ยกเลิกตั้งสมณศักดิ์81รูป แจ้ง3ข้อหาหนักสีกากอล์ฟ
โปรดเกล้าฯ ยกเลิกประกาศสถาปนาสมณศักดิ์และพระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์ รวม 81 รูป “ภูมิธรรม” สั่งจัดระเบียบวงการสงฆ์แก้ไข กม.ให้ชัด ครอบคลุมความผิดทุกมิติ “สุชาติ” เร่งแก้ กม.เอาผิดผู้เสพเมถุน ขอสภาถก 3 วาระรวด “บิ๊กเต่า” นำทีมจับ "สีกากอล์ฟ" คาบ้านพัก ข้อหาร่วมกันฟอกเงิน-รับของโจร “ผอ.พศ.” ลั่น พศ.จังหวัดปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ แย้มร่าง กม.ครอบคลุมหมด อวดอุตริ-สักยันต์-รดน้ำมนต์ มีโทษด้วย
เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2568 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศยกเลิกพระบรมราชโองการประกาศสถาปนาสมณศักดิ์ และพระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์ ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า ตามที่ทรงพระกรุณาโปรดสถาปนาสมณศักดิ์พระสงฆ์ จำนวน 4 รูป และพระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์ จำนวน 77 รูป รวมทั้งหมด 81 รูป ตามประกาศพระบรมราชโองการ จำนวน 2 ฉบับ ลงวันที่ 22 มิถุนายน 2568 ในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม พุทธศักราช 2568 นั้น
บัดนี้ ทรงมีพระราชดำริว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวทางสื่อมวลชนเกี่ยวกับพระภิกษุ ซึ่งประพฤติตนไม่เหมาะสมแก่สมณสารูป และพระราชาคณะกระทำผิดพระธรรมวินัย เป็นเหตุให้พุทธศาสนิกชนได้รับผลกระทบต่อจิตใจเป็นอย่างยิ่ง จึงประกาศยกเลิกพระบรมราชโองการประกาศสถาปนาสมณศักดิ์และพระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์ดังกล่าว ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม พุทธศักราช 2568
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในที่ประชุมเรื่อง ปัญหาพระภิกษุสงฆ์ กระทำความผิดวินัยสงฆ์ ในกรณีพระชั้นผู้ใหญ่หลายรูปกระทำผิดวินัยสงฆ์ ซึ่งปรากฏว่าพระหลายรูปได้มีการลาสิกขาไปแล้ว แต่ขณะที่ยังมีพระอีกหลายรูป ที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว ซึ่งส่งผลกระทบต่อความศรัทธาของประชาชนต่อพุทธศาสนาของประเทศโดยรวม จึงขอให้นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแล ให้สำนักงานพระพุทธศาสนา ร่วมกับมหาเถรสมาคม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการติดตามพระสงฆ์และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดทุกฝ่ายในเรื่องนี้ มาเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย และดำเนินตามวินัยสงฆ์
"พิจารณาถึงการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ครอบคลุมถึงความผิดในทุกมิติ รวมถึงการบริหารจัดการดูแลเงินของวัดให้มีความโปร่งใสตรวจสอบได้ เพื่อไม่ให้เกิดความเสื่อมเสียแก่พระพุทธศาสนา ให้กระทรวงวัฒนธรรมรณรงค์ร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมไทยพุทธที่ถูกต้อง รวมทั้งวิธีการปฏิบัติตนระหว่างฆราวาสและพระสงฆ์ในการดำเนินชีวิตตามวิถีขนบธรรมเนียมประเพณีไทย เพื่อธำรงไว้ซึ่งศีลธรรมอันดี ความสงบเรียบร้อยของประชาชน" นายจิรายุกล่าว
ด้านนายสุชาติ ตันเจริญ กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาสงฆ์จะสามารถแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 206 เพื่อสามารถเอาผิดพระสงฆ์ที่มีพฤติกรรมเสพเมถุนได้หรือไม่ ว่า ไม่ได้ ควรแก้กฎหมายดีกว่า เพราะเป็นเรื่องของสถานที่ ไม่ใช่บุคคล โดยรัฐบาลกำลังจะคุยกับวิปรัฐบาลให้ไปเจรจากับสภาให้พิจารณา 3 วาระรวดจะได้หรือไม่ ซึ่งจะเป็นการแก้กฎหมาย เพราะถ้าจะให้เป็นการร่างกฎหมายใหม่มีหลายองค์ประกอบ ตอนนี้ต้องเน้นเรื่องพระสงฆ์ ซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนก่อน จะแก้เรื่องความผิดของผู้เสพเมถุนจะเป็นพระสงฆ์ สามเณรหรือสีกา อะไรที่ผิดวินัยสำหรับพระสงฆ์ก็จะโดนในเรื่องนี้ ส่วนบุคคลธรรมดาถึงจะสมัครใจก็โดน โดยมีโทษทั้งโทษปรับสูงสุด 24,000 บาท และโทษจำคุก 1-7 ปี
เมื่อถามว่า จะสามารถนำกฎหมายเข้าสภาได้เมื่อไหร่ นายสุชาติกล่าวว่า กำลังจะเร่งอยู่ เพราะขั้นตอนมันเยอะ ร่างกฎหมายที่เขาร่างมาเรายังไม่พอใจ ขอไปแก้ไขนิดหน่อย ยังไม่ทราบว่าจะนำเข้า ครม.วันไหน ขอดูอีกครั้ง ส่วนกรอบเวลาขึ้นอยู่ที่กระบวนการทำประชาพิจารณ์ด้วย ส่วนกฎกระทรวงมันกำหนดโทษอะไรไม่ได้ กฎกระทรวงจะเป็นการให้ปฏิบัติตาม ที่จะบังคับใช้ให้วัดถือเงินสดได้ไม่เกิน 1 แสนบาท จะต้องมีการตรวจสอบบัญชีส่วนตัวของพระด้วย
วันเดียวกัน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป., พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. นำกำลังเข้าจับกุม น.ส.วิลาวัลย์ เอมสวัสดิ์ หรือสีกากอล์ฟ อายุ 35 ปี ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบกลาง ในข้อหา “สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ม.147, ร่วมกันฟอกเงิน สมคบกันฟอกเงิน, รับของโจร ภายในบ้านพักหมู่บ้านหรู จ.นนทบุรี หลังพบเส้นทางการเงินของอดีตพระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โอนเงินให้ 3.8 แสนบาท ซึ่งเป็นเงินจากบัญชีของวัด
จากนั้นเจ้าหน้าที่กองกำกับการ 2 กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ได้ควบคุมตัว น.ส.วิลาวัลย์เข้ามาที่อาคารพิทักษ์สันติ โดยสวมใส่เสื้อยืดและกางเกงขายาวสีดำ มัดผมและใส่หน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามในคดีที่เกิดขึ้น รวมทั้งความสัมพันธ์กับพระชั้นผู้ใหญ่หลายรูป แต่สีกากอล์ฟไม่ตอบคำถาม ได้แต่เดินก้มหน้าด้วยอาการอ่อนแรง
ที่รัฐสภา นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) พร้อมด้วยนายบุญเชิด กิตติธรางกูร รองผู้อำนวยการ พศ. มาที่อาคารรัฐสภา โดยได้ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับระเบียบให้วัดถือเงินสดไม่เกิน 1 แสนบาทว่า เรามีกฎระทรวงออกมาเมื่อปี 2564 ว่าวัดต้องจัดทำบัญชีรับจ่ายตามแบบฟอร์มที่ พศ.กำหนด รวมถึงต้องเปิดบัญชีธนาคารเป็นชื่อของวัด โดยมีผู้มีอำนาจเบิกจ่าย 2 ใน 3 นอกจากนี้ จะต้องถือเงินสดไม่เกิน 1 แสนบาท เกินจากนั้นให้ฝากธนาคาร เราดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2564 แต่กฎกระทรวงฉบับนี้ไม่มีมาตรการบังคับ ซึ่งมหาเถรสมาคมได้ออกมติไปแล้วว่า หากวัดใดไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวงที่ออกไว้ จะต้องมีมาตรการลงโทษเหมือนกับวินัยข้าราชการ
เมื่อถามว่า จะมีมาตรการเรียกความศรัทธาให้ประชาชนกลับมาได้อย่างไร นายอินทพรกล่าวว่า พระจริงๆ เรามี 3 แสนรูป เราไม่อยากจะแก้ตัวว่าเป็นเรื่องของบุคคล คนใดทำกรรมไว้ก็รับผลกรรมของตัวเองไป แต่กรรมนั้นส่งผลกระทบต่อภาพรวม อยากกราบเรียนประชาชนว่า พระดีๆ ยังมีอีกเยอะ ถ้าเห็นสิ่งใดไม่ชอบมาพากล คงต้องช่วยกันตรวจสอบ สำนักงานพระพุทธศาสนาทั่วประเทศจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้แล้ว
ถามว่า ร่างกฎหมายห้ามพระเสพเมถุนดำเนินการไปถึงไหนแล้ว นายอินทพรกล่าวว่า ได้ส่งไปให้หลายส่วนที่เกี่ยวข้องแสดงความเห็น ยังมีอีกหลายกรณีที่ไม่ได้มีการเสพเมถุนอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องที่ทำให้คณะสงฆ์ได้รับความเสื่อมเสีย การอวดอุตริ การสัก การรดน้ำมนต์ ก็อยู่ในบทลงโทษด้วย
ส่วนความคืบหน้าจากภาพและคลิปฉาวของพระเทพวัชรสิทธิเมธี เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง ซึ่งตกเป็นข่าวฉาวว่าเข้าไปพัวพันเกี่ยวข้องกับสีกากอล์ฟ ล่าสุดเมื่อเวลา 09.39 น. ท่านเจ้าคุณพระเทพวัชรสิทธิเมธีได้ทำการขอลาสิกขากับพระธรรมวชิราภรณ์ “เจ้าคุณริด” เจ้าอาวาสวัดตากฟ้า พระอารามหลวง และพระสงฆ์เป็นสักขีพยาน ที่วัดตากฟ้า พระอารามหลวง จ.นครสวรรค์ จากนั้นทิดวิรัชได้กล่าวขออโหสิกรรม และจะไม่ถือโทษโกรธเคืองใคร ให้ถือว่าเป็นไปตามวาระกรรมของข้าพเจ้าดังกล่าว.