สำเร็จเปลี่ยนเศษปลา พัฒนาเป็น “โปรตีนไฮโดรไลเสต” แบบเข้มข้นช่วยลดต้นทุนอาหาร
นางฐิติพร หลาวประเสริฐ รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า ผลงานวิจัยการแปรรูปเศษปลาเพื่อผลิตโปรตีนไฮโดรไลเสตแบบเข้มข้น (Concentrated Protein Hydrolysate) เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างความสำเร็จที่กรมประมงได้ดำเนินการศึกษาวิจัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการเกิดการใช้ทรัพยากรประมงอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด โดยนำเศษวัตถุดิบเหลือทิ้งจากกิจกรรมประมงที่ไร้ประโยชน์กลับมาเพิ่มมูลค่า ซึ่งไม่เพียงช่วยลดปริมาณขยะอินทรีย์จากอุตสาหกรรมสัตว์น้ำ แต่ยังช่วยเกษตรกรลดต้นทุนในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และยังเป็นโอกาสให้ชุมชนและผู้ประกอบการสามารถนำไปต่อยอดเพื่อสร้างมูลค่าได้อีกด้วย
น.ส.ลัดดาวัลย์ ครองพงษ์ ผอ.กองวิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์น้ำ กรมประมง กล่าวว่า ได้ดำเนินการศึกษาวิจัยและประยุกต์การแปรรูปเศษปลาเพื่อผลิตโปรตีนไฮโดรไลเสต มาตั้งแต่ปี 2559 เนื่องจากเล็งเห็นศักยภาพของเศษปลาเหลือทิ้งจากวัตถุดิบในกิจการประมงว่า สามารถพัฒนาให้เกิดประโยชน์ได้ จึงได้ทดลองผลิต โปรตีนไฮโดรไลเสต โดยเลือกใช้กระบวนการหมักด้วยจุลินทรีย์ (Microbial Fermentation) ที่เป็นการหมักเศษปลาด้วยเชื้อ Lactobacillus plantarum ที่เลี้ยงในน้ำสับปะรด ซึ่งมีราคาย่อมเยาและหาได้ง่าย โดยโปรตีนไฮโดรไลเสตจากเศษปลาที่ได้จะเป็นส่วนก้าง และที่ปั่นเป็นของเหลว จึงนำไปทำเป็นผงด้วยวิธี Spray Drying ได้ค่าโปรตีนถึงร้อยละ 50 ซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนทางเลือกที่สามารถใช้เป็นวัตถุดิบในอาหารสัตว์น้ำที่ใช้ต้นทุนการผลิตต่ำ แต่ให้ผลผลิตโปรตีนไฮโดรไลเสตที่อุดมด้วยกรดอะมิโนในรูปแบบที่สัตว์น้ำสามารถดูดซึมได้ทันที เหมาะสำหรับการนำไปใช้เลี้ยงสัตว์น้ำวัยอ่อน
จากนั้น ทางศูนย์ฯ ได้ต่อยอดงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์โดยนำไปทดลองเลี้ยงในลูกกุ้งแชบ๊วยระยะ PL15 ภายใต้ “โครงการการประยุกต์ใช้โปรตีนไฮโดรไลเสตจากเศษปลาทะเลในอาหารกุ้งแชบ๊วย (Fenneropenaeus merguiensis) De Man, 1888” ผลปรากฏว่า สามารถใช้ทดแทนปลาป่นในสูตรอาหารได้มากถึงร้อยละ 42 ซึ่งช่วยลดต้นทุนค่าอาหารสัตว์น้ำ และเพิ่มทางเลือกในการใช้ประโยชน์จากวัสดุเหลือใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างมาก กระทั่งในปี 2567 ได้ขยายงานวิจัยดังกล่าวสู่เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ตามแผนงานยุทธศาสตร์การเกษตรสร้างมูลค่า ภายใต้กิจกรรมส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวัสดุเหลือใช้ทางการประมง เพื่อให้เกษตรกรสามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่ยังพบอุปสรรคในการใช้งานจริง เนื่องจากการผลิตมีความยุ่งยากในการเตรียมหัวเชื้อจุลินทรีย์ ราคาสับปะรดบางพื้นที่ค่อนข้างสูง และยังมีข้อจำกัดในการใช้ผลิตภัณฑ์ในรูปแบบน้ำ ซึ่งไม่สามารถใช้แทนปลาป่นได้มากในสูตรอาหารสัตว์น้ำ ปัจจุบันทางศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์น้ำชลบุรี จึงได้ดำเนินการปรับกระบวนการผลิตโปรตีนไฮโดรไลเสตให้เหมาะสมกับการใช้งานของเกษตรกรมากขึ้น โดยนำโปรตีนไฮโดรไลเสตในรูปแบบน้ำที่ผ่านการกรองแยกก้างและเกล็ดออกแล้วมากรองซ้ำอีกครั้ง เพื่อให้ได้เฉพาะส่วนของ ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ส่วนของเหลวที่ได้จะถูกนำไปผ่านกระบวนการทำแห้งแบบ Spray Drying เพื่อให้เป็นผงโปรตีนที่สามารถผสมในสูตรอาหารสัตว์ได้ง่ายและเก็บรักษาได้นาน พร้อมพัฒนารูปแบบ “โปรตีนไฮโดรไลเสตแบบเข้มข้น” สำหรับใช้คลุกเคลือบเม็ดอาหาร ทำหน้าที่เป็นสารดึงดูดกลิ่น (Feed attractant) และเพิ่มคุณค่าทางอาหาร ส่งผลให้สัตว์น้ำกินอาหารได้ดีขึ้น เจริญเติบโตเร็วขึ้น และมีอัตรารอดสูงขึ้น
นอกจากนี้โปรตีนไฮโดรไลเสตแบบเข้มข้น ยังเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับใช้ในสัตว์น้ำวัยอ่อน ซึ่งมีระบบย่อยอาหารที่ยังไม่พัฒนาเต็มที่ โดยเฉพาะในลูกกุ้งหรือลูกปลาวัยอ่อน รวมถึงในกระบวนการผลิตยังสามารถปรับสูตรและแหล่งวัตถุดิบให้เหมาะกับพื้นที่หรือฤดูกาลได้ นอกจากนี้ ยังได้วางแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสนับสนุนเกษตรกร เช่น การผลิตกล้าเชื้อจุลินทรีย์แบบพร้อมใช้ การพัฒนาผงน้ำสับปะรดแห้งสำหรับการหมัก การศึกษาการใช้น้ำอ้อยเป็นแหล่งอาหารทดแทนน้ำสับปะรดในการเลี้ยงเชื้อจุลินทรีย์ เพื่อให้เกษตรกรสามารถเลือกใช้วัตถุดิบตามความพร้อมและศักยภาพของแต่ละพื้นที่ต่อไป เกษตรกรที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์น้ำชลบุรี โทร. 0 3831 2352 Facebook : ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์น้ำชลบุรี E-mail : aquafeed_chonburi@yahoo.com