียบ และนำไปสู่สถานการณ์ทางการเมืองบางอย่างที่ไม่ได้เป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตย โดยดูจากผลโพลด้วย และการเรียกร้องบนเวทีของแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมด้วย
เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านจะบริหารความไม่แน่นอนทางการเมืองในช่วงนี้อย่างไร นายณัฐพงษ์กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องการออกมาสื่อสารกับประชาชนให้ยืนอยู่บนหลักการ เรื่องของความเห็นต่าง ไม่ว่าจะเป็นการเรียกร้องให้นายกฯ ลาออก หรือเรียกร้องให้มีการยุบสภาตามจุดยืนของพรรค ปชน. คิดว่ายังพอพูดคุยถกเถียงกันได้ เพราะอยู่ในกรอบของประชาธิปไตย แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่กลุ่มผู้ชุมนุมที่ออกไปชุมนุมด้วยความบริสุทธิ์ใจ เริ่มเล็งเห็นแล้วว่ามีการชี้นำบางอย่างจากแกนนำว่าอยากให้มีการปฏิวัติรัฐประหาร หรือเรียกร้องกระบวนการอื่นๆ ที่ไม่ได้เป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตย อยากให้กลุ่มผู้ชุมนุมนั้นทบทวนดูว่าการจัดตั้งชุมนุมครั้งนี้คืออะไร
“เรากำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือไม่ ถ้าแต่ละคนเล็งเห็นแบบนั้น ผมคิดว่าก็เป็นสิทธิของเรา ซึ่งการแสดงออกเป็นสิทธิของเราก็จริง แต่การที่ไม่ไปชุมนุม ไม่ไปเป็นเครื่องไม้เครื่องมือให้กับใครก็ตาม ก็เป็นสิทธิของพวกเราเช่นเดียวกัน ที่ต้องพยายามมีสติ พยายามติดตามสถานการณ์ในตอนนี้” นายณัฐพงษ์กล่าว และว่า เราควรถอยมาที่หลักการใหญ่ๆ 2 ข้อ ข้อแรก เราอยากเห็นรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพ สามารถสร้างความเชื่อมั่นกับประชาชน ซึ่ง น.ส.แพทองธารไม่ใช่ทางออกอย่างแน่นอน นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลควรจะต้องมีการเปลี่ยน และข้อสอง เราจะต้องไม่สนับสนุนกระบวนการใดๆ ที่เป็นกระบวนการนอกระบบประชาธิปไตย ไม่ว่าทางเดินใดก็ตาม ถ้ามีการเรียกร้องให้ไปสู่จุดนั้น เราก็ต้องมีสติและถอยออกมา.